WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, December 23, 2008

10 มกรา’ ภาค 2

ที่มา ประชาทรรศน์

คอลัมน์ : โต๊ะข่าวประชาทรรศน์

โดย เอกฉัตร

รวดเร็วฉับไว ทันอกทันใจกองเชียร์ดีแท้กับคณะรัฐมนตรี ที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี จะรูปหล่อ สวยสดงดงาม หรือ ขี้เหร่ เป็นเรื่องแล้วแต่มุมมองของใครของมัน แต่วันนี้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี นัดปฐมฤกษ์ ซึ่งเป็นการปฐมฤกษ์ของคณะรัฐมนตรีและปฐมฤกษ์ในการใช้ทำเนียบรัฐบาลในการประชุมคณะรัฐมนตรี หลังจากที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กรุณาคืนให้กับประเทศไทย ได้ใช้เป็นศูนย์กลางของอำนาจการปกครองอีกครั้ง หลังจากที่เข้าไปยึดครองเป็นอาณาจักรใหม่ซ้อนกับราชอาณาจักรไทย 100 วัน โดยที่ไม่มีการเผาจริง ตามที่มีข่าวมาตลอด

การคืนทำเนียบรัฐบาลให้กับประเทศไทย ถือว่าเป็นบุญคุณอันยิ่งใหญ่ที่คนไทยจะต้องไม่ลืม เมื่อเวลาทำบุญทำทาน จะต้องกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ทุกครั้ง

รวมทั้งตำรวจ จะต้องเตรียม “ผ้าขาว” ไว้เป็นอุปกรณ์แทนการใช้แก๊สน้ำตา กระบอง และโล่ ในการรักษาความสงบเรียบร้อย หากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นึกครึ้มอกครึ้มใจเป่านกหวีดเรียกระดมคนมาประท้วงยึดทำเนียบรัฐบาลและสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อหาเงินบริจาคค่าเช่าดาวเทียมโทรทัศน์

หากว่างเว้นการประท้วงนานๆ คนดูเอเอสทีวีเหงาหู แกนนำเหงาปาก ไม่ได้ขึ้นเวทีพ่นน้ำลายด่าคนโน้นคนนี้ด้วยคำหยาบๆ คายๆ

การปฐมฤกษ์การใช้ทำเนียบรัฐบาลประชุมคณะรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์” นัดปฐมฤกษ์วันนี้ จะเป็นการประชุมเพื่อวางแนวทางการกำหนดนโยบายของรัฐบาล

แต่ที่ยังคุยกันไม่เลิก คงจะเป็นเรื่องการจัดคณะรัฐมนตรี โดยฝีมือของผู้จัดการรัฐบาลคนใหม่ แต่เก๋าเกมระดับเก๋ากึก ที่ชื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ใครต่อใครมักจะเรียกว่า “เทพเทือก”

หน้าตาของรัฐมนตรีที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาล อันประกอบด้วยพรรคชาติไทยพัฒนา (ชาติไทย) พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคภูมิใจไทย (มัชฌิมาธิปไตย) พรรคเพื่อแผ่นดิน และ กลุ่มเพื่อนเนวิน หลายคนมองว่า ยังหล่อไม่เข้าตากรรมการ ไม่ได้ดั่งใจที่อุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตารุมเชียร์กันมานาน

หากมองด้วยใจเป็นธรรม ก็ต้องให้อภัยกัน เพราะคนดี-เด่น-ดัง ของพรรคร่วมรัฐบาลและหนึ่งกลุ่มการเมือง ถูกขังคุกการเมือง ตามคำวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัฌชิมาธิปไตย ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้รัฐมนตรีที่ไม่ได้จัดอยู่ในอันดับดีหนึ่งประเภทหนึ่งของแต่ละพรรค แต่พอประแป้งแต่งหน้าไปวัดไปวาได้ก็บุญโขแล้ว อย่าคิดมาก

ที่ต้องติดตามดูคงจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งว่างเว้นจากการเป็นรัฐบาลมานาน 8 ปี ซึ่งไม่แน่ว่าจะอยู่ในสภาพ “อดอยากปากแห้ง” เหมือนที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี เคยพูดไว้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ทำให้ ส.ส. ในพรรคเพิ่มความอาวุโสหมักหมมมากขึ้น ไม่ได้สลับสับเปลี่ยนกันเป็นรัฐมนตรีเหมือนที่ผ่านๆ มา

ซึ่ง ส.ส. อาวุโส พรรษาการเมืองแก่กล้า ก็ต้องคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นรัฐมนตรีได้แล้ว เมื่อหลุดโผรัฐมนตรี ก็ต้องเกิดอาการน้อยใจ หากคนใดเก็บอาการไม่ได้ ก็ต้องโวยวายเรียกหาความยุติธรรมให้กับตัวเอง อย่างที่เกิดขึ้นเวลานี้

เหตุการณ์เรียกร้องหาความเป็นธรรมและความยุติธรรมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ทำให้เกิดความแตกแยกชัดเจน จนเกิด “กลุ่ม 10 มกรา” ขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์

“กลุ่ม 10 มกรา” เกิดขึ้นมาจากการจัดโผรัฐมนตรี สมัยที่ นายพิชัย รัตตกุล เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มี นายวีระ มุสิกพงศ์ ผู้ดำเนินราชการความจริงวันนี้ เป็นเลขาธิการพรรค และได้ร่วมรัฐบาลที่มี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี

โดยในการจัดโผคณะรัฐมนตรีในครั้งนั้น นายวีระ ซึ่งเป็นคนเจรจาดึง ส.ส.กลุ่มวาดะห์ ที่มีนายเด่น โต๊ะมีนา เป็นหัวหน้ากลุ่มอยู่ในขณะนั้น มาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้มีจำนวน ส.ส.มากขึ้น นายวีระ จึงเสนอให้นายเด่นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่เมื่อรายชื่อคณะรัฐมนตรีประกาศออกมา ไม่มีชื่อของนายเด่น กลับมีชื่อ นายพิจิตต รัตตกุล ลูกชายของนายพิชัย ซึ่งไม่มีชื่อในโผมาก่อน ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม

สร้างความไม่พอใจให้กับนายวีระเป็นอย่างมาก จากความไม่พอใจก็ขยายเป็นความขัดแย้งและความแตกแยกกันขึ้นภายในพรรคประชาธิปัตย์ และมาจบลงเมื่อมีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในวันที่ 10 มกราคม โดยมีการแข่งขันกัน 2 ทีมๆ แรกเสนอนายพิชัย หัวหน้าพรรคคนเก่า มี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ โดยมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขณะนั้นเป็น ส.ส. ที่มีความใกล้ชิดกับ นายชวน หลีกภัย ซึ่งขณะนั้นเป็นรองหัวหน้าพรรค เป็นหัวหอกในการล็อบบี้สนับสนุน อีกทีมเสนอ นายเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรณ์ เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ มีนายวีระ เป็นเลขาธิการพรรคคนเก่า

ผลการเลือกตั้งทีมของนายพิชัยชนะทั้งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ทำให้เกิด “กลุ่ม 10 มกรา” ขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์ และต่อมาเมื่อ พล.อ.เปรม ยุบสภา สมาชิกกลุ่ม 10 มกรา ต้องเดินออกจากพรรคประชาธิปัตย์

วันนี้ความไม่เป็นธรรม ไม่มีความยุติธรรม ในการจัดตั้งรัฐมนตรีได้เกิดขึ้น เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ถ้ายังไม่รีบดำเนินการใดๆ น่าเป็นห่วงว่า จะเกิดฝ่ายค้านขึ้นในรัฐบาล น่ากลัวกว่าฝ่ายค้านในสภาที่ยังเป็นมือใหม่หัดขับอย่างพรรคเพื่อไทย ที่ยังหาผู้นำฝ่ายค้านในสภาไม่ได้