ที่มา เดลินิวส์
เป็นครั้งแรกที่ พรรคเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ พูดตรงกันเป๊ะว่า การเสียชีวิตของ 2 นายตำรวจที่ดูแลการชุมนุมที่ สีลม และ สวนลุม กลางดึกศุกร์ 7 พ.ค. ซึ่งน่าเสียใจยิ่งนั้น เป็นฝีมือพวกที่ต้องการล้มแผนปรองดอง
ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ขณะที่นายกฯพูดในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยฯ” ล่าสุดว่า คนทำ คือผู้ก่อการร้าย มีการโยงคำพูด เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ก่อนหน้าที่ว่า ไม่เอาแผนปรอง ดอง ไม่ให้เสื้อแดงยุติการชุมนุม กับ อีกคน ที่ไม่ได้ประโยชน์จากแผนปรองดองเลย คือ
คนที่อยู่ต่างประเทศ
ถึงจะไม่ฟันธงว่า คือใคร ก็เดาไม่ยาก ก็ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั่นล่ะ จะใครเสียอีก เจ้าตัว ก็คงทวิตเตอร์ปฏิเสธ และดีไม่ดีอาจฟ้องร้องเป็นคดีความกันอีก ก็ต้องว่ากันไป
แต่ก็ต้องชื่นชมนายกฯอีกครั้ง เพราะแม้หลายคนพยายามโยงการตายของ 2 ตำรวจว่า เป็นความล้มเหลวของแผนปรอง ดองแล้ว แต่นายกฯ ก็ยังแสดงจุดยืนชัดว่า จะไม่ล้มแผนนี้ และจะเดินหน้าต่อ แม้ยังไม่มีคำพูดหลุดจากปากว่า ตกลงจะยุบสภาเมื่อไหร่
ก็ยังเป็นข่าวดี เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องการฟัง
ชัดเจนแล้วว่า ถึงวันนี้กลุ่มไหนไม่ยอมรับ ก็เป็นเรื่องของกลุ่มนั้น แต่คนส่วนใหญ่ของประเทศขานรับ แผนปรองดอง 5 ข้อ ที่จะนำไปสู่การ ยุบสภา 14 พ.ย. 2553 ทั้งนั้น นายกฯจะเล่นแง่ ไม่บอกวันยุบสภา คนส่วนใหญ่ก็ไม่สน ยังไง ไม่ 15 ก.ย.นี้ ก็ยื้อสุดได้แค่ 30 ก.ย. ก็ต้องประกาศยุบสภา อยู่ดี
ที่สำคัญคือ นายกฯประกาศเป็นสัญญาประชาคมแล้ว เบี้ยวไม่ได้ จึงไม่มีเหตุผลใด ที่ แกนนำนปช. จะยื้อต่อ ถ้าวันนี้ ยุติการชุมนุมไปแล้ว ก็เป็นข่าวดี เป็นการแสดงความจริงใจ เดินถูกทางแล้ว แต่ถ้ายังยื้ออีก บอกได้คำเดียว แกนนำจะพาประชาชนเดินสู่หายนะ จะอ้างเหตุผลใด คนก็จะไม่ฟังอีกแล้ว
เรื่องการตายของประชาชนนั้น เมื่อแกนนำยืนยัน จะนำเรื่องนี้ไปฟ้องต่อ ศาลสถิตยุติธรรม ก็ถือเป็นการสะสางทางหนึ่งแล้ว และต่อให้กฎหมายบ้านเมืองเอื้อมมือไม่ถึง ใครฆ่าประชาชน ชีวิตไม่มีความสุขหรอก
กรรมจะตามสนองเอง
อีกอย่าง ช่วงนี้ใกล้ทำนาเต็มทีแล้ว ประชาชนจะได้กลับไปปลูกข้าว ปลูกพริก ปลูกถั่ว ข้าวโพด เสียที แม้ระยะหลัง ๆ ม็อบจะเป็นคนกรุงเทพฯซะ 70% ชนบทแค่ 30% ยังไงคนกรุงเทพฯก็ดีกว่าแยะ มีบ้านกลับ
ขณะที่คนต่างจังหวัด ต้องมานอน กลางพื้นถนนที่แดดเปรี้ยง แม้จะมีผ้าใบปูทับ ก็แทบไม่มีผล ไอร้อนที่ระเหยออกมา แทบจะเผาไหม้ผิวหนังก็ไม่ปาน แม้เค้าจะอยู่ง่ายกินง่าย แต่กรุงเทพฯก็ไม่ใช่บ้าน ต้องยอมรับ เค้าคิดถึงบ้านแล้ว อยากกลับบ้าน!!!
แม้แกนนำเองก็เถอะ หลายคนก็มีลูกเล็ก ๆ อยากกลับไปอยู่กับลูกกับเมียให้สมใจอยาก ข้อเรียกร้องให้ยุบสภา ถึงเงื่อนเวลาจะไม่ได้ตามที่ต้องการ ก็ถือว่า ประสบความสำเร็จแล้ว รัฐบาลยอมคืนอำนาจให้ประชาชน
แล้วจะอยู่ด้วยเหตุผลอะไร คงมีแต่คดีความที่แกนนำโดนอ่วมทั้ง ก่อการร้าย ล้มสถาบัน นับสิบ ๆ คดี หากนายกฯจริงใจ อยากสร้างความปรองดอง อย่างน้อยก็ควรให้ประกันตัว แล้วให้ไปสู้ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ก็ทีคดียึดทำเนียบฯ อัยการยังสั่งเลื่อนคดีเป็น 10 ครั้ง คดียึดสนามบิน ตำรวจขนหลักฐานเป็นคันรถไปขอหมายจับ “ผู้ก่อการร้าย” ก็ถูกเบรกหัวทิ่ม หันกลับแทบไม่ทัน ทุกคนยังลอยนวลมิใช่หรือ
ตรงนี้แหละ ความเป็นธรรมที่แกนนำนปช.ต้องการ.
ดาวประกายพรึก
ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ขณะที่นายกฯพูดในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยฯ” ล่าสุดว่า คนทำ คือผู้ก่อการร้าย มีการโยงคำพูด เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ก่อนหน้าที่ว่า ไม่เอาแผนปรอง ดอง ไม่ให้เสื้อแดงยุติการชุมนุม กับ อีกคน ที่ไม่ได้ประโยชน์จากแผนปรองดองเลย คือ
คนที่อยู่ต่างประเทศ
ถึงจะไม่ฟันธงว่า คือใคร ก็เดาไม่ยาก ก็ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั่นล่ะ จะใครเสียอีก เจ้าตัว ก็คงทวิตเตอร์ปฏิเสธ และดีไม่ดีอาจฟ้องร้องเป็นคดีความกันอีก ก็ต้องว่ากันไป
แต่ก็ต้องชื่นชมนายกฯอีกครั้ง เพราะแม้หลายคนพยายามโยงการตายของ 2 ตำรวจว่า เป็นความล้มเหลวของแผนปรอง ดองแล้ว แต่นายกฯ ก็ยังแสดงจุดยืนชัดว่า จะไม่ล้มแผนนี้ และจะเดินหน้าต่อ แม้ยังไม่มีคำพูดหลุดจากปากว่า ตกลงจะยุบสภาเมื่อไหร่
ก็ยังเป็นข่าวดี เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องการฟัง
ชัดเจนแล้วว่า ถึงวันนี้กลุ่มไหนไม่ยอมรับ ก็เป็นเรื่องของกลุ่มนั้น แต่คนส่วนใหญ่ของประเทศขานรับ แผนปรองดอง 5 ข้อ ที่จะนำไปสู่การ ยุบสภา 14 พ.ย. 2553 ทั้งนั้น นายกฯจะเล่นแง่ ไม่บอกวันยุบสภา คนส่วนใหญ่ก็ไม่สน ยังไง ไม่ 15 ก.ย.นี้ ก็ยื้อสุดได้แค่ 30 ก.ย. ก็ต้องประกาศยุบสภา อยู่ดี
ที่สำคัญคือ นายกฯประกาศเป็นสัญญาประชาคมแล้ว เบี้ยวไม่ได้ จึงไม่มีเหตุผลใด ที่ แกนนำนปช. จะยื้อต่อ ถ้าวันนี้ ยุติการชุมนุมไปแล้ว ก็เป็นข่าวดี เป็นการแสดงความจริงใจ เดินถูกทางแล้ว แต่ถ้ายังยื้ออีก บอกได้คำเดียว แกนนำจะพาประชาชนเดินสู่หายนะ จะอ้างเหตุผลใด คนก็จะไม่ฟังอีกแล้ว
เรื่องการตายของประชาชนนั้น เมื่อแกนนำยืนยัน จะนำเรื่องนี้ไปฟ้องต่อ ศาลสถิตยุติธรรม ก็ถือเป็นการสะสางทางหนึ่งแล้ว และต่อให้กฎหมายบ้านเมืองเอื้อมมือไม่ถึง ใครฆ่าประชาชน ชีวิตไม่มีความสุขหรอก
กรรมจะตามสนองเอง
อีกอย่าง ช่วงนี้ใกล้ทำนาเต็มทีแล้ว ประชาชนจะได้กลับไปปลูกข้าว ปลูกพริก ปลูกถั่ว ข้าวโพด เสียที แม้ระยะหลัง ๆ ม็อบจะเป็นคนกรุงเทพฯซะ 70% ชนบทแค่ 30% ยังไงคนกรุงเทพฯก็ดีกว่าแยะ มีบ้านกลับ
ขณะที่คนต่างจังหวัด ต้องมานอน กลางพื้นถนนที่แดดเปรี้ยง แม้จะมีผ้าใบปูทับ ก็แทบไม่มีผล ไอร้อนที่ระเหยออกมา แทบจะเผาไหม้ผิวหนังก็ไม่ปาน แม้เค้าจะอยู่ง่ายกินง่าย แต่กรุงเทพฯก็ไม่ใช่บ้าน ต้องยอมรับ เค้าคิดถึงบ้านแล้ว อยากกลับบ้าน!!!
แม้แกนนำเองก็เถอะ หลายคนก็มีลูกเล็ก ๆ อยากกลับไปอยู่กับลูกกับเมียให้สมใจอยาก ข้อเรียกร้องให้ยุบสภา ถึงเงื่อนเวลาจะไม่ได้ตามที่ต้องการ ก็ถือว่า ประสบความสำเร็จแล้ว รัฐบาลยอมคืนอำนาจให้ประชาชน
แล้วจะอยู่ด้วยเหตุผลอะไร คงมีแต่คดีความที่แกนนำโดนอ่วมทั้ง ก่อการร้าย ล้มสถาบัน นับสิบ ๆ คดี หากนายกฯจริงใจ อยากสร้างความปรองดอง อย่างน้อยก็ควรให้ประกันตัว แล้วให้ไปสู้ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ก็ทีคดียึดทำเนียบฯ อัยการยังสั่งเลื่อนคดีเป็น 10 ครั้ง คดียึดสนามบิน ตำรวจขนหลักฐานเป็นคันรถไปขอหมายจับ “ผู้ก่อการร้าย” ก็ถูกเบรกหัวทิ่ม หันกลับแทบไม่ทัน ทุกคนยังลอยนวลมิใช่หรือ
ตรงนี้แหละ ความเป็นธรรมที่แกนนำนปช.ต้องการ.
ดาวประกายพรึก