วันนี้แม้ความฝันการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันแรกที่ถอดยูนิฟอร์มสีกากี เพื่อเดินบนถนนการเมืองของ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง จะเป็นจริง แต่อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เจ้าของรหัสเรียกขาน มท.1 ในปัจจุบัน ต่างกันมากกับเมื่อครั้งที่สิงห์เหลิมฝันไว้
ในอดีตเมื่อครั้งที่ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง ยังรับราชการตำรวจ เป็นสารวัตรแผนก 4 กองกำกับ 2 กองปราบปรามนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กำกับดูแลกรมตำรวจ กรมอัยการ ทำให้นักการเมืองทุกคนฝันที่จะนั่งเก้าอี้ตัวนี้ เพราะมีอำนาจคับแข้งคับขา ให้คุณให้โทษกับข้าราชการได้เต็มที่
วันนี้กรมอัยการ สลัดออกจากกระทรวงมหาดไทย เป็นสำนักงานอัยการสูงสุด ในสมัยที่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช. ยึดอำนาจการปกครองประเทศจากรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี ต่อมาเป็นองค์กรอื่นๆ ตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน ไม่ต้องขึ้นกับนายกรัฐมนตรี
ต่อมากรมตำรวจก็เดินตามกรมอัยการ เป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในสมัยที่ นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 2 ขึ้นกับนายกรัฐมนตรี
แต่ในการที่กรมตำรวจสลัดพ้นจากกระทรวงมหาดไทย เป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายชวนกลับมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กำกับดูแลแทน
ด้วยเหตุนี้กระมัง หลายคนยังคงคิดว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังคงขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย
จนกระทั่ง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีคนต่อๆ มาก็กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยตนเอง ตามเจตนารมณ์ที่ขยับกรมตำรวจเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เมื่อไม่มีกรมอัยการและกรมตำรวจให้กำกับดูแล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยวันนี้ จึงต่างจากวันที่สิงห์เหลิมตั้งความหวังไว้มาก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยวันนี้ จึงมีหน้าที่มากกว่าอำนาจ หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยทำหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุข
ถ้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ใช้อำนาจมากกว่าทำหน้าที่ ก็จะถูกฝ่ายค้านกล่าวหาว่าเหิมเกริม มัวเมาในอำนาจ และทำให้ประชาชนเชื่อ
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ผลการสำรวจประชาชนของกรุงเทพโพล มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง จึงได้รับเกียรติให้เป็นรัฐมนตรีที่ไม่มีผลงานอันดับหนึ่ง ทั้งๆ ที่มีผลงานสามารถไล่บี้ให้กรมที่ดินติดตามที่ดินของรัฐกลับคืนมา แม้ยังไม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ต้องรอขั้นตอนในชั้นศาล แต่ถ้าว่าสำเร็จไปแล้วในระดับหนึ่ง แต่ผลงานที่เห็นชัดที่สุดในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา กลับถูกมองว่าเป็นการรังแกและชำระแค้นกันในทางการเมือง
จริงๆ แล้ว สถานการณ์ปัจจุบันนี้ หลายต่อหลายเรื่องที่ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง สามารถทำคะแนนแซงหน้า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจับงานหมูกับงานข้าว ก็มาอันดับหนึ่ง
เช่น ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง บอกว่ารู้ข้อมูลดี ถึงแม้ยอมรับว่าไม่สามารถจะแก้ได้ตามลำพัง จะต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย
แต่จนถึงวันนี้ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม ยังไม่ได้แสดงอะไรที่จะขอความร่วมมือกับทุกหน่วยงาน อ้างเพียงว่าปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ กองทัพเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบ ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางลงไปในพื้นที่ภาคใต้แค่ครั้งเดียว และลงไปแค่ จ.สงขลา เท่านั้น
แต่วันวาน ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง ไปนั่งสอบถามขี้ยาและขี้คุกที่ชื่อ นายจิตติโชตน์ โชคชัย ผู้ต้องหายิง พ.ต.ท.ภูษิต วิเศษคามินทร์ รอง ผกก.จร.สน.พญาไท ได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกจับได้พร้อมยาบ้า 5 เม็ด
จริงอยู่วันนี้ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง ได้รับมอบหมายจาก นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามยาเสพติด แต่แค่ผู้ต้องหามียาบ้า 5 เม็ด ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามยาเสพติด ต้องลงไปสอบปากคำเองเลยหรือ ในขณะที่วันเดียวกันนั้น คนร้ายได้ลอบวางระเบิดในพื้นที่ จ.ปัตตานี และนราธิวาส หลายสิบจุด ซึ่งเป็นงานหลักของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ควรจะให้ความสนใจ แต่กลับมาสนใจงานรอง
ผมเสียดายครับ ถ้าสิงห์เหลิมให้ความสนใจ ใส่ใจงานหลักมากกว่างานรอง ผลการสำรวจครั้งหน้า รับรองว่าผลงานจะต้องแซงหน้ารัฐมนตรีทุกคน
เอกฉัตร