WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, January 6, 2008

เปิดรอยยิ้มน้อยๆให้การเมืองไทย


คอลัมน์ คิดนอกกรอบเดินนอกเกม

โดย อภิวัติ


การเมืองขณะนี้กำลังเกิดช่องว่างอย่างใหญ่หลวง ทำให้ดูเสมือนว่า การจัดตั้งรัฐบาลทำท่าว่าจะเกิดขึ้นได้ยากเต็มที หรืออาจจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำไป

เหมือนอาหารน่าอร่อยที่เตรียมจะปรุง ทั้งที่เครื่องปรุงเครื่องเคียง หอมกระเทียม น้ำปลา ซอสพร้อมแล้ว แต่คนที่จะอนุญาตให้ปรุงได้หรือไม่ก็ออกมาขู่ว่า เครื่องปรุงบางอย่างมีพิษถึงเป็นถึงตาย จะต้องคัดออกบ้าง 2-3 ชิ้น

อีกไม่กี่วัน คนที่จะอนุญาตให้ปรุงอาหารได้ และเริ่มคัดเครื่องปรุงออกนั้นก็อ้างว่า พิจารณาดูแล้วก็น่าจะมีเครื่องปรุงอีกมากที่ออกจะเน่า และเน่ามากขึ้นเรื่อยๆ บางชิ้นถึงจะไม่เน่าก็เลยเหมารวมไปด้วย จนไม่น่าปรุงอาหารได้สำเร็จ

หรือปรุงออกมาก็ไม่น่ากิน หมิ่นเหม่ อาจกลายเป็นโจ๊กเละๆ จนโอกาสที่จะถูกล้มโต๊ะคว่ำจานชามก็สูงขึ้นตามไปด้วย

ขณะนี้สารอาหารที่จะประกอบขึ้นเป็นอาหารน้อยลงไปเรื่อยๆ อาหารจานเด็ดของ "ครัวชิมไปบ่นไป" จึงอาจเกิดขึ้นได้ยาก

ระหว่างนี้ ค่ายอาหารเมืองกรุงผสมอาหารใต้รสจัด กำลังหัวร่อร่าเคาะกระทะรออยู่อย่างใจเย็น จะรอก็แต่สัญญาณตีฆ้องกลองศึกอุ้มใส่เสลี่ยงทองคำมาเท่านั้นเอง

แต่เศรษฐกิจโลกคงไม่รอให้เมืองไทยตั้งรัฐบาล แต่ละอย่างที่รัฐบาลรักษาการไม่กล้าตัดสินใจ บัดนี้ทุกอย่างกำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าต่อไป ไม่ยอมหยุดยั้งรอใคร โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นทำสถิติโลกเมื่อวันสองวันนี้เอง

ความเดือดร้อน ทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสกำลังจะเกิดขึ้นกับคนไทยอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่เมืองไทยกลับดูเหมือนเกิดช่องว่างใหญ่หลวงในระหว่างการเกี่ยงหรือเตะสกัดตัดขากันเองเพื่อไม่ให้มีรัฐบาลใหม่กันอยู่อย่างเป็นระบบเป็นกระบวนการ

การเมืองไทยฟัดกันชนิดจมเขี้ยวจนลืมว่า โลกเขาไปถึงไหนกันแล้ว ปากก็พร่ำบ่นว่าจะต้องสามัคคีปรองดองกันดังพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่ก็ไม่มีใครทำจริง แค่พูดจัดฉากให้ตัวเองดูดี ดูอินเทรนด์กับพระราชดำรัสไปยังงั้นเอง ที่จริงก็คือ สามัคคีนั้นดีอยู่ แต่ตัวกูได้เป็นใหญ่หรือเปล่าเท่านั้นแหละ

ท่านโอโช นักปรัชญาผู้นำศาสตร์สมัยใหม่เข้ามาผสมผสานกับการฝึกสมาธิและเป็นนักคิด "นอกรีต" คนหนึ่งที่คนทั่วโลกรู้จักดี เคยกล่าวไว้ว่า นักการเมืองกับนักบวช นักคุณธรรม เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง

คือชอบที่จะแสวงหาประโยชน์จากอนาคต เพราะเขาจะเน้นว่า ปัจจุบันที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้นล้วนน่าเกลียด น่าสยดสยองและทุกข์ทรมานเหลือเกิน

คนสองสามประเภทนี้มักจะสร้างเป้าหมายไว้ให้ท่านหลงใหลได้ปลื้มกับอนาคตที่อ้างว่าจะดีขึ้นเหมือนโลกยุคพระศรีอาริย์ ท่านจะพ้นไปจากสังคมโลกเน่าๆ ใบนี้ โดยช่วยกันเสียสละและมองไปข้างหน้าเท่านั้น

นักการเมืองและผู้ทรงคุณธรรมทั้งหลายมีชีวิตที่คล้ายกันมาก พวกเขาเหมือนหุ้นส่วนในธุรกิจเดียวกันไม่มีผิด

มันเป็นธุรกิจที่ไม่ยอมให้คนอยู่กับปัจจุบันที่นี่-เดี๋ยวนี้ เพราะในทันทีที่คนอยู่ที่นี่-เดี๋ยวนี้เหมือนดังเช่นความเป็นเต๋าหรือเซ็น เขาก็จะมีความสุข กระทั่งไม่ยอมหลงใหลได้ปลื้มไปกับนักการเมือง หรือผู้ทรงศีลทรงคุณธรรม (แบบจัดฉาก) คนใดเลย

นักการเมืองและผู้ทรงคุณธรรม ชอบเรียกร้องให้ผู้คนเสียสละ โดยอ้างว่าเขาเสียสละยิ่งกว่าใคร ฉะนั้น ผู้คนจึงควรเสียสละและอดทนเพื่อพวกเขาที่กำลังครองอำนาจและบริหารประเทศ จะได้ดำเนินงานตามฝันที่วาดเอาไว้

พวกเขาพยายามบอกว่า จงมองไปข้างหน้า จงมีชีวิตเพื่ออนาคตและยอมเสียสละปัจจุบัน

แต่ทั้งหมดนี้ก็คือ การหลอกลวงที่ยิ่งใหญ่

เพราะที่จริง เราควรมีชีวิตอยู่เพื่อปัจจุบัน ด้วยวิถีแห่งธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเอง และมีความสุขกับตัวเองในขณะปัจจุบันให้ได้เสียก่อนไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะใด

จงอย่าตกเป็นทาสหรืองมงายอยู่กับอุดมการณ์ของใครทั้งสิ้น แต่ถ้าพวกเขาทำได้อย่างที่บอก ก็จงยอมรับมัน แต่จงกลับมาเป็นตัวของตัวเอง ยิ้มกับตัวเองด้วยหัวใจที่เบิกบาน

เพราะการเท็คไซค์ฝังหัวงมงายอยู่กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือความเชื่ออย่างใดอย่างหนึ่ง เท่ากับถูกปิดหูปิดตา ไม่อาจพบสัจธรรม

อย่างไรก็ตาม แม้สังคมการเมืองในช่วงเริ่มต้นปีใหม่ 2551 นี้จะดูประหนึ่งว่า เลวร้ายลง เราคงไม่ลำบากใช่ไหมที่จะเปิดรอยยิ้มน้อยๆ เป็นการต้อนรับมัน