ที่มา ประชาทรรศน์
คอลัมน์ : คิดในมุมกลับ
โดย ปฏิญา ยอดเมฆ
อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยท่านหนึ่ง เคยถูกโจมตีว่าเป็นนักการเมืองแบบนักการตลาด หรือนักสร้างภาพ...
โจมตีกระทั่งนโยบายที่ใช้หาเสียงและปฏิบัติได้จริงว่าเป็น “ประชานิยม” หรือมุ่งเอาใจประชาชนจนไม่เล็งเห็นผิดถูก
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมามีลักษณะที่แสน “ย้อนแย้ง” นั่นคือ แม้แต่บรรดาผู้ที่โจมตีและแสดงความรังเกียจ “การตลาด-ประชานิยม” ก็ยังปรากฏว่าหยิบกลยุทธ์เดียวกันนี้มาใช้เรียกคะแนนของตัวเองบ้าง
นโยบายแทบทุกพรรคที่ใช้ในการหาเสียงเมื่อปลายปีที่แล้ว ล้วนแล้วแต่อยู่บนฐานการโฆษณาประชาสัมพันธ์ว่าจะ “ทำอะไร” เพื่อเอาใจประชาชนทั้งสิ้น...
พลิกมุมการเมืองแบบใหม่โดยมุ่งเน้นสัญญาใน “ผลงาน” มากกว่าขายชื่อพรรคหรือสัญญาว่าจะเป็นคนดี (ซึ่งวัดผลได้ยาก)
หรือแม้แต่เร็วๆ นี้ ก็ยังมีกลยุทธ์การตลาดจากนักการเมืองที่สร้างความฮือฮาไปทั่วประเทศ ได้แก่ เอสเอ็มเอสจากนายกฯ คนใหม่นั่นเอง...
“แหวนยายเนียม” นั่นก็ใช่...เอาใจคนอีสานและคนเฒ่าคนแก่แบบสุดๆ
สิ่งเหล่านี้ไม่มีดีหรือเสีย เพราะผลของมันคือทำให้ประชาชนหันมาฟังและให้ความสนใจ แต่สิ่งสุดท้ายก็อยู่ที่ตอน “ลงมือ” ว่าจะทำได้จริงสมดังที่ “ตั้งท่า” มาหรือเปล่า
“ทำได้จริง” สิ่งนี้แหละคือความแตกต่างที่เคยทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งกลายเป็นนายกฯ ระดับตำนานที่ครองหัวใจประชาชนได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด และทำให้พรรคการเมืองพรรคหนึ่งชนะการเลือกตั้งได้ถล่มทลายเป็นประวัติการณ์
ไม่ใช่แค่เพราะ “การตลาด” หรือนโยบายขายฝันไปวันๆ เป็นแน่...
ถึงวันนี้ ใครต่อใครที่เคยโจมตีว่าสร้างภาพ โจมตีว่าขายฝัน แต่เมื่อถึงคราวตัวเองก็ยังอุตส่าห์เดินตามรอยเป๊ะๆ
จะทำก็ทำไป ไม่มีใครว่า แต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหละว่าความแตกต่างมันไม่ได้อยู่ที่เปลือก...
แต่หากอยากเข้าไปครองพื้นที่ในหัวใจได้เหมือนที่อีกคนหนึ่งเคยทำ...ก็แค่ “ทำ” ให้ได้อย่างที่ “พูด” เท่านั้นเอง...