WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, May 10, 2010

ศาลยกฟ้องกรณี 'สุทธาชัย' ฟ้องหมิ่นประมาท 'มาร์ค-สุเทพ-สรรเสริญ' ทำผังโยงเครือข่ายล้มเจ้า

ที่มา ประชาไท


กรณี 'สุทธาชัย ยิ้มประเสริฐ' ฟ้อง 'มาร์ค-สุเทพ-สรรเสริญ' ฐานหมิ่นประมาท ละเมิด ใส่ชื่อ 'สุทธาชัย' ในผังเครือข่ายล้มเจ้า ศาลแพ่งตัดสินจำเลยมีอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กระทำในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐ โจกท์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับผิดเป็นการส่วนตัวได้จึงพิพากษายกฟ้อง ส่วนที่เป็นคดีอาญาศาลกำลังพิจารณา

ตามที่ เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 53 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดา นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 1 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผอ.ศอฉ. จำเลยที่2 และพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. จำเลยที่ 3 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 90, 157, 328 กรณีศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เผยแพร่แผนผังเครือข่ายล้มเจ้า ซึ่งมีชื่อของนายสุธาชัยปรากฏอยู่

นอกจากนี้นายสุทธาชัย ยังได้ยื่นฟ้องศาลแพ่งในข้อหาละเมิด ให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 300,554.80 บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี และขอให้ศาลเปิดการไต่สวนฉุกเฉินเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว ต่อมาเวลาประมาณ 15.30 น. ศาลไต่สวนฉุกเฉินโดยไต่สวนโจทก์เพียงปากเดียวพร้อมพยานเอกสารอีก 5 ชิ้น และนัดฟังคำสั่งในวันจันทร์ที่ 10 พ.ค.นี้

ล่าสุดบ่ายวันนี้ (10 พ.ค.) ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งในคดีที่นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นโจทก์ฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ). และ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. เป็นจำเลยที่ 1 – 3 เรื่อง ละเมิด เรียกค่าเสียหายจำนวน 300,554 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี กรณีที่จำเลยทั้งสามจัดทำแผ่นปลิวโฆษณา ระบุว่าเป็นแผนผังของ ศอฉ. แสดงเครือข่ายที่มีพฤติการณ์ส่อล้มสถาบันพระมาหกษัตริย์ โดยระบุชื่อโจทก์ว่าเป็นหนึ่งที่อยู่ในเครือข่ายของขบวนการดังกล่าว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

ศาลแพ่งพิเคราะห์คำฟ้อง ประกอบเอกสารแล้วตามที่โจทก์อ้างในฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้รักษาการตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่วนจำเลยที่ 2 และ จำเลยที่ 3ได้รับมอบหมายอำนาจจากจำเลยที่ 1 ร่วมกันจัดทำแผ่นปลิวโฆษณาดังกล่าว และนำไปแจกจ่ายแก่ผู้สื่อข่าวและประชาชน นั้นแสดงว่า จำเลยทั้งสามกระทำไปในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ทั้งตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ได้นิยามคำ”สถานการณ์ฉุกเฉิน” หมายความว่า สถานการณ์อันกระทบหรืออาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือเป็นภัยต่อความมั่งคงของรัฐ หรืออาจทำให้ประเทศหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของประเทศตกอยู่ในภาวะคับขัน หรือกระทำผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา การรบ หรือการสงคราม จำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วน เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ความปลอดภัยของประชาชน การดำรงชีวิต การคุ้มครองสิทธิ์เสรีภาพ ความสงบเรียบร้อยหรือประโยชน์ส่วนรวม และอื่นๆ แสดงให้เห็นว่า ศอฉ. มีอำนาจดำเนินการใด ๆ ตามกฎหมายเพื่อป้องกัน แก้ไข และระงับสถานการณ์ฉุกเฉิน

แม้หากจำเลยทั้งสามจะกระทำตามมูลเหตุที่โจทก์นำมาฟ้อง ก็เป็นการกระทำภายในขอบอำนาจที่ พ.ร.ก.ดังกล่าวบัญญัติให้อำนาจไว้ จึงไม่มีเหตุผลที่พวกจำเลยจะดำเนินการไปในฐานะส่วนตัวเพื่อกลั่นแกล้ง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามให้รับผิดเป็นการส่วนตัวได้ ตาม พ.ร.บ.รับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 มาตรา 5 วรรคหนึ่ง พิพากษายกฟ้อง

ส่วนคดีที่นายสุทธาชัยยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และ พ.อ.สรรเสริญ เป็นจำเลยในคดีอาญา กรณีเดียวกันฐานหมิ่นประมาทเมื่อวันที่ 7 พ.ค.นั้น ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลว่าจะรับฟ้องคดีไว้หรือไม่

ทั้งนี้ เนื้อหาในคำฟ้องฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาของนายสุทธาชัยซึ่งเป็นโจกท์ ระบุว่า สืบเนื่องจากที่นายอภิสิทธิ์ (จำเลยที่ 1) ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และมอบหมายให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ (จำเลยที่ 2) เป็นประธานกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ในฐานะ ผอ.ศอฉ. โดยมี พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ทำหน้าที่เป็นโฆษก ศอฉ.

จำเลยทั้งสามที่มีอำนาจหน้าที่ใน ศอฉ.ได้กระทำผิดกฎหมาย โดยการร่วมกันจัดทำแผ่นปลิวโฆษณาระบุว่า แผ่นปลิวดังกล่าวเป็นแผนผังของ ศอฉ. ซึ่งแสดงเครือข่ายที่มีพฤติการณ์ส่อล้มสถาบัน โดยมีรายชื่อของโจทก์ปรากฏอยู่ในเครือข่ายนั้นด้วย ทั้งที่จำเลยทั้งสามก็ทราบดีอยู่แล้วว่า โจทก์มิได้เป็นเครือข่ายขบวนการดังกล่าว การกระทำของจำเลยทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายจึงเป็นการกระทำโดย เจตนาทุจริต ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และปฏิบัติโดยทุจริตทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

นอกจากนี้ จำเลยทั้งสามยังได้ทำการโฆษณาแจกจ่ายแผ่นปลิวดังกล่าวให้กับผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อมวลชนทั่วไป ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชนทั่วไป ซึ่งตามความจริงแล้ว โจทก์ไม่ได้เป็นบุคคลที่มีพฤติการณ์ต้องการจาบจ้วง และล้มล้างสถาบันแต่อย่างใด ทั้งนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสาม ไม่ได้เป็นการปฏิบัติหน้าที่ในการระงับ หรือป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย แต่เป็นการทุจริต เลือกปฏิบัติเกินสมควรแก่เหตุ และไม่ใช่กรณีที่จำเป็น ดังนั้นจำเลยทั้งสามจึงไม่ควรได้รับความคุ้มครองใดๆ ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน