“ณัฐวุฒิ” ย้ำจุดยืน ปชช.หนุนแก้ รธน. 50 ซัด คมช. โจรปล้น รธน. ด้วยกระบอกปืน จวก พันธมิตร ไม่เลิกอ้างไม้ค้ำประชามติ 14 ล้านเสียง ระบุ ม. 291 ให้อำนาจตามกระบวนการรัฐสภา แจงรัฐบาล 3 เดือนผลงานอื้อ ยันไม่เคยลืมสัญญา ดักคอกลุ่มค้านอย่าจุดชนวนปฏิวัติ ประกาศกลางเวทีเป็นศัตรูกับพวกเผด็จการตลอดไป
วันนี้ (9 พ.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งบนเวทีสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “แก้ ไม่แก้ รัฐธรรมนูญ คนไทยได้อะไร” ที่ห้องประชุม ดร.เกริก ชั้น 1 วิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก ว่า เชื่อว่าในตอนนี้พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่คงจะเห็นด้วยกับการเรียกร้องให้มีการแก้ไข รธน.50 ในส่วนของประเด็นที่ว่าแก้ รธน.แล้วประชาชนจะได้อะไรนั้นคงจะวัดออกมาเป็นรูปธรรมหรือเป็นตัวเลขไม่ได้ แต่ต้องมาศึกษา รธน.ในแต่ละฉบับว่าให้ประโยชน์อะไรแก่พี่น้องประชาชนและประเทศบ้าง ส่วนตัว ขอสนับสนุนให้มีแก้ รธน.50 ในทันที ตามมาตรา 291 ของ รธน.ฉบับนี้ ที่ระบุไว้ชัดเจน รัฐสภามีบทบาทหน้าที่ในการแก้ รธน. ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการ ส่วนตัวรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เข้าไปทำหน้าที่ตรงนั้น แต่ก็หวังว่าจะเกิดการแก้ รธน.ตามที่ได้ให้สัญญาไว้ในการรณรงค์หาเสียงอย่างแน่นอน
นายณัฐวุฒิ ยังชี้ถึงสาเหตุที่ต้องแก้รธน. ว่า รธน.ฉบับนี้มีที่มาจากเผด็จการ เป็นการใช้อำนาจและอาวุธมาฉีก รธน.40 ทิ้ง แล้วตั้งกลุ่มขึ้นมาร่าง รธน.50 อย่างไรก็ดีที่เคยมีคนตั้งคำถามกับตนว่า ในเมื่อเคยออกมาเคลื่อนไหวในการไม่ยอมรับ รธน.50 แล้วเข้ามาสู่กระบวนการการเลือกตั้งของรธน.ฉบับนี้ทำไม นั่นก็เพื่อต้องการอำนาจในการแก้ไข รธน.ที่ถูกต้องตามกฏหมายที่ได้ระบุไว้ ไม่ใช่มาใช้อำนาจใช้กำลังจากกระบอกปืนอย่างที่ผ่านมา
ส่วนที่อ้างถึงประชามติรับร่าง รธน.ฉบับนี้ 14 ล้านเสียงนั้น ตรงนี้ยังคงเป็นไม้ค้ำ และเป็นความชอบธรรมอย่างเดียวของ รธน.ฉบับที่กล่าวอ้าง แต่ในเมื่อที่มาและวิธีการดำเนินการไม่ถูกต้องอย่างเช่นการสรรหาและการเลือกตั้ง ส.ว. (สมาชิกวุฒิสภา) มีที่ไหนที่คนเรือนแสนเลือก ส.ว.- ส.ส. ได้คนเดียว อีกทั้งในหลายมาตราหลายประเด็นทำให้ประชาชนไม่อาจตัดสินความเป็นมาเป็นไปของบ้านเมืองเองได้ เราจึงต้องแก้ รธน. เพื่อประชาชนจะได้มีสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาพตามที่เราได้เรียกร้องมาโดยตลอด
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวตอบถึงเสียงวิพากษ์วิจารย์เกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาล ที่ให้ความสนใจกับการแก้ รธน.มากกว่าการแก้ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนนั้น ว่า รัฐบาลเพิ่งทำงานแค่ 3 เดือน ตอนนี้ก็เริ่มเห็นผลงานบ้างแล้ว แต่ก็ต้องเข้าใจว่าบางนโยบายก็ต้องใช้เวลา แต่รัฐบาลไม่เคยลืมสิ่งที่ได้ให้สัญญากับพี่น้องประชาชนไว้ โดยเฉพาะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่ต้องปรับแผนงบประมาณที่ใช้มาแล้ว 5 เดือนของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา รวมถึงต้องปรับฟื้นในหลายๆ นโยบายของรัฐบาลขิงแก่ที่ได้ทำไว้ และภายในเดือนพฤษภาคมนี้ รัฐบาลจะเปิดแถลงผลงานที่ผ่านมาภายในไตรมาสแรกให้ได้ทราบกัน และขอย้ำให้ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า ปัญหาเรื่องปากท้อง ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจหรือการพัฒนาประเทศเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ส่วนเรื่องการแก้ไข รธน.นั้นเป็นหน้าที่ของรัฐสภา
“หยุดกล่าวหาเสียที่ว่า แก้ รธน.เพื่อต้องการไม่ให้บางพรรคต้องถูกยุบ เพราะว่าพรรคการเมืองจะถูกยุบหรือไม่นั้น เปรียเหมือนกับ จิต ที่ไม่เกี่ยวกับ จิตวิญญาณหรือว่าอายุขัยของพรรค ผมอยากให้ดูที่ผลงานที่ผ่านมามากกว่าว่าให้อะไรกับประเทศบ้าง เพราะถึงจะโดนยุบอีกกี่ครั้ง ก็จะยังอยู่ในหัวใจของประชาชน และเลิกกล่าวหาเสียที่ว่าต้องการแก้เพื่อคนๆ เดียว คือ อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่การฉีก รธน. และการร่าง รธน.เพื่อคนๆ เดียวได้เกิดขึ้นแล้ว” นายณัฐวุฒิ กล่าว
พร้อมระบุถึงมาตรา 237 ขัดต่อบัญญัติของกฎหมายชัดเจน และจะยินยอมให้มีบทบัญญัตินี้ต่อไปไม่ได้ พร้อมทั้งข้อสังเกตที่ว่า เมื่อโจรกระทำความผิดแล้วจะมาแก้กฎหมายเพื่อไม่ให้ผิดนั้น ไม่จริง ในเมื่อโจรก็เป็นโจร จะเข้ามานั่งแก้กฎหมายไม่ได้ นอกเสียจากโจรที่ใช้คมหอกกระบอกปืนเข้าไปฉีกกฎหมายได้
“ผมอยากจะฝากไว้ว่า ตอนนี้บ้านเมืองกำลังมีปัญญา ทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากัน คิดแตกต่างภายใต้เจตนาที่บริสุทธิ์ เพื่อยุติข้อโต้แย้ง ไม่ให้เกิดความแตกแยก กระทำตามกระบวนการที่อยู่ภายใต้ประชาธิปไตย และขอให้ทุกคนใช้สติ ผมประเมินว่าวิจารณญาณของคนทั้งประเทศอยู่ในระดับสูง ข่าวลือเรื่องปฏิวัติลืมไปได้เลย เพราะว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก แต่ขอให้จำไว้ ถ้าเมื่อไรที่เกิดการรัฐประหารขึ้นอีก จำชื่อ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไว้เลยว่าจะอยู่ต้องข้ามและเป็นศัตรูกับพวกที่คิดทำรัฐประหารตลอดไป”