WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, May 12, 2010

รุมบีบมาร์ค ห้ามเลิก‘ศอฉ.’!

ที่มา บางกอกทูเดย์



สังคมไทย เป็นสังคมที่ประทับใจในความจริงใจ ในความมั่นคงซื่อสัตย์นักการเมืองคนใดก็ตาม หากสามารถที่จะมีคุณสมบัติ 2 ประการนี้ได้โดยแท้จริง รับรองได้ว่า จะเป็นภาพลักษณ์ที่ช่วยให้อยู่ยั้งยืนยงได้นานก็ดูเหตุการณ์ที่ทำให้คนไทยน้ำตาซึมในเวลานี้ก็ได้ กับข่าวการแต่งงานกับเจ้าบ่าวนิทรา ที่ประสบอุบัติเหตุลื่นล้มก่อนวันแต่งงานเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ทำให้ นายอดิศักดิ์ ไค่นุ่นกา เจ้าบ่าว ลูกจ้างประจำกรมสวัสดิการทหารเรือ ต้องถูกส่งตัวเข้าไปนอน

รักษาเป็นเจ้าชายนิทรา อยู่ในห้องศัลยกรรมประสาทชายชั้น 4 ตึกเฉลิมพระเกียรติ ที่โรงพยาบาลตำรวจปรากฏว่า น.ส.วิภาวรรณ ทองชูแสง พนักงานข้าราชการโรงเรียนนายเรือ ก็ยืนยันมั่นคงในความรัก และได้แสดงความจริงใจซื่อสัตย์ ด้วยการแต่งชุดเจ้าสาวเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าบ่าวเหมือนเดิม แม้ว่าเจ้าบ่าวจะกลายเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้วก็ตามเท่านั้นแหละสังคมไทยน้ำตาซึม น้ำตาไหลรืนไปตามๆ กัน บอกว่านี่คือ ตำนานรักแท้สุดประทับใจแม้สุดท้ายจะจบ

ลงด้วยความเศร้า เพราะหลังพิธีแต่งงาน นายอดิศักดิ์ ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบนี่คือ ลักษณะสำคัญของจิตใจคนไทยโดยพื้นฐานตรงนี้แหละที่ทำให้เกิดคำถามว่า แล้วเกิดอะไรขึ้นกับสภาพการเมืองของไทยในเวลานี้ ที่ทำให้นักการเมือง หรือกลุ่มบุคคลที่แสวงหาอำนาจทางการเมือง และการทหารทั้งหลาย ถึงได้ลืมพื้นฐานของสังคมไทยมุ่งหน้าทำลายล้างกัน จนกลายเป็นวิกฤติของประเทศเช่นในขณะนี้แผนปรองดองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งคิด

ว่าน่าจะเป็นบันไดทอดลง และนำไปสู่การยุติปัญหา เอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้จบง่ายอย่างที่นายอภิสิทธิ์ หวังกลุ่มคนเสื้อแดง กลุ่มแกนนำ นปช. ยังไม่เท่าไหร่ ยังสามารถที่จะเจรจาได้แต่กลับกลายเป็นว่า กลุ่มผู้ที่สูญเสียประโยชน์ กลุ่มที่แปลงร่างกลายสภาพ พยายามกลบเกลื่อนพันธุกรรมกันอุตลุดนั้น กลับเป็นฝ่ายที่ไม่ยินยอม ถึงขนาดสลัดภาพเดิมที่เคยฉาบทาเอาไว้ แล้วกลายเป็นมาร ฮึ่มเข้าใส่นายอภิสิทธิ์ เข้าใส่รัฐบาล เข้าใส่คนเสื้อแดงว่าจะจบลงด้วยการเจรจาโดย

สันติวิธีเช่นนี้ไม่ได้… จะต้องจบด้วยความรุนแรงเท่านั้นวันนี้จึงทำให้สถานการณ์กลายเป็นเสือปะทะสิงห์ แล้วดันมาเจอจระเข้รองาบไม่เลือกหน้า ก็วุ่นกันอย่างที่เห็นในเวลานี้นั่นแหละ… เชื่อว่าวันนี้นายอภิสิทธิ์ คงรู้ซึ้งแก่ใจแล้วว่า คนที่เคยคิดว่าเป็นมิตร คิดว่าเคยหนุนส่งให้ได้รับเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแต่เมื่อไม่ได้ดั่งใจขึ้นก็ลืมความเป็นมิตรได้ทันทีทันควัน และพร้อมที่จะทำลายล้างได้ทุกรูปแบบซึ่งนายอภิสิทธิ์ ไม่ใช่นักการเมืองคนแรกที่โดนเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ

ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็โดนมาแล้วเช่นกันไม่ได้สัมปทานสื่ออย่างที่หวัง ไม่ได้รับความช่วยเหลือทางด้านการเงิน ไม่ได้การปัดเป่าในเรื่องปัญหาหนี้อย่างที่ต้องการจากที่เคยเห็นว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่เหมาะสมที่สุด มีวิสัยทัศน์ระดับสากล ก็กลับกลายเป็นถูกประโคมว่า เป็นนักการเมืองที่เลวร้าย พิพากษาเองเสร็จสรรพว่าเต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่นทั้งๆ ที่วันนี้เอาผิดคอร์รัปชั่นชนิดคดีที่เจ๋งๆ ประจักษ์พยานชัดแจ้งให้คนไทยเห็นและยอมรับได้อย่างประจักษ์ตาและ

หัวใจจริงๆ สักคดีหนึ่งก็ยังไม่มีผลงานของ คตส. ถูกมองว่าเป็นกลไกเพื่อการป้ายสีและทำลายล้าง ด้วยระบบยุติธรรม 2 มาตรฐาน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่เกิดความวุ่นวายขึ้นมาจนทุกวันนี้กลุ่มคนเสื้อแดงวันนี้พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า สู้เพื่อทวงคืนประชาธิปไตยที่แท้จริง และต้องการที่จะหยุดระบบ 2 มาตรฐานที่เกิดกับเสาหลักตุลาการในเวลานี้ไม่ได้เป็นการต่อสู้เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างที่ถูกป้ายสีจากเครือข่ายอำมาตย์และกลไกการเมืองของรัฐ รวมทั้งวิชามารของนักการ

เมืองที่ไม่เคยซื่อสัตย์จริงใจกับใครเลยสิ่งที่ยืนยันว่า แกนนำ นปช. หรือกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้มุ่งสู้เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหลัก ก็คือ ความไม่ลงตัวในเรื่องแกนนำ นปช. รุ่น 2 นี่แหละ คือประจักษ์พยานที่ชัดเจนที่สุด เพราะล่าสุดนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ประกาศชัดว่า ที่มีการออกมาระบุกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้สั่งการให้แต่งตั้ง นปช.รุ่น 2 แทนแกนนำชุดแรก เป็นแค่เรื่องของข้อมูลคลาดเคลื่อน เพราะนปช. ไม่ใช่บริษัทเอกชน จะโละผู้บริหารได้ ไม่มีใครมี

อำนาจเปลี่ยนตัวแกนนำ แม้แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ เองก็ตาม เพราะไม่อยู่ในฐานะที่ตัดสินใจเปลี่ยนตัวแกนนำ ซึ่งทางแกนนำ นปช. ก็ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงสารทุกข์สุขดิบ ต่างๆ บ้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้สอบถามสถานการณ์โดยเฉพาะการเป็นห่วงที่มีผู้เสียชีวิตจากการชุมนุม ไม่มีการติดต่อทาบทาบให้มีการแต่งตั้งแกนนำรุ่น 2 แต่อย่างใดนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ออกมาให้ข้อมูลในแนวทางเดียวกันว่า ที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะ

ให้นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และนายขวัญชัย ไพรพนา เป็นแกนนำคนเสื้อแดงชุด 2 แทน นายวีระ มุสิกพงษ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นั้นถือเป็นข่าวที่คลาดเคลื่อน เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ทราบเรื่อง ก็ได้โทรศัพท์มาหา เพื่อให้ช่วยชี้แจงว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ไม่ใช่เรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะไปตัดสินใจเปลี่ยนตัวแกนนำ เป็นเรื่องของมวลชนเสื้อแดงเองล้วนๆดังนั้น เงื่อนไขกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ยังไม่ยอมสายการชุมนุม ก็เป็น

เพราะเรื่องกรณีวีรชนที่เสียชีวิตยังไม่ได้รับความเป็นธรรม และคนสั่งการยังไม่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายไม่ใช่เพราะจะต่อสู้เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือเพื่อล้มล้างสถาบันอย่างที่มีความพยายามในการป้ายสีมาโดยตลอดเชื่อว่าวันนี้ ลึกๆ นายอภิสิทธิ์ เองก็คงจะรู้ซึ้งอยู่แก่ใจแล้วว่า จริงๆ แล้วใครคือ ศัตรูที่แท้จริงกันแน่จะเห็นได้จากท่าทีของนายอภิสิทธิ์ ที่ยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม กรณีสั่งสลายม็อบหลังจากที่สมาชิกพรรคเพื่อไทย และญาติผู้เสียชีวิต ได้มีการร้องทุกข์

กล่าวโทษนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะ ผอ.ศอฉ. กับทาง ดีเอสไอ ไปแล้วซึ่งนายสุเทพ ตัดสินใจไปพบนายธาริต เพื่อไปรับทราบการร้องทุกข์กล่าวโทษ เช่นเดียวกับนายอภิสิทธิ์ ด้วยเช่นกัน แต่กรณีของนายอภิสิทธิ์ จะต้องผ่านขั้นตอนของกระบวนการรัฐสภาก่อน เนื่องจากเป็น ส.ส.มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง หากสภามีมติไม่ให้ความคุ้มครองจึงสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปได้นายอภิสิทธิ์ ระบุชัดเจนว่า ยินดีที่จะเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งการทำ

งานของ ศอฉ. และหน่วยงานด้านความมั่นคง สามารถที่จะอธิบายได้ และพร้อมที่จะนำหลักฐานต่างๆ มาต่อสู้กันในกระบวนการยุติธรรมซึ่งหากนายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ แสดงความจริงใจในการรับทราบข้อกล่าวหาจริงๆ ในขณะที่ทางดีเอสไอ ก็ต้องไม่มี 2 มาตรฐานดำเนินการไปตามเนื้อผ้า พิสูจน์ความจริงตามข้อกล่าวหาว่ามีการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,289 มาตรา 82,83 และ 84 และมีการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัต

หน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 82 และ 83 ตามที่ญาติผู้เสียชีวิตมาร้องถูกกล่าวโทษกับดีเอสไอจริงหรือไม่???ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องไปต่อสู้กันตามกระบวนการยุติธรรมแต่แน่นอนว่า นี่คือ การลดเงื่อนไขในการเจรจาลงมา และน่าที่จะทำให้การเจรจาในการหาข้อยุติทำได้ง่ายขึ้นเพียงแต่ว่าจะถูกใจกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มเสื้อหลากสีหรือไม่กับการที่จะยุติลงโดยสันติวิธี เป็นเรื่องที่น่าคิดเหมือนกัน ว่านายอภิสิทธิ์ จะรับมืออย่างไรเช่นเดียวกันกับ

กรณี พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ที่ไม่รู้ว่ากลัวจะไม่เหลือบทบาท หรือหมดโอกาสออกทีวี ก็เลยยังออกมายืนกรานว่าศอฉ. ได้เสนอนายกรัฐมนตรีไปว่า ยังไม่ควรยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งเรื่องการถอนกำลังทหาร ก็ยังไม่ควรดำเนินการ แม้คนเสื้อแดงจะสลายชุมนุมไปแล้ว อ้างว่ายังมีผู้ก่อการร้ายแฝงอยู่ในการชุมนุมไปโน่นเลยข้ออ้างเหล่านี้แหละที่ทำให้ ศอฉ. ยังใช้กำลังทหารสร้างผลกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบานทั่วไปอย่างไม่หยุดหย่อน มีการ

เพิ่มด่านจาก 6 ด่าน เป็น 11 ด่าน บางคืนก็มีการปิดถนนจนรถราติดขัดไปหมด ไม่เว้นแม้แต่วันอาทิตย์กรณีเหล่านี้นายอภิสิทธิ์ จะรับมืออย่างไร???เพราะนี่คือ เงื่อนไขที่เกิดขึ้นมาเพื่อจะทำให้การชุมนุมยืดเยื้อทั้งสิ้นกลายเป็นว่าการเจรจากับคนเสื้อแดง นายอภิสิทธิ์ กับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ สามารถทำได้ง่ายกว่า การเจรจากับคนรอบข้างที่เป็นพวกเดียวกันเอง แล้วแบบนี้ทำไมไม่ทำตามข้อเสนอของกลุ่มคนเสื้อแดง มอบตัวในคดีสั่งสลายการชุมนุมในวันที่ 10

เมษายน เช่นเดียวกับแกนนำ นปช.ที่ต้องคดี เพราะ นปช. ก็บอกแล้วว่าถ้าเข้ามอบตัววันไหน วันนั้นแกนนำ นปช. จะประกาศยุติการชุมนุมทันที และคนเสื้อแดงพร้อมกลับบ้านทันทีรวมทั้งตัดสินใจยกเลิก พ.ร.ก.บริหารราชการในภาวะฉุกเฉิน ยกเลิก ศอฉ. ไปเลยพิสูจน์ความจริงใจ เพื่อให้ปัญหายุติ รับรองมีแม่ยกเชียร์มากกว่าม็อบหลากสี ชัว