ที่มา บางกอกทูเดย์
ก็เชื่อใจได้แน่นอนว่า มังกรการเมืองอย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ..คงจะเดินทางไปมอบตัวแน่ๆ หาก...ฝ่ายราชการมีหมายเรียกมาสู้กับข้อหาฆ่าคนตายเมื่อ 10 เมษายนนปช...ฉลาดที่โยนกลับการสลายการชุมนุมให้กลับไปอยู่กับฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะ 2 ผู้นำแห่งเหตุการณ์ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ รองนายกรัฐมนตรี สุเทพ เทือกสุบรรณพร้อมกับยืนยันที่จะไปสู้คดีผู้ก่อการร้าย..และไม่ปรารถนาการนิรโทษกรรมข้อหาฆ่าคนตายบนกองศพคนไทยทั้งทหารและประชาชน 26 ศพนั้น...หากไม่มีคดีสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งทำให้ นายกรัฐมนตรีรองนายกรัฐมนตรีและนายตำรวจระดับสูงกลายเป็นผู้
ถูกกล่าวหา ต้องออกจากราชการและเสียเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแล้ว ก็ยังพอจะตะแบงกันไปได้แต่.. อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งเป็นผู้นำฝ่ายค้านเอง มิใช่หรือที่กล่าวถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่า... “ผมไม่นึกไม่ฝันว่าเรามี รัฐที่ได้ทำร้ายประชาชนถึงขั้นเสียชีวิตบาดเจ็บสาหัสแล้วเรายังมีรัฐที่พยายามยัดเยียดความผิดกลับไปให้ประชาชนอีก เป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้ครับ”แต่ เมษายน 2552 กับ เมษายน 2553 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี..จะอธิบายถึง
การล้มตายและข้อหาการก่อการร้าย..ที่หยิบยื่นให้กับศพประชาชนที่ดาหน้าเข้าชนกับรถถังและกระสุนสังหารได้อย่างไรท่านรับได้หรือกับพฤติกรรมที่ท่านเคยยืนยันต่อสาธาณชนว่า... “เป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้ครับ”ไม่มีคนไทยคนใดที่มีจิตใจเป็นคนไทยมีสัญชาติไทยและเชื้อชาติไทย..จะยินดีกับการเข่นฆ่าคนไทยด้วยกัน..และยิ่งเมื่อคำขอของเขาเหล่านั้น เพียงแค่การเลือกตั้งครั้งใหม่..จะไม่มีทหารไทยคนใด..สบายใจต่อการไล่สังหารผู้คนเหล่านั้น..ให้จัดตั้งกองกำลัง
โหดเหี้ยมขึ้นมา..เข่นฆ่าสลายผู้ชุมนุม..ก็เท่ากับว่า..ท่านกำลังเขียนคำพิพากษาให้กับตัวท่านเอง..เพราะในที่สุดหลังเลือดท่วมถนนบนกองศพคนไทย..ปืนจะหันกลับไปสู่พวกท่าน..นำท่านสู่สถานะอาชญากรของประชาชน..หยดเดียวของโลหิตท่านจะไม่มีแผ่นดินไทยให้รองรับ..นามสกุลของพวกท่าน..จะไม่มีลูกหลานกล้านำไปใช้…หลัง 10 เมษายน 2553 การเมืองของท่าน จบแล้ว