ที่มา ประชาทรรศน์
คอลัมน์ : โต๊ะข่าวประชาทรรศน์
โดย อัชฌาวดี
คำพูดที่ “ขัดแย้ง” ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่าพันธมิตรฯจะต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย เพราะพันธมิตรฯไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย
แต่กลับแต่งตั้งให้ นายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว. ต่างประเทศ บ่งบอกถึงความไม่จริงใจของนายอภิสิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง
นายอภิสิทธิ์เอาผู้สนับสนุนการบุกยึดสนามบินและมีจุดยืนเรียกร้องเอาปราสาทเขาพระวิหารคืนจากเขมรมาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ
แถมนายกษิตตบหน้าคนไทยทั้งประเทศ ด้วยการกล่าวยอมรับต่อบรรดาคณะทูตานุทูตต่างประเทศ และผู้สื่อข่าวต่างประเทศว่า การยึดสนามบินสุวรรณภูมิของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นเรื่องสนุกมาก เพราะอาหารก็อร่อย แถมดนตรีก็เยี่ยม และอยากให้เหล่าทูตมองการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าเป็นการผลักดันกระบวนการประชาธิปไตยของไทยไปข้างหน้า
การยอมรับครั้งนี้ของ นายกษิต นอกจากจะเป็นการตบหน้าคนไทยทั้งประเทศแล้ว ยังถือว่านายกษิตดูถูกแผ่นดินเกิดของตัวเองอย่างไม่น่าให้อภัย
ต่างชาติมองเมืองไทยว่า“บ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป” เพราะประเคนเก้าอี้รมว.ต่างประเทศ ให้ผู้ร่วมก่อการร้ายยึดสนามบิน
แม้หลายฝ่ายจะออกมาช่วย นายกษิต โดยระบุว่า จะต้องวางอดีตไว้เบื้องหลังให้มากที่สุด แต่อยากถามบรรดานักธุรกิจทั้งหลายที่ต้องหลั่งน้ำตา เพราะขาดทุนย่อยยับ คุณยอมรับ รมว.ต่างประเทศ คนนี้ได้หรือ ?
การปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองนั้นสร้างความเสียหายอย่างหนักให้แก่ประเทศไทยขนาดไหน ไม่ใช่แค่เรื่องท่องเที่ยว
แต่เสียหายทั้งระบบตั้งแต่การส่งออก การขนส่งสินค้า การพาณิชย์ และที่สำคัญคือความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติต่อประเทศไทยพังทลายไปเลย
นักท่องเที่ยวกว่า 3.5 แสนคนที่ตกค้างอยู่ในประเทศไทยจากการปิดสนามบินกว่า 7 วัน ทำความเสียหายให้ธุรกิจการบินและการท่องเที่ยวหลายแสนล้านบาท
นักท่องเที่ยวจากหลายประเทศยกเลิกการเดินทางมาประเทศไทยในเดือนธันวาคมจนถึงต้นปีหน้าส่งผลโดยตรงต่อเม็ดเงินของรายได้จากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทยที่ต้องขาดหายไป
ซึ่งเม็ดเงินเหล่านี้จะส่งผ่านธุรกิจท่องเที่ยวเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นสถานประกอบการด้านที่พัก บริษัทนำเที่ยวในประเทศไทย ภัตตาคาร ร้านอาหารและธุรกิจขนส่งในประเทศถึงร้อยละ 60 และที่เหลืออีกร้อยละ 40 จะเป็นรายได้ที่ส่งผ่านการช็อปปิ้ง ในห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าของที่ระลึก
ยิ่งกว่านั้นผลกระทบครั้งนี้ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายแค่ในกรุงเทพฯซึ่งเป็นประตูหลักที่รับนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่กระจายไปยังผู้ประกอบการในแหล่งท่องเที่ยวหลัก ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติค่อนข้างมาก
ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ สมุย กระบี่ ชะอำ หัวหิน แม้แต่แหล่งท่องเที่ยวรอง ซึ่งเคยอาศัยการท่องเที่ยวพ่วงไปกับแหล่งท่องเที่ยวหลัก เช่น อยุธยา กาญจนบุรี แม่ฮ่องสอน เชียงราย ก็ได้รับความเสียหายกระจายไปถ้วนหน้า
ความเสียหายขนาดนี้จะบอกให้นักธุรกิจที่กำลังขาดทุนจนแทบล้มละลาย ให้ลืมๆ กันไป เหมือนเด็กเล่นขายของกระนั้นหรือ
คนที่แนะนำแบบนี้ สมควรไปกราบขอโทษผู้ที่ได้ผลกระทบจากการเข้ายึดสนามบินของพันธมิตรฯ ด้วย
แม้ว่า นายกษิตจะได้รับการยกย่องจากคนบางกลุ่มว่าเป็นนักการทูตระดับสูงมีทักษะในการผลักดันกระบวนการประชาธิปไตยของไทยไปข้างหน้า
แต่ “ประชาธิปไตยขี้เรื้อน” และ “กระจอกงอกง่อย” เช่นนี้...ยิ่งพยายามรักษาเอาไว้ รังแต่จะทำให้สายตาชาวโลกเหมารวม “นักการทูตไทย” ว่าเป็น “ขี้ทูดกุดถัง” กันไปหมดทั้งชาติ