WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, December 24, 2008

นักวิชาการรุมยำ‘กษิต’จุดอ่อนรัฐบาล

ที่มา ประชาทรรศน์

* จี้‘มาร์ค’เร่งเปลี่ยนตัว-ต่างชาติไม่ยอมรับ

“นักวิชาการ” ดาหน้ารุมยำรมต.สุวรรณภูมิ “กษิต ภิรมย์” ชี้ชัดเป็นจุดอ่อนของรัฐบาล จี้นายกฯ เร่งเปลี่ยนตัวเพราะต่างชาติไม่ยอมรับแถมคำสัมภาษณ์ยังทำเอานานาชาติมองไทยเป็นตัวตลก ระบุหัวหน้ารัฐบาลต้องคุมพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด อย่าให้พูดจานอกลู่นอกทาง แต่ก็เป็นห่วง “อภิสิทธิ์” จะไม่กล้าขัดใจ เพราะเกรงกระทบความสัมพันธ์กลุ่มพันธมิตรฯ ที่เชื่อกันว่ามีส่วนสำคัญในการผลักดันให้แป็นรัฐบาล แนะทางที่ดี “กษิต” ต้องแจงท่าทีต่อธม.ให้ชัดว่าคิดอย่างไร ด้าน “เพื่อไทย” ที่มี “เฉลิม” เป็นหัวหน้าทีมชำแหละนโยบายรัฐบาล แย้มงานนี้รัฐมนตรีบัวแก้วอ่วมแน่

* ‘เฉลิม’ขู่วันแถลงนโยบายกษิตอ่วมแน่นอน

การเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ของนายกษิต ภิรมย์ ที่เชื่อ
กันว่ามาจากโควตาของกลุ่มพันธมิตรฯ อันเนื่องมาจากเคยมีบทบาทสำคัญบนเวทีม็อบโจมตีรัฐบาลโดยเฉพาะในการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ที่เป็นข่าวประจานชาติบ้านเมืองไปทั่วโลก ได้ถูกแสดงความกังวลอย่างกว้างขวาง และหนักหนามากขึ้นเมื่อนายกษิต ยังออกมาแสดงท่าทีปกป้องกลุ่มม็อบผิดกฎหมาย และออกมาพูดหน้าตาเฉยเสมือนว่าการยึดสนามบินดังกล่าวเป็นเรื่องสนุกและเป็นความทรงจำที่ดี จนมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงคำพูดดังกล่าวว่ายังมีความเหมาะสมกับตำแหน่งที่ได้รับหรือไม่ ทั้งในแง่วิธีคิดและการยอมรับนับถือจากนานาชาติ

นักวิชาการชี้ “กษิต”เป็นจุดอ่อน

นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่านายกษิตถือเป็นจุดอ่อนที่สำคัญของรัฐบาลชุดนี้ ส่วนควรจะจี้ให้ออกหรือไม่นั้น ก็เห็นว่าควรจะออกจากการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แต่ถ้าจะให้ดีควรต้องออกทั้งคณะรัฐมนตรี ควรยุบสภาแล้วคืนอำนาจให้แก่ประชาชนได้เลือกตั้งผู้บริหารประเทศใหม่

แต่หากมองอีกแง่หนึ่ง ก็ต้องบอกว่าดีทูตจากประเทศต่างๆ รวมทั้งชาวต่างชาติจะได้เห็นธาตุแท้ของพรรคประชาธิปัตย์ นายกษิตได้กระทำสิ่งที่ชัดเจนให้ทั่วโลกได้เห็นว่าการที่มีรัฐบาลชุดนี้ขึ้นมาได้ เพราะส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรฯ นายกษิตก็ต้องทำและกล่าวเป็นการตอบแทนบุญคุณพันธมิตรฯ เป็นธรรมดา

นอกจากนี้ นายสุธาชัย ยังกล่าวท้านายกษิตว่า เมื่อเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้วก็ขอให้ดำเนินการกรณีเขาพระวิหารกับประเทศกัมพูชา ไม่ว่าจะเรียกร้องคืนมา จะส่งเรื่องฟ้องศาลโลกอะไรก็ตามแต่ แต่ขอให้ทำอย่างที่ขึ้นไปพูดบนเวทีปราศรัยของพันธมิตรฯ

พวกพันธมิตรฯ คงพูดกันไม่รู้เรื่อง

นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า โดยส่วนตัวไม่ได้ต้องการเรียกร้องให้มีการจี้ให้นายกษิตลาออก เนื่องจากมองว่าการที่จะเจรจาพูดคุยกับผู้สนับสนุน แกนนำ หรือกับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพันธมิตรฯ อย่างนี้ เป็นเรื่องยากที่จะคุยกันด้วยเหตุผล เพราะเขาคงไม่เข้าใจ

“แต่คนที่เป็นรัฐมนตรีต้องระมัดระวังการพูดเป็นพิเศษ ในแง่หนึ่งหมายถึงรัฐบาลชุดนี้มีความคิดเห็นแบบเดียวกันหรือเปล่า รัฐบาลคงต้องตระหนักเรื่องนี้ให้ดี เพราะมันบอบบางมากกับความรู้สึกของต่างชาติ”

อย่างไรก็ตาม ในอีกแง่หนึ่งนายอภิสิทธิ์ที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ควรจะรู้ดีว่าการตั้งรัฐบาลชุดนี้นั้นอยู่ภายใต้แรงกดดันจากหลายๆ ฝ่าย รวมทั้งอยู่ภายใต้แรงกดดันของพันธมิตรฯ ด้วย หากนายอภิสิทธิ์ไม่มีทีท่าอ่อนให้ พันธมิตรฯกับรัฐบาลก็จะกลายเป็นศัตรูกันเอง

และการประกาศว่าจะเดินหน้าสร้างสมานฉันท์ แต่หากปล่อยให้คนในรัฐบาลคิดเช่นนี้หรือทำอย่างนี้ รับรองว่าการสร้างความเชื่อมั่น การกู้เกียรติภูมิชื่อเสียงของประเทศไทยกลับคืนมาเป็นเรื่องยากแน่นอน

ต้องแยกส่วนตัวกับบ้านเมือง

ผศ.ดร.วิบูลย์พงษ์ พูนประสิทธิ์ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และนายกสมาคมอเมริกันศึกษา กล่าวว่า ตามปกติแล้วนายกษิตเป็นคนที่มีความคิดเห็นเรื่องการเมืองค่อนข้างรุนแรงและแสดงออกอย่างเต็มที่ ดังนั้นเมื่อวันนี้นายกษิตเข้ามานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะต้องแยกบทบาทให้ชัดเจนระหว่างเรื่องส่วนตัวและประเทศชาติ

ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าว ตนคิดว่านายกรัฐมนตรีจะเป็นคนแก้ปัญหาที่ดีที่สุด เนื่องจากต้องคอยดูแลรัฐมนตรีไม่ให้ทำหน้าที่เกินขอบเขต หรือกระทำการอันจะนำไปสู่ความขัดแย้งของมวลชนทั้งสองขั้ว ซึ่งเราต้องยอมรับกันว่าประเทศไทยมีคนสองกลุ่มที่มีความคิดแตกต่างกัน ดังนั้นการทำงานของรัฐบาลจะต้องไม่ให้กระทบทั้งสองฝ่าย

จี้นายกฯเร่งปรับออกถ้าจำเป็น

“ผมมองว่านายกรัฐมนตรีต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และคอยกำชับไม่ให้รัฐมนตรีนำเรื่องราวส่วนตัวในอดีตมาปะปนกัน โดยเฉพาะเรื่องที่กำลังเป็นเผือกร้อน เพราะอย่าลืมว่าหน้าที่ของรัฐมนตรีจะต้องทำงานเพื่อประชาชนทั้งประเทศ ดังนั้นต้องแยกบทบาทให้ถูก อย่าทำให้ประชาชนมองว่าทำเพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง”

ผศ.ดร.วิบูลย์พงษ์ กล่าวว่า แม้นายกษิตจะเคยอยู่เบื้องหลังการสนับสนุนพันธมิตรฯ ยึดสนามบิน ซึ่งตนยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวมีผลต่อความรู้สึกประชาชนมาก เนื่องจากการยึดสนามบินทำให้เกิดความเสียหายมหาศาลทั้งเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น แต่เวลานี้หากมีคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะกดดันให้นายกษิตออกจากตำแหน่งนั้นตนมองว่ายังไม่ถึงเวลา เพราะรัฐมนตรีเพิ่งได้รับการแต่งตั้ง ควรปล่อยให้พิสูจน์ฝีมือสักระยะหนึ่งก่อน

อย่างไรก็ตาม หากนายกษิตทำงานไปได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ต่างประเทศไม่ให้การยอมรับ ก็เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในการเข้าไปตัดสินใจอะไรบางอย่าง เพราะนายกรัฐมนตรีต้องทำให้ประเทศชาติสงบสุข

นักวิชาการจี้แจงท่าทีต่อพธม.

นายปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณี นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่าการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นเรื่องสนุก ว่า ท่าทีของนายกษิต เป็นที่จับตาของสื่อทั้งในและต่างประเทศ

เพราะรัฐบาลนี้ต้องบริหารประเทศบนความขัดแย้ง หากมีข้อสงสัยว่าจะโน้มเอียงไปทางฝ่ายใดมากเกินไปจะทำให้สังคมไม่มั่นใจ ดังนั้น ถึงเวลาที่นายกษิตต้องรีบชี้แจงโดยอาจจะเปิดแถลงข่าวแสดงจุดยืนที่มีต่อกลุ่มพันธมิตรฯ ให้ชัดเจน ซึ่งการขึ้นเวทีพันธมิตรฯ นั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องมีบทบาทในการกำหนดทิศทางของพันธมิตรฯ เสมอไป นักวิชาการหลายคนที่ขึ้นไปพูดในเรื่องวิชาการแล้ว เมื่อลงจากเวทีก็ไปมีบทบาทอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับพันธมิตรฯ

วันแถลงนโยบาย “กษิต” อ่วมแน่

ขณะเดียวกันทางด้านพรรคเพื่อไทย มีการประชุมเตรียมการอภิปรายนโยบายรัฐบาล โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมพรรคคงจะได้ข้อสรุปตัวบุคคล โดยพรรคจะทำงานเป็นทีม ไม่เป็นฝ่ายค้านแบบพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำงานไม่มีรูปแบบ และการอภิปรายของฝ่ายค้านในวันแถลงนโยบายรัฐบาล ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากพรรคให้เป็นผู้นำในการอภิปรายจะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง หลายเรื่องจะแจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนทราบ อย่างนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์เคยออกมากล่าวโจมตีรัฐบาลพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชนมาตลอด แต่วันนี้กลับเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องสานต่อทั้งที่วิจารณ์มา 7-8 ปี

ในฐานะที่พรรคให้เป็นผู้นำในการอภิปราย วันนั้นคงมีหลายเรื่องที่สนุก อย่างนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปพูดได้อย่างไร ม็อบปิดสนามบิน ไม่มีอะไร แค่เพลงเพราะ อาหารอร่อย ไปพูดอย่างนั้นความเชื่อมั่นต่างชาติจะเอามาจากไหน โดนจองกฐินไว้เยอะ ทั้งที่การยึดสนามบินต่างชาติเขามองว่าเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจอย่างมาก

ถามอนุญาตม็อบปิดสนามบินหรือไม่

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่ากรณีที่ให้สัมภาษณ์ว่าการปิดสนามบินทั้ง 2 แห่งไม่ส่งผลกระทบ ซึ่งจะทำให้ต่างชาติเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าจดจำ อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่า จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านไม่ให้เพื่อนสมาชิกผิดหวัง

“สำหรับ รมว.ต่างประเทศ ท่านอย่าคิดว่าเป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เป็นอดีตเอกอัครราชทูตประจำกรุงวอชิงตันดีซี แต่อย่าลืมว่าเมื่อท่านมารับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ จะต้องสื่อต่อสายตาชาวโลก แต่รมว.ต่างประเทศกลับไปบอกว่าการชุมนุมปิดสนามบินเป็นเรื่องสนุก อาหารอร่อย ดนตรีไพเราะ เป็นเรื่องดีที่น่าจดจำ ผมคิดว่ารมว.ต่างประเทศจะต้องชี้แจงว่าจะอนุญาตให้ม็อบปิดสนามบินได้หรือไม่”

จี้นายกฯปลด"กษิต"พ้น รมต.

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ปลดนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จากการที่นายกษิต ได้ให้สัมภาษณ์ว่า การบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง เป็นความทรงจำที่งดงาม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะถือว่าการบุกยึดสนามบินทั้ง 2 แห่ง เป็นการทำร้ายคนไทยทั้งประเทศ โดยหากนายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการใดๆ ก็จะถือว่าเห็นด้วยกับการบุกยึดสนามบิน และกลุ่มคนเสื้อแดงจะเดินทางไปชุมนุมที่กระทรวงการต่างประเทศแทน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะขีดเส้นกำหนดเวลาหรือไม่ว่า นายกฯ ควรปลดนายกษิตเมื่อไร นายจตุพร กล่าวว่า คนชั่วไม่สมควรจะบริหารประเทศ แม้แต่เพียงวันเดียว เพราะไม่สิทธิ์เป็นรัฐมนตรีว่าการประทรวงการต่างประเทศ การบุกยึดสนามบินเท่ากับเป็นการก่อการร้าย ไม่เข้าใจว่าทำไม สำนักงานตำรวจแห่งชาติกลับไม่ทำอะไรเลย แต่กลับมาจับกุมคนเสื้อแดงแทน

จ่อเปิดเวทีซักฟอกหน้าสภา

ทั้งนี้ ในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ตนก็จะขออภิปรายในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งเรื่องการหนีทหารของนายกรัฐมนตรีด้วย

นอกจากนี้ นายจตุพร ยังกล่าวถึงการจัดรายการ "ความจริงวันนี้สัญจร ภาคสนามหลวง" ในวันที่ 28 ธันวาคม ว่าเป็นการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่สนามหลวง กำลังหารือว่า จะมีการเคลื่อนขบวนไปหน้ารัฐสภาในคืนดังกล่าวเลยหรือไม่ โดยจะมีการหารือและแจ้งข้อสรุปใน2-3 วันนี้ เพราะประเมินว่าแม้ไม่มีแกนนำประชาชนก็จะไปกันอยู่แล้ว แต่จุดยืนของกลุ่มจะไม่มีการขัดขวางการประชุม เป็นเพียงการชุมนุมแสดงสิทธิ แสดงความคิดเห็นของประชาชน ทั้งนี้ในส่วนการโฟน อิน ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังไม่ได้มีการประสานและหาข้อสรุปในเรื่องนี้ ส่วนการเคลื่อนขบวนแบบดาวกระจายไปปิดล้อมสถานที่ราชการนั้น ทางกลุ่มคงไม่ใช้วิธีการแบบที่กลุ่มพันธมิตรฯทำ แต่เห็นว่า กระทรวงการต่างประเทศนั้นไปวันไหนก็ได้ และยอมรับว่าก็เป็นเป้าหมายหนึ่ง

รัฐบาลควรยุบสภาโดยเร็ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าการชุมนุมหน้ารัฐสภาในวันที่ 29 ธค.ของกลุ่มเสื้อแดง มียุทธศาสตร์อะไรที่เป็นเป้าหมายการเมืองที่ชัดเจน นายจตุพร กล่าวว่า ที่ผ่านมาเห็นชัดแล้วว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ปล้นอำนาจประชาธิปไตย และปล่อยฝ่ายทหารมาแทรกแซง แต่ยืนยันว่า จะเป็นการชุมนุมโดยสงบ ไม่ใช้วิธีรุนแรงแบบพันธมิตรฯ และรัฐบาลชุดนี้ควรรีบยุบสภาโดยเร็วเพราะไม่มีความชอบธรรม

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศของนายกษิต ภิรมย์ เพราะก่อนหน้านี้นายกษิตได้เคยกล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ พร้อมกับปราศรัยโจมตีรัฐบาลในกรณีการลงนามแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาที่สนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช

โดยครั้งนั้นนายกษิต ระบุว่ารัฐบาลชุดนายสมัครเป็นต้นเหตุให้ประเทศไทยเสียดินแดนให้กับประเทศกัมพูชาเพิ่มเติม และต่อว่าประเทศกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง และได้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ กระทั่งความขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นมีการปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชา

“มาร์ค” ย้ำกษิตทำตามแนวรัฐบาล

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อมวลชนญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ที่ทำเนียบรัฐบาลตอบข้อซักถามกรณีที่ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า การปิดสนามบินเป็นเรื่องสนุกมากอาหารดี ดนตรีไพเราะ โดย นายกรัฐมนตรี ตอบเพียงว่าตนเองไม่ได้อ่านสิ่งที่นายกษิตพูด จึงไม่สามารถให้ความเห็นได้

แต่เมื่อถูกถามว่าหลายฝ่ายมองว่านายกษิตมีบทบาทในเวทีพันธมิตรฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การไปพูดในที่ชุมนุมเป็นส่วนหนึ่งของการให้ข้อมูลข่าวสารแต่ที่เลือกนายกษิต มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเพราะเป็นผู้มีความสามารถมีประสบการณ์ และเคยเป็นเอกอัครราชทูตในหลายประเทศสามารถทำงานได้ทันที ซึ่งเมื่อรับหน้าที่เป็นรัฐมนตรีก็ต้องทำตามนโยบายของรัฐบาลคือการสร้างความสมานฉันท์ในประเทศ ส่วนตัวไม่เห็นเหตุผลที่นายกษิตจะไม่ทำตามนโยบายหลักของรัฐบาล

นายกฯลั่นจัดการม็อบตามกม.

ขณะเดียวกันนายอภิสิทธิ์ แถลงภายหลังการประชุมครม.ถึงกรณีที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศจนทำให้ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นตัวตลก โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์ว่าการปิดสนามบินเป็นเรื่องสนุก ว่า ตนได้พูดชัดเจนแล้วว่านโยบายรัฐบาลคือการรักษากฎหมาย เพราะฉะนั้นการกระทำใดๆที่เกี่ยวข้องกับการปิดสนามบินจะต้องนำข้อเท็จจริงออกมา และทางเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา

ส่วนการแสดงความคิดเห็นของรัฐมนตรีต่างประเทศนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวเลี่ยงว่า ตนไม่แน่ใจว่าเป็นการตอบคำถามหรือบริบทใด แต่ได้ย้ำไปแล้วว่าการแสดงความคิดเห็นของรัฐมนตรีทุกคนจะต้องคำนึงถึงนโยบายและจุดยืนของรัฐบาลที่กำหนดเป็นภาพรวม หากไม่ปฏิบัติตามก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องดำเนินการต่อไป

รมต.สุวรรณภูมิเข้ากระทรวง

ขณะเดียวกัน นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในวันที่ 24 ธันวาคมนี้ เวลา 09.00 น. นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเดินทางเข้ากระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และมอบนโยบายให้กับข้าราชการ ซึ่งนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เตรียมวาระงานของกระทรวงที่มีความสำคัญเร่งด่วนตามลำดับ โดยเชื่อว่า นายกษิต เคยเป็นอดีตข้าราชการกระทรวง ได้รับฟังรายละเอียดงานเพียงเล็กน้อยก็สามารถเข้าใจ และสานต่องานในกระทรวงได้ทันที