ที่มา ไทยรัฐ
ยังลังเลกับแผน ปรองดองแห่งชาติ จะเป็นแค่ทางลงของรัฐบาลกับแกนนำ นปช. หรือเป็นหนทางที่จะระงับวิกฤติบ้านเมืองไปได้ระยะเวลาหนึ่ง จนบัดนี้ต่างฝ่ายต่างก็ขีดเส้นตายฆ่าเวลาไปก่อน บนความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน
ต้องยอมรับว่า นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพียงคนเดียวไม่มีอำนาจเด็ดขาดในการตัดสินใจที่จะฟันธงแก้ปัญหาวิกฤติการเมือง และ 3 แกนนำ นปช.เองก็ไม่มีอำนาจการตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อไป หรือยุติการชุมนุมไว้แค่นี้
โดยเฉพาะแกนนำ นปช.บางคน ถอดใจไปเรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญคือบรรดาตัวช่วย กองเชียร์ทั้งหลายบางกลุ่มก็มีเจตนาจะเชียร์ให้พัง เพื่อฉกฉวยผลประโยชน์จากการต่อสู้ทางการเมือง พูดง่ายๆว่าในสนามรบตอนนี้มีแต่คนแพ้
เป็นเหยื่อของเกมชิงอำนาจทางการเมืองทั้งสิ้น
นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ยังมีกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ยังมีรองนายกฯสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังมีพรรคร่วมรัฐบาล ไม่อยากจะใช้คำว่านายกฯอภิสิทธิ์ถูกใช้เป็นหุ่นเชิด ไม่อยากจะอ้างว่านี่คือการขาดภาวะผู้นำ
ข้างฝ่ายเสื้อแดงก็มีคนอาสาเข้ามาเป็นคนกลางในการเจรจาแก้ปัญหาเยอะไปหมด บางคนก็เห็นหน้า บางคนก็พยายามจะไม่ให้เห็นหน้า หรือบางคนก็แค่เอาหน้า
เลยไปคนละทิศละทาง
มิตินี้ ความสำคัญไม่ใช่อยู่ที่ นายกฯอภิสิทธิ์ มิตินี้ความสำคัญไม่ใช่อยู่ที่ 3 แกนนำเสื้อแดง แต่กำลังก้าวข้ามไปสู่ สงครามการเมือง เมื่อขึ้นหลังเสือแล้ว คิดจะลงจากหลังเสือคงลำบาก
เมื่อคิดจะเล่นกับไฟก็ต้องร้อนมือเป็นธรรมดา
สรุปได้ว่าแผนปรองดองก็คงจะเป็นแค่ ความคิดที่ยังสับสน ท่ามกลางมรสุมการเมืองลูกใหญ่ กลิ่นคาวเลือดที่เกิดจากอาวุธสงครามยังจะโชยไปอย่างนี้เรื่อยๆ
ความหายนะปกคลุมประเทศไทย
ก็ได้แต่หวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นเร็วๆนี้ เป็นปาฏิหาริย์จากคดีการเมือง โดยเฉพาะคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนแนวรบทางการเมืองอีกหน้าหนึ่ง ห้ามกะพริบตา
ไม่ขึ้นจากเหวก็ลงนรกไปเลย
ในระหว่างนี้ให้ระวังกับดักให้ดี แนวโน้มที่รัฐบาลแห่งชาติ หรือการล้างไพ่ล้างมลทินทางการเมืองให้สะเด็ดน้ำ ไม่ใช่อยู่ที่ขบวนการปรองดองแห่งชาติซะแล้ว เงื่อนไขบางอย่างที่เกิดจากวิกฤติใกล้เข้าสู่จุดจบ
ไม่ยุบก็ยึด.
หมัดเหล็ก