ที่มา ประชาทรรศน์
คอลัมน์ : ภัยแผ่นดิน
โดย ชัยอารีย์
ระหว่างที่นักการเมืองซีก ประชาธิปัตย์ เขาไปร้องรำทำเพลง ฉลองความสำเร็จทางการเมืองแบบลูกทุ่ง อย่างสนุกสุดเหวี่ยง อยู่บนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
ผมก็อยู่แถวๆ นั้นเหมือนกัน...แต่ไม่ได้เข้าไปร่วมวงสนทนา แสดงความยินดียินร้ายกับใครเขาหรอก เนื่องจากอยู่กันคนระดับ
ผมแค่ชาวบ้านธรรมดาๆ...เดินทางไปไหนมาไหนก็อาศัยการคมนาคมระบบขนส่งทางรถไฟ
ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง รู้สึกเป็นธรรมชาติที่ไม่เกินตัว และมีโอกาสได้ยินเสียงสนทนาภาษาชาวบ้านอย่างใกล้ชิดได้มากมาย ที่พอจะนำมาสะท้อนให้ผู้อ่านพิจารณาตามไปด้วย
โดยเฉพาะความแตกต่างระหว่างชนชั้น...ความรู้สึกของชาวบ้าน กับอาการของนักการเมือง ณ วันนี้ มีอะไรที่แยกแยะให้เห็นว่า ชนชั้นใด คือผู้ที่ทำให้สังคมเกิดความสับสน และขัดแย้งกันด้วยเหตุผลใดบ้าง
ผมทำหน้าที่แยกความคิดเหล่านี้ ออกมา เป็นช่องทางหนึ่งที่ชาวบ้านก็เลือกรับรู้ได้ นักการเมืองที่มีแนวกว้างทางความคิด ก็จะคิดได้ว่า อะไรคือความยั่งยืน ที่ยืนอยู่ในความถูกต้อง
อะไรคือ....ผลประโยชน์ที่ได้รับการตอบแทนไปสู่สังคมส่วนรวมในท้องถิ่น ที่ทำให้คนระดับชาวบ้าน เขาอยู่ดีมีสุข หรือตกทุกข์ได้ยากแค่ไหน ที่พอจะนำพาให้เขาได้หลุดพ้นได้บ้าง... ในฐานะตัวแทนประชาชน
ไม่ใช่หลงระเริงอยู่กับอำนาจ ที่มีราชรถมาเกย คึกคะนองกับการใช้บารมีเพื่อล้มล้างเส้นทางขวางกั้นผลประโยชน์...เหมือนที่เคยเป็นกันมา ที่พวกเราประชาชนเบื่อหน่าย กับสิ่งที่เห็นจำเจ และซ้ำซาก
ไม่อยากจะให้ความชั่วร้ายที่เกาะกลุ่มอยู่กันคนละซีกสายการเมือง...เปลี่ยนขั้ว รุมยำทำร้ายประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำอีก
ที่เมืองคนดี สุราษฎร์ธานี ชาวบ้านร้านตลาด เขาก็ชื่นชมพรรคการเมืองที่เขาชอบ ได้ขยับขึ้นมาเป็นฝ่ายรัฐบาล...เป็นธรรมดาของมนุษย์ ที่หลงการเมืองอยู่คนละมุม
นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เป็นความรู้สึกของชาวบ้านทั้งหมด!
ผมใช้เวลานั่งคุยกับชาวบ้าน กับคนที่แสดงอาการให้เราเห็นว่า พอที่จะยืนพูดอยู่ตรงกลาง มองซ้ายมองขวา พิจารณาได้ว่า อะไรผิด อะไรถูก...อะไรคือความจริง อันไหนคือความเท็จ
ก็คงมีโอกาสได้มองพร้อมๆ กันไป และเห็นกว้างออกไปอีก...การต่อสู้ของพี่น้องประชาชน มีโอกาสที่จะได้มองเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์กันได้บ้าง
ถ้าคิดว่าการต่อสู้เพื่อนำไปสู่การเปิดทาง ที่พวกเขาปิดกั้นเอาไว้ จะรับรู้ได้จากระบอบประชาธิปไตย ในหลายหัวข้อ ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ และความชอบธรรม ที่อยู่บนพื้นฐานภายใต้กฎหมายบ้านเมืองฉบับเดียวกัน
ถ้ายังถูก “อำนาจ” อื่นๆ ที่ใกล้ชิดกับ “อำนาจการเมือง” ใช้เป็นเส้นทางผ่านการทำธุรกิจ นับพันนับหมื่นล้าน บนความเจ็บปวดของชาวบ้าน พวกเราก็อย่าปล่อยให้คนร้ายเหล่านั้นลอยนวลบนความเจ็บปวดของเราต่อไป
โดยเฉพาะ..รากฐานที่ยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ ที่ถูกกระหน่ำทำลายอย่างเมามัน ก่อตัวขึ้นมาเป็น “ภัย” ที่มองเห็น...มากมายหลายเรื่อง
ที่เมืองสุราษฎร์ธานี เท่าที่ผมพบและเห็นมา มีหลายปัญหา หลายเรื่อง ผมจะนำมาร้อยเรียงจากนี้ไป เพื่อให้ท่านผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน ได้ยื่นมือ ส่ายตา เข้าไปช่วยเหลือโดยด่วนด้วย
เนื่องจากเป็น...ภัยที่มองเห็น เป็นจุดอันตรายต่อแผ่นดิน ต่อพี่น้องชาว จ.สุราษฎร์ธานี โดยตรงครับ
สิ่งที่ผมไปพบไปเห็นมา และอยู่ในสายตาชาวบ้าน ที่ได้แต่มองตาปริบๆ ยังไม่สามารถเรียกร้องหรือต่อสู้รักษาธรรมชาติ ให้รอดจากกลุ่มผู้มีอิทธิพล ที่มีนักการเมืองแบบทุกระดับได้
มีทั้งระดับท้องถิ่น ระดับชาติ เข้าไปยึดสมบัติของชาติแห่งนั้นไว้ในกำมือหมดแล้ว
เรียกได้เต็มปากเต็มคำว่า เข้าไป “ปล้น” ทรัพยากรธรรมชาติ ประเภท “แร่ยิปซั่ม” จนกระทั่ง ต้นไม้ ภูเขา บนพื้นที่เขาลาดชัน ที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติด้วยซ้ำ ยังทำลายกันได้น่าตาเฉย
อยู่ตรงจุดไหนบ้าง...ผมเชื่อว่าทีมงานของ ท่าน รองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ คงรู้ดีอยู่แล้ว แต่ถ้ายังไม่รู้ก็ไม่เป็นไรครับ ตามผมไปดูด้วยกันเลย