ที่มา ไทยรัฐ
สุเทพ
แค่มาแจ้งไว้ว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ไม่ได้ทำตามเงื่อนไขของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดินกำหนด
ตามบทที่ "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง แถลงที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภายหลังเข้ารับทราบคำร้องทุกข์กล่าวโทษของญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะที่แยกคอกวัว เมื่อคืนวันที่ 10 เมษายน
และโดยเชิง "ไอ้เสือ" ไม่ถอยทีเดียวหลายก้าว
"เทพเทือก" ย้ำเสียงกร้าว การเดินทางไปมอบตัวที่กองบังคับการกองปราบปรามตามเงื่อนไขของแกนนำเสื้อแดง จะไม่มีผล เพราะคดีทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ ต้องเดินทางมาที่นี่เท่านั้น
ยอมแค่มาแจ้ง แสดงความบริสุทธิ์ใจกับดีเอสไอ
ในอารมณ์ที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ขึ้นเวทีปราศรัยดักคอไว้ก่อนหน้า คนเสื้อแดงจะไม่ยอมรับฉากปาหี่ แค่นายสุเทพไปนั่งกินกาแฟกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะลูกน้อง "เทพเทือก" ในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
แหกตาคนเสื้อแดงไม่ได้
ไม่เข้าเงื่อนไขที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. ประกาศ นายสุเทพเดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจวันไหน คนเสื้อแดงก็พร้อมเดินทางกลับบ้านทันที
โดยแต้มสรุปว่า ปั่นเดิมพันมาจนขนาดนี้ ทิ้งไพ่หมอบง่ายๆมันเสียเชิง
ตามเกมขบเหลี่ยมเฉือนคม ต้องกั๊กกันจนหยาดสุดท้าย
แต่ที่แน่ๆเลย "เทพเทือก" คงนึกเจ็บใจตัวเอง ที่พลาด "เปิดคาง" ตัดสินใจลาออกจาก ส.ส.สุราษฎร์ธานี ประชดกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงมติฟันฐานถือหุ้นขัดรัฐธรรมนูญ
เหลือไว้แค่ตำแหน่งรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงรองก้นใหญ่ๆ "เทพเทือก" ไร้เอกสิทธิ์ผู้แทนฯคุ้มครอง ตามกฎหมายสามารถดำเนินคดีได้ทันทีถ้าโดนฟ้องคดีอาญา
คิวนี้เลยต้องตกเป็นตัวประกันของคนเสื้อแดง
เข้าเหลี่ยมยุทธการ "เกลือจิ้มเกลือ" วัดใจกันระหว่างขบวนการก่อการร้าย ล้มสถาบัน กับฆาตกรสั่งฆ่าประชาชน
โทษประหารด้วยกันทั้งสองฝ่าย
แน่นอน โดยผลทางคดีการสั่งสลายม็อบวันที่ 10 เมษายน คงต้องว่ากันอีกยาว
อย่างน้อยก็เงื่อนปมวุ่นๆในแง่กฎหมาย อย่างที่นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พูดถึงคิวที่คนเสื้อแดงฟ้องดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนายสุเทพ ในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ.ต่อดีเอสไอ ในกรณีสั่งปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เมื่อวันที่ 10 เมษายน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
ตามกฎหมายอำนาจในการดำเนินคดีกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเป็นของ ป.ป.ช. ตำรวจหรือ
ดีเอสไอไม่สามารถนำไปสอบสวนเองได้ จะต้องให้ ป.ป.ช.นำสำนวนมาดูก่อน หากเห็นว่าดีเอสไอมีอำนาจสอบสวนได้ดีกว่า ป.ป.ช.ถึงจะมีมติมอบให้ดีเอสไอสอบสวนต่อไป ไม่สามารถหยิบไปดำเนินการเองได้ แม้จะเสนอเป็นคดีพิเศษก็ตาม
ยังเถียงกันอยู่เลยว่า ใครจะเป็นเจ้าภาพ
ซึ่งนั่นไม่สำคัญเท่ากับ "ความเป็นกลาง" เพื่อให้ผลออกมาเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
วิญญาณของคนตายยังต้องวนเวียนรอไปก่อน
แต่โดยเกมชิงกระแสเฉพาะหน้า เป้าหมายของคนเสื้อแดงน่าจะอยู่ที่การกลับมาโหมตีปี๊บ ทวงถามความรับผิดชอบเหตุการณ์ "เมษาทมิฬ" จากที่พลาดท่าให้ฝ่ายคุมอำนาจรัฐปั่นสื่อกระแสหลัก เบนความสนใจไปที่ "ไอ้โม่ง" ชุดดำแฝงตัวก่อการร้าย
บล็อกจนฝ่ายเสื้อแดงไม่สามารถแห่ศพประจาน
ทั้งๆที่ว่ากันตามสถานการณ์ ยังไงก็ไม่มีทางปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ทั้งคิวของนายกฯอภิสิทธิ์ และรายของรองนายกฯสุเทพ ในฐานะผู้นำพลเรือนที่มีอำนาจสั่งการกองกำลังทหารติดอาวุธเข้าสลายการชุมนุม จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
ยากจะชิ่งหนีในสภาพเปื้อนเลือด
ตราบใดที่ยังไม่สามารถล่า "ไอ้โม่งชุดดำ" มาประกอบฉากก่อการร้าย ให้ศาลตัดสินตามกระบวนการกฎหมาย ประทับข้อกล่าวหาลอยๆที่โยนให้ฝ่ายนายใหญ่
29 ศพที่สูญสิ้นไป ก็ยังอยู่ในมือของ "อภิสิทธิ์-สุเทพ".
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
แค่มาแจ้งไว้ว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ไม่ได้ทำตามเงื่อนไขของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดินกำหนด
ตามบทที่ "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง แถลงที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภายหลังเข้ารับทราบคำร้องทุกข์กล่าวโทษของญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะที่แยกคอกวัว เมื่อคืนวันที่ 10 เมษายน
และโดยเชิง "ไอ้เสือ" ไม่ถอยทีเดียวหลายก้าว
"เทพเทือก" ย้ำเสียงกร้าว การเดินทางไปมอบตัวที่กองบังคับการกองปราบปรามตามเงื่อนไขของแกนนำเสื้อแดง จะไม่มีผล เพราะคดีทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ ต้องเดินทางมาที่นี่เท่านั้น
ยอมแค่มาแจ้ง แสดงความบริสุทธิ์ใจกับดีเอสไอ
ในอารมณ์ที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ขึ้นเวทีปราศรัยดักคอไว้ก่อนหน้า คนเสื้อแดงจะไม่ยอมรับฉากปาหี่ แค่นายสุเทพไปนั่งกินกาแฟกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะลูกน้อง "เทพเทือก" ในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
แหกตาคนเสื้อแดงไม่ได้
ไม่เข้าเงื่อนไขที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. ประกาศ นายสุเทพเดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจวันไหน คนเสื้อแดงก็พร้อมเดินทางกลับบ้านทันที
โดยแต้มสรุปว่า ปั่นเดิมพันมาจนขนาดนี้ ทิ้งไพ่หมอบง่ายๆมันเสียเชิง
ตามเกมขบเหลี่ยมเฉือนคม ต้องกั๊กกันจนหยาดสุดท้าย
แต่ที่แน่ๆเลย "เทพเทือก" คงนึกเจ็บใจตัวเอง ที่พลาด "เปิดคาง" ตัดสินใจลาออกจาก ส.ส.สุราษฎร์ธานี ประชดกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงมติฟันฐานถือหุ้นขัดรัฐธรรมนูญ
เหลือไว้แค่ตำแหน่งรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงรองก้นใหญ่ๆ "เทพเทือก" ไร้เอกสิทธิ์ผู้แทนฯคุ้มครอง ตามกฎหมายสามารถดำเนินคดีได้ทันทีถ้าโดนฟ้องคดีอาญา
คิวนี้เลยต้องตกเป็นตัวประกันของคนเสื้อแดง
เข้าเหลี่ยมยุทธการ "เกลือจิ้มเกลือ" วัดใจกันระหว่างขบวนการก่อการร้าย ล้มสถาบัน กับฆาตกรสั่งฆ่าประชาชน
โทษประหารด้วยกันทั้งสองฝ่าย
แน่นอน โดยผลทางคดีการสั่งสลายม็อบวันที่ 10 เมษายน คงต้องว่ากันอีกยาว
อย่างน้อยก็เงื่อนปมวุ่นๆในแง่กฎหมาย อย่างที่นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พูดถึงคิวที่คนเสื้อแดงฟ้องดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนายสุเทพ ในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ.ต่อดีเอสไอ ในกรณีสั่งปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เมื่อวันที่ 10 เมษายน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
ตามกฎหมายอำนาจในการดำเนินคดีกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเป็นของ ป.ป.ช. ตำรวจหรือ
ดีเอสไอไม่สามารถนำไปสอบสวนเองได้ จะต้องให้ ป.ป.ช.นำสำนวนมาดูก่อน หากเห็นว่าดีเอสไอมีอำนาจสอบสวนได้ดีกว่า ป.ป.ช.ถึงจะมีมติมอบให้ดีเอสไอสอบสวนต่อไป ไม่สามารถหยิบไปดำเนินการเองได้ แม้จะเสนอเป็นคดีพิเศษก็ตาม
ยังเถียงกันอยู่เลยว่า ใครจะเป็นเจ้าภาพ
ซึ่งนั่นไม่สำคัญเท่ากับ "ความเป็นกลาง" เพื่อให้ผลออกมาเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
วิญญาณของคนตายยังต้องวนเวียนรอไปก่อน
แต่โดยเกมชิงกระแสเฉพาะหน้า เป้าหมายของคนเสื้อแดงน่าจะอยู่ที่การกลับมาโหมตีปี๊บ ทวงถามความรับผิดชอบเหตุการณ์ "เมษาทมิฬ" จากที่พลาดท่าให้ฝ่ายคุมอำนาจรัฐปั่นสื่อกระแสหลัก เบนความสนใจไปที่ "ไอ้โม่ง" ชุดดำแฝงตัวก่อการร้าย
บล็อกจนฝ่ายเสื้อแดงไม่สามารถแห่ศพประจาน
ทั้งๆที่ว่ากันตามสถานการณ์ ยังไงก็ไม่มีทางปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ทั้งคิวของนายกฯอภิสิทธิ์ และรายของรองนายกฯสุเทพ ในฐานะผู้นำพลเรือนที่มีอำนาจสั่งการกองกำลังทหารติดอาวุธเข้าสลายการชุมนุม จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
ยากจะชิ่งหนีในสภาพเปื้อนเลือด
ตราบใดที่ยังไม่สามารถล่า "ไอ้โม่งชุดดำ" มาประกอบฉากก่อการร้าย ให้ศาลตัดสินตามกระบวนการกฎหมาย ประทับข้อกล่าวหาลอยๆที่โยนให้ฝ่ายนายใหญ่
29 ศพที่สูญสิ้นไป ก็ยังอยู่ในมือของ "อภิสิทธิ์-สุเทพ".
ทีมข่าวการเมือง รายงาน