WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, May 9, 2010

**บุคคล 6 ประเภทที่ไม่สมควรจะปรองดองสมานฉันท์ด้วย**

ที่มา thaifreenews


โดย Porsche

จากคุณ : bonny

ลักษณะของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่สมควรเอาความดีงามไปปรองดองหรือสมานฉันท์ด้วย เพราะรังแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปใหญ่ ได้แก่..

1) คนคดโกงโดยนิสัย

ผู้ใดเป็นคนคดโกงโดยนิสัย หรือ นิยมคนคดโกงโดยนิสัย ไม่สมควรเสียเวลาไปเจรจาเรื่องปรองดองสมานฉันท์ เพราะบุคคลหรือกลุ่มบุคคลนั้นจะจ้องหาโอกาสคดโกงอยู่เรื่อยไปแม้วิธีปฏิบัต
ิเพื่อความปรองดองสมานฉันท์ก็ยังคิดจะนำมาโกงเพื่อตนเองอยู่ตลอดเวลา

2) ผู้ก่อการร้าย

การเป็นผู้ก่อการร้ายได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่นิยมใช้ความรุนรแงในการแก้ปัญหา การปรองดองสมานฉันท์ไม่อาจทำกับบุคคลกลุ่มนี้ได้ เพราะแม้พวกเขาจะรับปากอย่างไรก็ตาม สุดท้ายไม่ได้ดังใจก็จะหันไปก่อการร้ายอยู่ดีการจะให้เขาได้ดังใจในทุกสิ่งไม่เรียกว่าการปรองดองสมานฉันท์

3) คนโง่เขลาโดยสันดาน

คนไร้การศึกษาไม่ใช่คนโง่ เพียงแต่เป็นผู้ด้อยโอกาส แต่คนโง่คือ
คนที่คิดไม่เป็น เรียนรู้ได้แต่ไม่แตกฉาน โง่เขลาโดยสันดานจึงเป็นความโง่ที่ติดตัวมาตั้งแต่ยังแบเบาะ นักวิชาการที่หลงไหลในลัทธิใดลัทธิหนึ่งจนหน้ามืดตามัวก็ถือเป็นคนโง่เขลาได้
การปรองดองสมานฉันท์กับคนที่โง่เขลาโดยสันดานไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะแผนการจะไม่คืบหน้าเนื่องจากเหตุผลนำมาอธิบายให้คนเหล่านี้เข้าใจไม่ได้

4) คนที่มีชนักติดหลังอยู่

การปรองดองสมานฉันท์กับผู้ที่มีชนักติดหลังไม่เป็นผล
เพราะเงื่อนไขการปรองดองสมานฉันท์ต้องการนำพาไปสู่สันติดสุข แต่ผู้ที่มีชนักติดหลังต้องการให้ดึงชะนักที่ติดอยู่ออกก่อน ผู้ที่มีชนักติดหลังได้แก่..ผู้ที่มีคดีที่ยังไม่ยุติ..ผู้ที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว..
ผู้ที่มีปัญหาส่วนตัวร้ายแรงอันไม่อาจยุติได้ด้วยการพึ่งพาความยติธรรม

5) ผู้ที่มีผลประโยชน์แอบแฝงอันลึกล้ำกว่าความต้องการปรองดองสมานฉันท์

บุคคลใดกระทำการเพื่อผลประโยชน์ที่แอบแฝงอยู่และ
กระบวนการปรองดองสมานฉันท์ไม่สามารถเอื้อประโยชน์ต่อเป้าหมายที่แอบแฝงของเขาได้ ไม่สมควรไปเจรจาปรองดองสมานฉันท์ด้วย คำพังเพยที่ว่า
ปากอย่างใจอย่าง สอดคล้องกับการกระทำของคนกลุ่มนี้

6) คนที่รักอย่างอื่นมากกว่าบ้านเมือง

บุคคลกลุ่มนี้แยกประเภทได้ยาก เนื่องจากไม่มีใครกล้าประกาศว่า
รักสิ่งอื่นมากกว่าบ้านเมือง ต้องอาศัยกาลเวลาทั้งอดีต ปัจจุบนและอนาคตวินิจฉัย ประกอบกันกับพฤติกรรมของบุคคลกลุ่มนี้ที่มีต่อประเทศชาติ
หากใช้สติปัญญาและวิจารณญานอันระดับคนปกติทั่วๆ ไปพึงมีสังเคราะห์สักหน่อย
ก็จะแยกแยะคนประเภทนี้ได้

สิ่งล่อใจที่ทำให้รักมากกว่าบ้านเมืองได้แก่..เงินตรา..นารี..ชีวี..ลาภยศ ยกเว้นอย่างเดียว คือ อุดมการณ์

การปรองดองสมานฉันท์กับบุคคลกลุ่มนี้ไม่เกิดประโยชน์
เพราะการปรองดองสมานฉันท์ทำเพื่อบ้านเมือง ในเมื่อพวกเขามีสิ่งอื่นที่ปรารถนามากกว่าความสุขสงบของบ้านเมืองอยู่แล้ว
จึงไม่เห็นประโยชน์ในการทำให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์

""""""""""""""""""""""""""""""""""""

นายกอภิสิทธิ์เหลือปัญญาอยู่แค่ทำหน้าที่เดียว คือ
ตอบคำถามให้ได้ว่า บุคคลที่ท่านต้องการปรองดองสมานฉันท์ด้วยเป็นคนประเภทไหน
อยู่ใน 6 ประเภทข้างต้นหรือเปล่า เท่านั้นแหละครับ

ปล..
คนเสื้อแดงในห้องนี้ก็ใช้วิจารณญาณด้วยครับ ผมไม่ได้บอกว่ากลุ่มนปช.อยู่ใน 6 ประเภทที่ว่านั้น
อย่าเพิ่งกินปูนร้อนท้อง
ขณะเดียวกันกลุ่มนปช.ก็อาจพิเคราะห์ดูด้วยก็ได้ว่า
นายกอภิสิทธิ์มีคุณลักษณะอยู่ใน 6 ประเภทนี้ด้วยหรือเปล่า เช่นเดียวกัน


http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P9225909/P9225909.html