WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, May 14, 2010

มาร์คอุ้มเทือก เลือกสลาย‘แดง’

ที่มา บางกอกทูเดย์



ใครเป็นกุนซือ หรือใครอยู่เบื้องหลังวิธีคิดของทั้งรัฐบาล ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งหลายก็ตาม ต้องบอกตรงๆ ว่า เป็นวิธีคิดที่ห่วยแตกเอามากๆ เพราะกลายเป็นการลากแผนเจรจาโดยสันติ เข้าไปอยู่ในจุดอับ ติดล็อก และกลายเป็นสภาพที่ขึงพืดกันอีกครั้งทันทีที่ “เสธ.ไก่อู” พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ.ออกมาเจื้อยแจ้วว่าศอฉ.จำเป็นต้องใช้มาตรการกดดันพื้นที่การชุมนุมอย่างเต็มรูปแบบ โดยเริ่มต้นตั้งแต่กำหนดที่จะตัดน้ำประปา ไฟฟ้า สาธารณูปโภค โทรศัพท์ การเดินทางสาธารณะ ตั้งแต่ รถเมล์ รถไฟฟ้า เส้นทางน้ำในคลองแสนแสบ บริเวณพื้นที่ชุมนุมทั้งหมด แปล

ง่ายๆ ว่า ต้องการปิดเส้นทางเข้าออก เส้นทางส่งกำลังบำรุงสู่ผู้ชุมนุมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ในยุทธศาสตร์ทหาร หากเป็นการประกาศภาวะสงคราม บรรดาเสธ. ที่ผ่านโรงเรียนเสนาธิการมาแล้ว ย่อมรู้ดีว่านี่คือแผนล้อมกรอบศัตรู… ปัญหาก็คือพื้นที่ราชประสงค์เป็นสนามรบหรือไม่???และกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นศัตรูที่ต้องใช้ยุทธศาสตร์ทางทหารทำลายล้างหรือไม่???เพราะต้องไม่ลืมว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน

ได้ออกมาสวนกลับการประกาศมาตรการของ ศอฉ. ทันควันว่า นปช.ได้ตอบรับวันเลือกตั้ง 14 พฤศจิกายน และวันยุบสภาไปแล้ว ที่ยังติดค้างคาใจในเวลานี้ เหลือเพียงแค่เรื่องนายสุเทพต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอน ถ้ามีการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้อง เพราะมี 2 มาตรฐานมันหลอกหลอนสังคมไทยมานับตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยายน 49 จนไม่สามารถจะเชื่อจะไว้วางใจอะไรได้อีกถ้ามีการดำเนินคดีกรณีสั่งสลายการชุมนุมจนกระทั่งมีผู้เสีย

ชีวิตมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก มีการออกหมายเรียก มีการออกหมายจับ แล้วนายสุเทพไปมอบตัวเมื่อไหร่ กลุ่มคนเสื้อแดงยืนยันว่าจะประกาศยุติการชุมนุมทันที!!!พูดง่ายๆว่าต้องการให้มีการดำเนินคดีในเรื่องนี้ เพราะไม่ต้องการให้กลายเป็นเรื่อง “ตายฟรี” แล้วทุกอย่างจางหายเป็นคลื่นกระทบฝั่งในขณะที่นายอภิสิทธิ์เอง ก็กลับมามีทีท่าไม่ลดราวาศอกอีกครั้ง หลังจากที่เห็นว่าสามารถโหนกระแสแผนปรองดองจนได้รับการยอมรับจากแทบทุกฝ่าย ก็เลยเกิดอาการเอาแต่ใจ

กำเริบขึ้นมาอีกรอบไม่เจรจาแล้ว... ต้องยอมรับเท่านั้น ถ้าไม่อย่างนั้นก็ล้มวันเลือกตั้ง 14 พฤศจิกายนไปเลย อ้างว่าเลยเส้นตายที่ขีดเอาไว้แล้ว...ต้องถามว่าการปิดประตูใส่หน้ากันของทั้ง 2 ฝ่ายแบบนี้ มันช่วยให้ประเทศชาติพ้นวิกฤติหรือไม่ มันทำให้หลุดพ้นจากปลักหลุมที่ตกลงไปได้หรือไม่???สิ่งที่บางกอก ทูเดย์ อยากจะขอสะกิดเตือนทั้งนายอภิสิทธิ์ และแกนนำ นปช. หรือทั้งรัฐบาลและกลุ่มคนเสื้อแดงก็คือ ณ วินาทีนี้ การข่มขู่ว่าจะสลายการชุมนุม การกำหนด

มาตรการต่างๆ ไม่ได้ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมยอมสยบแน่นอนในขณะที่การเพิ่มเงื่อนไขในเรื่องโน้นเรื่องนี้เข้าไป โดยบุคลิกเฉพาะตัวของนายอภิสิทธิ์ก็เห็นฤทธิ์กันมาแล้ว ว่าดื้อรั้นขนาดไหน... ตำแหน่ง ผบ.ตร. ขนาดเชื่อกันว่ามี “สัญญาณพิเศษ” กระซิบมา แต่จนวันนี้นายอภิสิทธิ์สนใจที่ไหนไม่มี ผบ.ตร.ตัวจริงมา 7 เดือนครึ่งแล้ว... มีปัญหาอะไรมั้ยบรรดาแกนนำ นปช. และกลุ่มคนเสื้อแดง ยังมองบุคลิกของนายอภิสิทธิ์ไม่ออกอีกหรือฉะนั้นการขึงพืดการเจรจามีแต่จะทำให้

โดนด่าจากสังคมระงมไปหมด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง หรือเป็นนายอภิสิทธิ์และรัฐบาลก็ตามประเด็นสำคัญที่ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายหวาดระแวง ไม่ไว้วางใจที่จะเจรจาได้อย่างสนิทใจ ก็คือ ทั้ง 2 ฝ่ายยังขาดซึ่งความจริงใจต่อกันกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นระแวงว่าจะมีการสลายการชุมนุมตามคำข่มขู่ของ ศอฉ. อยู่ตลอดเวลา และนี่เองที่เป็นสาเหตุให้มีการกำหนดเงื่อนไขต่างๆ เพิ่มขึ้นมา ซึ่งรัฐบาลต้องยอมรับความจริงว่า ก็เพราะท่าทีของ ศอฉ.เป็นเช่นนั้นจริงๆเมื่อผสมผสานกับท่า

ทีและวิธีคิดของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ที่ขานรับอำนาจกลุ่มอำมาตย์ เพื่อฉวยโอกาสทำลายล้างคู่แข่งทางการเมืองด้วยแล้ว... จะให้กลุ่มคนเสื้อแดงไม่หวาดระแวงก็ใช่ที่เพราะตลอดมาดูเหมือนในกลุ่มนักวิชาการที่เป็นกลางจะวิเคราะห์ว่า ยุทธศาสตร์ของ ศอฉ. มุ่งที่จะดำเนินแผนหลักๆ อยู่ 4 ประการเท่านั้น1.โจมตีในเรื่องการล้มเจ้า ล้มสถาบัน เพื่อทำลายภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของกลุ่มคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทยให้สิ้น

ซาก จะได้หมดโอกาสมาเป็นคู่แข่งทางการเมืองในอนาคตได้อีก2. การกล่าวอ้างในเรื่องของการก่อการร้าย ว่าปะปนหรือแอบแฝงอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง เพราะฐานความผิดนี้เป็นข้อหาฉกาจฉกรรจ์ที่ทำให้ผู้ที่ถูกป้ายสีโดนโทษสูงสุดคือประหารชีวิตได้เลย3.เมื่อมีการกล่าวหาในเรื่องก่อการร้ายแล้ว ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องกล่าวหาต่อในเรื่องของการมี การใช้ซึ่งอาวุธสงคราม... ซึ่งแน่นอนว่านี่คือข้อหาที่ร้ายแรงอีกเช่นกันและสุดท้ายข้อ 4 คือข้อกล่าวหาในเรื่องของ

การข่มขู่รัฐบาลเพื่อให้เปิด พีทีวี ซึ่งรัฐบาลอ้างว่า เป็นช่องทางการสื่อสารเพื่อล้มสถาบันและเพื่อก่อการร้าย ในขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงมองว่า พีทีวี หรือพีเพิลแชนแนล เป็นช่องทางในการสื่อสารความจริงอีกด้านหนึ่งที่สังคมถูกรัฐบาลปิดหูปิดตาเป็นแค่ช่องทางกระบอกเสียงเพื่อโพนทะนาให้สังคมไทยได้รู้ความจริงเท่านั้นเองซึ่งจะว่าไปตลอดมารัฐบาล โดยเฉพาะ ศอฉ. ก็แสดงท่าทีให้เชื่อได้ว่าเป็นแบบนี้จริงๆ เสียด้วย... จึงทำให้แผนปรองดองของนายอภิสิทธิ์

ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงสแกน และตั้งการ์ดสูงเข้าใส่ยิ่งหากเป็นไปตามข้อกล่าวหาทั้ง 4 ข้อ ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่รัฐบาลใช้เป็นเหมือนเกราะเหล็กป้องกันตัวด้วยแล้ว จะกลายเป็นว่าแม้แต่กลุ่มคนเสื้อแดงที่ตายก็จะตายฟรี... เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้อำนาจในการสั่งสลายการชุมนุมได้ยิ่งถ้าโมเมพ่วงเข้าไปให้สังคมเชื่อได้ว่า คนที่ตายนั้นเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายด้วยแล้ว ยิ่งโป๊ะเชะ ตายฟรีแหงๆ... แถมคนสั่งการก็ลอยตัวได้สบายๆมีทั้งข้อหาก่อการร้าย และมีทั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ช่วยอุ้มเช่นนี้ ใครจะเอาผิดอะไรได้เพราะต้องไม่ลืมว่า แม้แต่สถาบันตุลาการที่กลุ่มคนเสื้อแดงหวังพึ่งพิง แต่เมื่อรัฐบาลมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สถาบันตุลาการยังต้องเข้าเกียร์ว่าง ยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ได้ กี่คำร้องฉุกเฉินแล้วที่ได้รับการวินิจฉัยว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้อำนาจรัฐบาลทำได้ ตุลาการจึงทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่ใช่สภาวะที่บ้านเมืองใช้กฎหมายตามปกติเจอเข้าสารพัดดอกติดต่อกันเช่นนี้ จะไม่ให้คนเสื้อแดงระแวงได้อย่างไรก็เหมือนกับนายอภิสิทธิ์เองนั่นแหละ ที่ทุก

วันนี้ก็หวาดระแวงว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่ยอมสลายการชุมนุมจริงๆ ก็เลยใช้การยื่นคำขาด ใช้การขีดเส้นไปเรื่อยๆเพราะที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ รู้สึกว่าเสียหน้า อุตส่าห์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีทั้งทีกลับทำงานไม่ได้เต็มที่ แถมยังถูกมองว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาของชาติได้สำเร็จแต่ที่รู้สึกว่าเสียหน้ามากที่สุดก็คือ การที่ไม่สามารถที่จะขอคืนพื้นที่ชุมนุมได้ จึงทำให้เป็นปมลึกในใจเวลาที่จะเจรจาหรือเสนอแผนปรองดอง ก็จะมีเงื่อนไขในเรื่องการยุติการชุมนุมเข้าไปด้วยเสมอ

ทั้งๆที่จะว่าไปแล้ว การมัวแต่ขีดเส้นตาย การมัวแต่คิดจะข่มขู่ว่าจะสลาย ว่าจะตัดน้ำตัดไฟ แล้วสุดท้ายไม่สามารถที่จะทำได้จริง... ตรงนั้นต่างหากที่เสียหน้ามากกว่าเยอะยิ่งคำขู่ตัดน้ำตัดไฟ จนทำให้บรรดาสถานทูต หรือผู้แทนนานาประเทศต้องหันมามองว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จะยอมปล่อยให้ ศอฉ.ทำอย่างนี้ได้อย่างไร... กลายเป็นยิ่งเสียหน้ามากกว่าดังนั้นในวันนี้ หากทั้งนายอภิสิทธิ์และรัฐบาล กับทั้งแกนนำ นปช.และกลุ่มเสื้อแดง จะถอยมาตั้งสติ และใช้ความจริง

ใจในฐานะที่ล้วนแล้วแต่เป็นคนไทยด้วยกัน มาเจรจากันโดยสันติเพื่อปลดล็อกวิกฤติให้กับบ้านเมืองจริงๆ น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าที่จะมาชิงความได้เปรียบกับแบบงี่ๆ เง่าๆ อย่างที่ผ่านมาวันนี้นายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลต้องตัดสินใจแล้วว่า จะยอมให้นายสุเทพเข้ามอบตัวกับตำรวจตามกระบวนการยุติธรรมหรือไม่??? หรือจะยังคงเลือกปกป้องนายสุเทพคนเดียว แล้วหันไปใช้การสั่งให้ทหารเข้าสลายมวลชนที่แยกราชประสงค์ทั้งๆ ที่เสี่ยงสูงต่อความสูญเสียชีวิต

ทรัพย์สิน และความปลอดภัยของคนจำนวนมากในเมื่อแกนนำเสื้อแดง ก็บอกแล้วว่า “เราตัดสินใจแล้วว่าเราจะปักหลักสู้อยู่ที่นี่จนกว่าจะได้รับความยุติธรรม ถ้าหากเราจะลงจากเวทีการต่อสู้ โดยไม่อาจอธิบายกับคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตไปกว่า 21 ชีวิตได้ ว่าจะทวงถามความยุติธรรมอย่างไร เราก็จะอยู่ที่นี่ เป็นไงเป็นกัน เรายินดีที่จะเอาอิสรภาพของเราเป็นเดิมพันเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมต่อไป เราจะรอพวกท่านอยู่ที่นี่ด้วยมือเปล่าๆ สันติวิธี นี่เป็นท่าทีสุดท้าย เราจะไม่

แสดงท่าทีนี้อีก”วันนี้แทนที่นายอภิสิทธิ์จะตัดรอนการเจรจาเพราะเชื่อคำยุยงของคนรอบข้าง น่าจะลองคิดดูใหม่ว่า ให้กระบวนการยุติธรรม ได้ทำหน้าที่ตามที่ทุกฝ่ายเรียกร้องไม่ดีกว่าหรือระหว่างการสลายม็อบที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศชาติเสียหาย กับการเดินเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตยที่แท้จริง ทั้งในเรื่องของคดีความและการเลือกตั้งตรงนี้ต้องบอกว่า เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่นายอภิสิทธิ์ต้องใช้สติเลือกแล้วหลายๆ คนบอกว่าถ้านายอภิสิทธิ์ใช้ความ

สามารถที่เรียนจบออกซ์ฟอร์ดในระดับเกียรตินิยม และใช้กลิ่นไอประเทศอังกฤษที่เป็นต้นแบบประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งนายอภิสิทธิ์ไปอยู่ไปร่ำเรียนมาตั้งแต่เด็ก นำมาใช้กับสถานการณ์ขณะนี้ ชิงยุบสภาให้เร็วที่สุดไปเสียเลย เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่รับรองได้ว่าคะแนนนิยมนายอภิสิทธิ์จะยิ่งมากขึ้น ดีไม่ดีจะกวาดที่นั่งในกรุงเทพฯ แบบแลนด์สไลด์เลยก็เป็นได้อยู่เพียงแค่ว่า “คิดเป็น” และ “ทำเป็น” หรือไม่เท่านั้นเอง?!?