WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, December 23, 2008

โอ้มายก๊อด‘กษิต’สนุก!ยึดสนามบิน

ที่มา ประชาทรรศน์

* ทูตทั่วโลกอึ้ง “อาหารอร่อย-ดนตรีไพเราะ”

เป็นที่น่าตกใจและน่าอับอายไปทั่วโลก เมื่อคนที่เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ
ต่างประเทศของไทย มีความชัดเจนว่าเป็นหนึ่งในแกนนำม็อบยึดสนามบินจนถูกประณาม และสร้างผลกระทบไปทั่วทั้งโลกอย่างมหาศาล แถมซ้ำร้ายยังกล้าหาญออกมากล่าวขอร้องทูตต่างประเทศให้มองเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องดีงาม และออกหน้าแก้ตัวให้ม็อบชั่ว โดยอ้างหน้าตาเฉยว่าการชุมนุมเป็นกระบวนการในการผลักดันประชาธิปไตย ให้ก้าวไปข้างหน้า

โอววว!ยึดสนามบินเป็นเรื่องสนุก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา อ้างสำนักข่าว 'เดลี่ เทเลกราฟ'ในประเทศอังกฤษ ว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวต่อบรรดาทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยและผู้สื่อข่าวต่างประเทศเมื่อวันศุกร์ที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเขาได้สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ทูตเหล่านี้ ว่าการเข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นเรื่องสนุกมาก เพราะอาหารก็อร่อย แถมดนตรีก็เยี่ยม พร้อมทั้งกล่าวปกป้องกลุ่มพันธมิตรฯว่า อยากขอให้เหล่าทูตมองกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าเป็นการผลักดันกระบวนการความเป็นประชาธิปไตยของไทยไปข้างหน้า

และควรจะมีความสุขเป็นครั้งแรก ที่มีประชาชนธรรมดาออกมาแสดงพลังอย่างเต็มที่เพื่อคัดค้านการคอร์รัปชั่น โดยหากสังคมยังคงต้องเปลี่ยนแปลง ก็จำเป็นจะต้องแลกกับการสูญเสียบ้าง

ซัดม็อบย่ำยีทัวริสต์3.5แสนคน

สำนักข่าวเดลี่ เทเลกราฟ ระบุว่า เหตุการณ์ยึดสนามบินสุวรรณภูมิได้ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 350,000 คนต้องติดอยู่ในประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างรุนแรง พร้อมประเมินว่าธุรกิจท่องเที่ยวจะทำให้คนตกงานกว่า 1,000,000 คน ซึ่งเป็นหน้าที่ของนายกษิตที่จะต้องฟื้นภาพลักษณ์ของเมืองไทยต่อนานาชาติ เพราะเคยเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของกลุ่มพันธมิตรฯ และปัจจุบันก็ยังคงเป็นอยู่

นอกจากนี้ยังระบุอีกว่ามีผู้สังเกตการณ์เป็นจำนวนมากที่เชื่อว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะได้รับการยกเว้นจากการลงโทษและเป็นส่วนหนึ่งในการโค่นล้มอำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะกองทัพได้ต่อต้านอำนาจของทักษิณที่กลับมาอีกครั้ง

สื่อนอกย้ำนายกฯก็ยังเลือกข้าง

ทางกองทัพเองมีหน้าที่ในการรับผิดชอบดูแลรักษาความปลอดภัยแต่ก็ไม่ได้ทำการขัดขวางผู้ประท้วงที่เข้ามาปิดล้อมสนามบินที่เป็นศูนย์กลางการบินของเอเชียเลย

ผู้สื่อข่าวจำนวนมากต่างตั้งข้อสังเกตว่า บุคคลที่มีความสำคัญในกองทัพมีบทบาทในการชักชวนให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตกเป็นเครื่องมือในการสลับขั้วเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม ถามว่ากองทัพมีบทบาทอะไรในการทำให้พรรคของเขามีอำนาจ นายกษิต ตอบว่า “ไม่รู้”

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนใหม่กล่าวว่า สัญญาว่าจะให้ความยุติธรรมแก่กลุ่มพันธมิตรฯ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเลือกข้างอยู่ ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็เคยเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในการเป็นแกนนำสำคัญและสนับสนุนกลุ่มพันธมิตร พร้อมกันนี้ก็ยังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งพรรคประชาธิปัตย์ของนายอภิสิทธิ์ด้วย

ออกโรงแก้ต่าง-ปกป้องพันธมิตร

ขณะเดียวกันยังอ้างถึง ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร อาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ตกเป็นเครื่องมือในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นคิดว่า พวกเรากำลังผิดหวังกับรัฐบาลที่คอยเอาใจกลุ่มพันธมิตรที่ทำกิจกรรมมากมายโดยใช้กำลังบังคับให้ปฏิบัติตามกฎหมาย นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้กล่าวตำหนิบรรดาทูต และผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ไม่แสดงความเห็นใจต่อเหตุผลของกลุ่มพันธมิตร

โดยนายกษิต เองก็ควรที่จะมีมารยาทในฐานะที่เป็นเจ้าบ้านกับชาวต่างชาติเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของแนวโน้มความรุนแรงที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้กลุ่มการ์ดรักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตร ที่พกพาอาวุธปืนมีระเบิดและถูกนานาชาติเรียกว่ากองกำลังติดอาวุธ ก็ถูกนายกษิต แก้ต่างโดยตะแบงว่าแล้วภรรยาของเขาที่มาร่วมชุมนุมทุกเย็นโดยมีเฉพาะอาหารกับยา เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังด้วยหรือเปล่า

เอาเข้าไป!ถึงจะเป็นพธม.แต่เก่ง

ขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานเมื่อวันเดียวกันว่า สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้แสดงความยินดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย พร้อมกล่าวชื่นชมต่อนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ ว่า เป็นบุคคลที่มีท่าทีที่เป็นมิตร และมีความประนีประนอมมากกว่ารมว.ต่างประเทศของไทยในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นสัญญาณที่ดีแห่งมิตรภาพระหว่างทั้ง 2 ประเทศในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งพรมแดน

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง กล่าวว่า ไม่กังวลกับเสียงคัดค้านโจมตีนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กรณีที่ถูกมองว่าใกล้ชิดกับกลุ่มพันธมิตรฯ เชื่อว่าประสบการณ์ด้านการต่างประเทศของนายกษิต จะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล และจะช่วยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในเรื่องการต่างประเทศได้มาก

"กษิต"ยันท่าทีต้องเปลี่ยนไป

ด้านนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงเสียงวิจารณ์เรื่องท่าทีแข็งกร้าวระหว่างขึ้นเวทีพันธมิตรว่า ขอให้รอดูการทำงานในกระทรวงก่อน แต่ยืนยันว่าท่าทีจะต้องเปลี่ยนไปอยู่แล้ว เพราะขณะนี้สวมหมวกคนละใบ

ส่วนกรณีที่นายกฯให้พิจารณาจับการประชุมอาเซียนซัมมิทที่จ.เชียงใหม่ นายกษิต กล่าวว่า ยังไม่ทราบ
นายกษิตยังเปิดเผยว่า เตรียมเดินทางเข้ากระทรวงครั้งแรก ในวันที่ 24 ธันวาคมนี้ เวลา 09.00 น. เพื่อไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนเข้าทำงานอย่างเป็นทางการ

ปชป.เอาอย่างไรกับเขาพระวิหาร

ส่วนเรื่องของการแก้ปัญหาเขาพระวิหาร ที่นายกษิต เคยพูดจาเอาไว้มากมายบนเวทีพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์ เคยดาหน้าถล่มรัฐบาลก่อนเอาไว้มากมายนั้น ได้กลายเป็นประเด็นคำถามว่าเมื่อวันนี้นายกษิต ได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรี และพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจะจัดการกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร โดยที่หลายต่อหลายเสียงต่างแสดงความไม่เชื่อว่ารัฐบาลนี้จะสามารถแก้ปัญหาได้

ด้านนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่าเป็นที่ทราบดีว่านายกษิต เคยขึ้นเวทีพันธมิตรฯ กล่าวโจมตีรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยเฉพาะกรณีปราสาทเขาพระวิหารนั้น เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความบาดหมางและกระทบความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา เป็นที่ทราบดีว่าการปราศรัยด้วยถ้อยคำเหล่านั้นเป็นความพยายามดิสเครดิตรัฐบาล โดยเอาความรักชาติมาเป็นเครื่องมือต่อรอง

กษิตต้องตอบคำถาม2ข้อให้ได้

ในเมื่อนายกษิตได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอธิบายข้อสงสัย 2 ประการต่อสาธารณะคือ1. การกล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯเพื่อโจมตีรัฐบาลเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร จนเป็นเหตุให้เกิดกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 2. ต้องอธิบายต่อชาวยุโรปถึงการสนับสนุนให้กลุ่มพันธมิตรฯยึดท่าอากาศยานนานาชาติ หากจะมาดำรงตำแหน่งเจ้ากระทรวงการต่างประเทศ

อย่างไรก็ตามแกนนำนปช.ระบุถึงคุณลักษณะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่า ต้องเป็นบุคคลที่สามารถเจรจากับนานาประเทศได้อย่างมีไมตรี และต้องมีความน่าเชื่อถือ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานายกษิต เป็นบุคคลที่มีลักษณะใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งแบบสุดโต่ง และเคยกล่าวโจมตีรัฐบาลกัมพูชาจนเป็นเหตุให้เกิดความสั่นคลอนระหว่างกองกำลังทหาร และประชาชน ทั้ง 2 ประเทศ

ไม่เชื่อน้ำยาจะทวงคืนได้

ดังนั้นจึงไม่เห็นช่องทางที่นายกษิตจะทำการเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาได้อย่างสนิทใจ และไม่เห็นทางที่ไทยจะได้รับประโยชน์จากการเจรจาเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนแต่อย่างใด

"ทำได้ไหมหล่ะที่ต้องเอาความจริงมาพูดในวันนี้ เราต้องยอมรับก่อนว่า ปราสาทเขาพระวิหารได้ตกเป็นของเขมรตามคำตัดสินของศาลโลก ตั้งแต่พ.ศ.2505 ไม่ใช่เป็นเพราะรัฐบาลชุดนายสมัคร สุนทรเวช อย่างที่ต้องการโจมตีให้เกิดความเข้าใจผิด สิ่งแรกที่รัฐบาลต้องทำคืออธิบายให้ประชาชนได้เข้าใจในสิ่งที่ถูกต้องอธิบายตามหลักทางกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะเป็นการสร้างความเข้าใจผิดยาวนาน อันที่จริงรมว.ต่างประเทศต้องทำหน้าที่เป็นมิตรกับทุกประเทศ เจรจาแบบสันติ แต่คุณกษิตมีปัญหาเพราะว่าเคยพูดปลุกระดมให้มวลชนเข้าใจผิด จนส่อที่จะเกิดสงครามระหว่าง2ประเทศ แล้ววันนี้จะมาตั้งโต๊ะเจรจาได้สนิทใจได้อย่างไรกัน" แกนนำนปช.กล่าว

นักก.ม.รอดูนโยบายทวงคืน

ด้านนายนรินทร์พงษ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากที่ทราบกันดีทางประวัติศาสตร์ประเทศไทยได้เสียปราสาทเขาพระวิหารให้กับประเทศกัมพูชาตั้งแต่การตัดสินของศาลโลก พ.ศ.2505 ซึ่งนั่นเป็นในการพิจารณาทางข้อกฎหมายและเอกสารที่มีอยู่ จึงไม่ทราบว่าจะคิดค้นหาวิธีใดที่ให้ไทยได้ครองปราสาทเขาพระหารแต่เพียงผู้เดียว ส่วนนายกษิตนั้น ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นใคร มาจากไหน ซึ่งในเบื้องต้นตนยังไม่อยากที่จะตั้งคำถามกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในขณะนี้ คงต้องรอพิจารณารูปแบบของนโยบายของกระทรวงเสียก่อน ว่าจะมีแนวทางทวงคืนปราสาทเขาพระวิหารตามที่นายกษิตเคยได้อ้างไว้อย่างไรบ้าง แล้วจึงค่อยมาทำการวิเคราะห์กันว่าจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน

"เขาพูดโจมตีบนเวทีเรื่องเขาพระวิหาร แต่วันนี้คงไม่ได้เพราะจะยิ่งเป็นผลกระทบถึงความสัมพันธ์ คุณกษิตจะสามารถทำได้หรือไม่เพื่อให้เกิดการเจรจาที่อะลุ่มอล่วยมากที่สุด เพราะผลประโยชน์ระหว่าง 2ประเทศควรได้มาด้วยความประนีประนอม ตรงนี้จะทำได้หรือไม่ต้องรอวิเคราะห์แนวนโบายของพรรคประชาธิปัตย์ ของรัฐบาลเอง" นายกสมคมทนายความฯกล่าว