ที่มา ประชาทรรศน์
คอลัมน์ : สามเหลี่ยมดินแดง
ข้าพเจ้ายินดีที่ได้ฟังคณะรัฐมนตรีได้เข้ารับหน้าที่ต่อไปนี้ ได้ปฏิญานตนว่า ปฏิบัติหน้าที่อย่างดี เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งท่านมีหน้าที่ที่จะต้องทำให้ประเทศมีความสุข ความเรียบร้อย ถ้าท่านทำงานเรียบร้อยทำให้บ้านเมืองเรียบร้อย เพราะประเทศต้องมีคนดูให้มีความเป็นอยู่ดี ฉะนั้นต้องสามารถที่จะปฏิบัติงานของประชาชนทั่วไปให้ดี ท่านต้องทำหน้าที่ให้ประเทศชาติมีความสงบเรียบร้อย ให้ประเทศชาติผ่านพ้นไปด้วยดี ซึ่งเป็นความต้องการของประชาชนคนไทยทุกคน ที่จะให้ประเทศชาติดำเนินไปด้วยดี เพราะว่าสามารถมีความเป็นไทยอยู่ได้
ขอให้ท่านพยายามปฏิบัติงานให้ดีที่สุด ประเทศชาติมีความเรียบร้อย คนไทยก็จะมีความสุข คือว่า ถ้าทำให้ดี คนที่อยู่ในตำแหน่งสูง หรือคนทั่วๆ ไปทำไม่ดีอะไร ก็จะทำให้ประเทศชาติล่มจมได้ และท่านก็มีหน้าที่สำคัญ เพราะท่านอยู่สูง มีหน้าที่สูงก็ต้องทำให้ประเทศชาติดำเนินไปด้วยดี
ขอให้ท่านสามารถปฏิบัติงานเพื่อความดีของประเทศ ความสงบสุขของประเทศ ซึ่งเป็นความจำเป็นที่สุด ถ้าทำได้ ท่านเองมีความสุข และประชาชนทั่วไปทุกหมู่เหล่าได้มีความสุขทั้งนั้น คนไหนทำอะไรก็สามารถที่จะปฏิบัติงานได้ ถ้าท่านช่วยกันดูแลประเทศชาติให้มีความราบรื่น ท่านเองก็จะมีความสุขด้วย
ฉะนั้นที่ท่านตั้งใจจะปฏิบัติงานให้ดีนั้น ก็เป็นความดีที่ท่านได้ทำเพื่อตัวเองและเพื่อส่วนรวมด้วย เพราะถ้าส่วนรวมดี ท่านก็จะอยู่ดีด้วย ท่านสามารถที่จะปฏิบัติงานด้วยความเรียบร้อย ทำให้ทั้งประเทศมีความราบรื่น ซึ่งประเทศชาติต้องการความสงบ ขอให้ท่านทำงานด้วยความเรียบร้อยทุกอย่างและขอให้ท่านมีความสำเร็จในการทำงานทุกอย่างและขอให้ท่านมีความสำเร็จในการทำงานทุกอย่างตามส่วนที่ท่านต้องทำ
พระบรมราโชวาทขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ เมื่อเวลา 17.44 น. วันที่ 22 ธันวาคม 2551
00 หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ สื่อทางเลือกของประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ฉบับวันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2551 เอกฉัตร เข้าเวรรายงานข่าวตามปกติ ท่ามกลางบรรยากาศที่คนไทยเห่อรัฐบาลใหม่ ตั้งความหวังไว้สูงในการแก้ไขปัญหาสารพัดให้กับประเทศชาติของ รัฐบาลอภิสิทธิ์1 ทำให้ผลการสำรวจของโพลบางสำนัก พบว่า คนไทยมีความสุขเพิ่มขึ้นและนอนหลับ
00 ก็แหงล่ะ ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ นายสมัคร สุนทรเวช ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อ พรรคพลังประชาชน ชนะศึกเลือกตั้ง ไม่เป็นไปตามเป้าหมายของเผด็จการที่วางแผนไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์ จัดตั้งรัฐบาล เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา ชนะกันไม่เห็นฝุ่น ตั้งแต่วันแรกที่ อดีตนายกฯ สมัคร เข้าทำเนียบรัฐบาล คลื่นใต้น้ำสารพัดรูปแบบเริ่มปฏิบัติการ งานของรัฐบาลอยู่ในสภาพ ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก จนกระทั่ง กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิไตย เป่านกหวีดชุมนุมประท้วง ยึดสะพานมัฆวาน ยึดทำเนียบรัฐบาลงัดสารพัดเงื่อนไขขึ้นมาเรียกร้อง แล้วประชาชนจะมีความสุขได้อย่างไร
00 เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว พรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีคนของกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งที่เปิดเผยและเป็น อีแอบคอยสนับสนุน อยู่หลังเวทีเข้าร่วมเป็นรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์1” คลื่นใต้น้ำ ก็สลายไปโดยปริยาย นายกฯ มาร์ค สามารถเข้าไปทำงานในทำเนียบได้ สบายใจเฉิบ
00 ส่วนคลื่นใต้น้ำภายในพรรคประชาธิปัตย์ อันเป็น ผลพวงมาจากการจัดโผคณะรัฐมนตรี โดยไม่คำนึงถึงจิตใจ ส.ส. ที่อาวุโส เพราะผู้จัดการรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รู้เต็มอก ส.ส.ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีใครกล้าหือที่จะลาออกจากพรรค ขืนลาออก โอกาสเป็น ส.ส.สอบตก มีร้อยเปอร์เซ็นต์ เสียงโหวกเหวกโวยวาย จึงกลายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง
00 สภาพความเป็นจริง เหนื่อยแน่สำหรับ นายกฯ มาร์ค แต่ใครๆ ก็อิจฉา ทั้งก่อนและหลังจัดตั้งคณะรัฐมนตรี มีคนอื่นทำให้ทั้งหมด ก่อนจัดตั้งรัฐบาล มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค วิ่งขาขวิดเจรจา พรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ส.กลุ่มเนวิน เมื่อเจรจาสำเร็จ นายกฯ มาร์ค แค่นำช่อดอกกุหลาบจากเนเธอร์แลนด์ ไปคารวะมัดใจหัวหน้าพรรค ไว้ล่วงหน้าก่อนจะถึงวันโหวตลงคะแนน เมื่อจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเสร็จเรียบร้อย ถือเป็นเรื่องปกติที่มีปัญหาเกิดขึ้นตามหลังเป็นควันหลงทุกครั้ง เมื่อคนที่คิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเป็นเสนาบดี เมื่อพลาดหวัง ใครเก็บอาการได้ ก็ได้แต่กัดฟันกรอดๆ ส่วนพวกที่เก็บอาการไม่ได้ เสียงโวยวายย่อมตามมา เป็นเรื่องปกติในการเมืองไทย
00 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เอกฉัตร ฟังมา นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารพรรค ได้ยกหูฮัลโหลไปถึงคนที่ผิดหวังจากการแต่งตั้งรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง และ นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สงขลา ซึ่งล้วนเป็น ส.ส.ในกลุ่มทศวรรษใหม่ ผลักดันให้ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ได้เป็นหัวหน้าพรรคต่อจาก นายหัวชวน หลีกภัย แหม...คนระดับประธานที่ปรึกษาพรรค ยกหูไปเคลียร์ใจ ความขุ่นข้องหมองใจ แม้จะไม่หายไปทันที แต่ทำใจได้ในฉับพลัน
00 มาถึงวันนี้ เอกฉัตร บอกตรงๆ ว่าเสียดายความเป็นพรรคการเมืองที่มีเสียง ส.ส.มากที่สุดอย่าง พรรคเพื่อไทย แต่ระบบการจัดการยังอยู่ใน ระดับอนุบาล เมื่อครั้งชิงจัดตั้งรัฐบาล ก็หาคนในพรรคชิงเก้าอี้รัฐมนตรีไม่ได้ ต้องไปหลอกให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน มานั่งหน้าแตกในสภา มาวันนี้จะหาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผ้แทนราษฎร ยังตัดสินใจกันไม่ได้ จะให้ใครดี จะใช้คนนอกพรรคอย่าง นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ก็ถูกปฏิเสธ จะให้คนในพรรคอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่เคยเป็นตัวเต็งว่าที่นายกรัฐมนตรี ก็ปฏิเสธ คงจะรู้ว่า เป็นผู้นำฝ่ายค้าน มันต่างจากดาวสภา การอภิปรายของผู้นำฝ่ายค้าน ต้องอภิปรายด้วยหลักการ ต่างจากการค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลมาข่มขู่โจมตีเพื่อความมัน ชะเอย
โดย เอกฉัตร