ที่มา ไทยรัฐ
คุณอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสภาพัฒนฯ พูดถึงปัญหา วิกฤติหนี้สาธารณะ หรือ วิกฤติหนี้สินประเทศ ที่กำลังท่วมท้นจีดีพี ประเทศกรีซ จนเกิดจลาจล ต้องขอความช่วยเหลือจากยุโรปและไอเอ็มเอฟเป็นเงินก้อนมหาศาล ล่าสุด กลุ่มยูโรโซน 16 ประเทศได้ลงมติอนุมัติเงินช่วยเหลือกรีซเป็นวงเงินสูงถึง 110,000 ล้านยูโร แต่ก็ยังหยุดยั้งความวิตกไม่อยู่ กลัวว่าจะไม่หยุดอยู่แค่กรีซ เพราะ สเปน และ โปรตุเกส อีกสองประเทศก็มีอาการร่อแร่เหมือนกัน
คุณอำพน บอกว่า วิกฤติหนี้กรีซ ส่งผลกระทบต่อไทย 2 เรื่องหลัก การส่งออก และ การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ทั้งคู่ เพราะสองเรื่องนี้คือเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทยอยู่ในเวลานี้
แต่เรื่อง วิกฤติหนี้ประเทศกรีซ ที่ว่าร้ายแล้ว คุณอำพนบอกว่า ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับ "วิกฤติการเมืองไทย" ที่แบ่งสีแบ่งฝ่ายทะเลาะเข่นฆ่ากันเองในเวลานี้ หากปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไปประเทศไทยจะได้รับความเสียหายอย่างมาก เพราะมีผลกระทบต่อการตัดสินใจของ "นักลงทุนต่างประเทศ" และ "นักท่องเที่ยว" ที่จะเข้ามาลงทุนและเที่ยวประเทศไทย
คุณอำพนบอกว่า ในระยะสั้นเศรษฐกิจโลกจะมีผลกระทบต่อไทยมากกว่าปัญหาการเมือง แต่ในระยะยาว ปัญหาการเมืองจะมีผลกระทบมาก กว่า เพราะปัญหาเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น มีคนเข้าไปดูแลช่วยแก้ไข ปัญหาจึงมีวันยุติ
แต่ปัญหาการเมืองในประเทศมันดูเหมือนว่าไม่มีท่าทีจะยุติ มองไปทางไหนก็หาทางไม่เจอ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเรากำลังดีขึ้น การจ้างงานกำลังกลับมา แต่ตอนนี้กลับมาเจอแบบนี้ แล้วแบบนี้นักลงทุนที่ไหนจะกล้าเข้ามาลงทุนกัน สุดท้ายเขาก็คงจะหนีเราไปหมด
"ถ้าเปรียบเป็นการเล่นมวยปล้ำ ผมคิดว่าถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานมีหวังประเทศไทยหลังต้องติดพื้นนับครบสาม ม้วนเสื่อกลับบ้านได้ ไม่ต้องไปสู้กับใครอีกแล้ว ขณะนี้ได้แต่หวังว่าปัญหาทุกอย่างจะยุติลงโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นมีหวังประเทศไทยจะเกิดปัญหาใหญ่แน่นอน"
ผมเห็นด้วยกับ คุณอำพน วันนี้คนไทยส่วนใหญ่อาจไม่รู้สึกถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจมากนัก แต่ถ้าการเมืองยังเป็นอย่างนี้ต่อไป วิกฤติเศรษฐกิจจะตามมาแน่นอน คนไทยทุกคนจะเดือดร้อนกันหมด ทั้งคนจนเมืองและคนจนต่างจังหวัด
ผมอยากขยายความเรื่อง "นักลงทุนต่างชาติ" สักนิด คนทั่วไปอาจจะไม่ค่อยเข้าใจมากนัก นักลงทุนต่างชาติไม่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย หนีไปลงทุนที่ประเทศเพื่อนบ้าน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย
คำตอบก็คือ เกี่ยวข้องกับคนไทยทุกคนโดยตรง ทุกวันนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัว คนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็เพราะมีเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนสร้างโรงงาน เข้ามาผลิตสินค้าแล้วส่งออก เข้ามาค้าขาย ส่งผลให้เศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียน ทำให้เศรษฐกิจมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น มีการจ้างงานมากขึ้น ลำพังการลงทุนและการบริโภคจากคนไทยด้วยกันเอง ไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ขนาดนี้
ทุกประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านของเรา ต่างก็แข่งกันดึงนักลงทุนต่างประเทศ ประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน ถ้าการเมืองไทยยังเป็นอย่างนี้นักลงทุนก็ไม่เข้ามาลงทุน ถ้าสถานการณ์ไม่มีทีท่าว่าจะยุติ เขาก็ไปลงทุนประเทศอื่น เมื่อไปประเทศอื่นแล้ว โอกาสที่จะย้อนกลับมาลงทุนที่ไทยอีก ก็คงจะยาก ถึงเวลานั้นก็สายไปเสียแล้ว
ผมจึงหวังว่า ทุกฝ่ายที่บอกว่ารักชาติรักประเทศไทย ควร "แสดงความจริงใจ" ออกมาด้วยการเข้าสู่กระบวนการ "ปรองดอง" อย่างไม่มีเงื่อนไข และยุติการชุมนุมทันที เพื่อสลายบรรยากาศความขัดแย้ง ไม่ควรคิดเรื่องแพ้ชนะ แต่ทุกฝ่ายต้องถอย ทุกฝ่ายต้องยอมแพ้ เพื่อให้ประเทศไทยชนะ
ถ้าประเทศไทยแพ้ คนไทยก็แพ้ทุกคน หายนะข้างหน้าเป็นสิ่งที่มองเห็นได้
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า วันนี้จะได้ยินข่าวดี.
"ลม เปลี่ยนทิศ"
คุณอำพน บอกว่า วิกฤติหนี้กรีซ ส่งผลกระทบต่อไทย 2 เรื่องหลัก การส่งออก และ การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ทั้งคู่ เพราะสองเรื่องนี้คือเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทยอยู่ในเวลานี้
แต่เรื่อง วิกฤติหนี้ประเทศกรีซ ที่ว่าร้ายแล้ว คุณอำพนบอกว่า ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับ "วิกฤติการเมืองไทย" ที่แบ่งสีแบ่งฝ่ายทะเลาะเข่นฆ่ากันเองในเวลานี้ หากปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไปประเทศไทยจะได้รับความเสียหายอย่างมาก เพราะมีผลกระทบต่อการตัดสินใจของ "นักลงทุนต่างประเทศ" และ "นักท่องเที่ยว" ที่จะเข้ามาลงทุนและเที่ยวประเทศไทย
คุณอำพนบอกว่า ในระยะสั้นเศรษฐกิจโลกจะมีผลกระทบต่อไทยมากกว่าปัญหาการเมือง แต่ในระยะยาว ปัญหาการเมืองจะมีผลกระทบมาก กว่า เพราะปัญหาเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น มีคนเข้าไปดูแลช่วยแก้ไข ปัญหาจึงมีวันยุติ
แต่ปัญหาการเมืองในประเทศมันดูเหมือนว่าไม่มีท่าทีจะยุติ มองไปทางไหนก็หาทางไม่เจอ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเรากำลังดีขึ้น การจ้างงานกำลังกลับมา แต่ตอนนี้กลับมาเจอแบบนี้ แล้วแบบนี้นักลงทุนที่ไหนจะกล้าเข้ามาลงทุนกัน สุดท้ายเขาก็คงจะหนีเราไปหมด
"ถ้าเปรียบเป็นการเล่นมวยปล้ำ ผมคิดว่าถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานมีหวังประเทศไทยหลังต้องติดพื้นนับครบสาม ม้วนเสื่อกลับบ้านได้ ไม่ต้องไปสู้กับใครอีกแล้ว ขณะนี้ได้แต่หวังว่าปัญหาทุกอย่างจะยุติลงโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นมีหวังประเทศไทยจะเกิดปัญหาใหญ่แน่นอน"
ผมเห็นด้วยกับ คุณอำพน วันนี้คนไทยส่วนใหญ่อาจไม่รู้สึกถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจมากนัก แต่ถ้าการเมืองยังเป็นอย่างนี้ต่อไป วิกฤติเศรษฐกิจจะตามมาแน่นอน คนไทยทุกคนจะเดือดร้อนกันหมด ทั้งคนจนเมืองและคนจนต่างจังหวัด
ผมอยากขยายความเรื่อง "นักลงทุนต่างชาติ" สักนิด คนทั่วไปอาจจะไม่ค่อยเข้าใจมากนัก นักลงทุนต่างชาติไม่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย หนีไปลงทุนที่ประเทศเพื่อนบ้าน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย
คำตอบก็คือ เกี่ยวข้องกับคนไทยทุกคนโดยตรง ทุกวันนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัว คนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็เพราะมีเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนสร้างโรงงาน เข้ามาผลิตสินค้าแล้วส่งออก เข้ามาค้าขาย ส่งผลให้เศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียน ทำให้เศรษฐกิจมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น มีการจ้างงานมากขึ้น ลำพังการลงทุนและการบริโภคจากคนไทยด้วยกันเอง ไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ขนาดนี้
ทุกประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านของเรา ต่างก็แข่งกันดึงนักลงทุนต่างประเทศ ประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน ถ้าการเมืองไทยยังเป็นอย่างนี้นักลงทุนก็ไม่เข้ามาลงทุน ถ้าสถานการณ์ไม่มีทีท่าว่าจะยุติ เขาก็ไปลงทุนประเทศอื่น เมื่อไปประเทศอื่นแล้ว โอกาสที่จะย้อนกลับมาลงทุนที่ไทยอีก ก็คงจะยาก ถึงเวลานั้นก็สายไปเสียแล้ว
ผมจึงหวังว่า ทุกฝ่ายที่บอกว่ารักชาติรักประเทศไทย ควร "แสดงความจริงใจ" ออกมาด้วยการเข้าสู่กระบวนการ "ปรองดอง" อย่างไม่มีเงื่อนไข และยุติการชุมนุมทันที เพื่อสลายบรรยากาศความขัดแย้ง ไม่ควรคิดเรื่องแพ้ชนะ แต่ทุกฝ่ายต้องถอย ทุกฝ่ายต้องยอมแพ้ เพื่อให้ประเทศไทยชนะ
ถ้าประเทศไทยแพ้ คนไทยก็แพ้ทุกคน หายนะข้างหน้าเป็นสิ่งที่มองเห็นได้
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า วันนี้จะได้ยินข่าวดี.
"ลม เปลี่ยนทิศ"