WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, May 4, 2008

เริ่มกร่าง

การเมืองถ้าไม่สอดรับกับเศรษฐกิจ วิกฤติมันก็จะเริ่มถามหา รัฐบาลต้องฉวยโอกาสสร้าง "ครัวโลก" ให้อยู่ในมือให้ได้กลเกมการเมืองต้องผ่อนเกียร์ เดินหน้าอย่างเดียวมีแต่ดับ

ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ ต้องยอมรับว่าปัญหาเศรษฐกิจ-ปัญหาการเมืองดูจะไม่ ต่างกัน แถมยังไม่สอดรับซึ่งกันและกัน

มันก็เลยยังไม่มีอะไรดีให้เห็น...ที่เห็นเลยเป็นสิ่งไม่ดี

การเมืองนั้นมีส่วนสำคัญที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจหรือจะทำให้ถดถอยได้ หากการเมืองดี รัฐบาลมีเสถียรภาพ ย่อมนำมาซึ่งความเชื่อมั่น ความมั่นใจก็จะตามมา

เศรษฐกิจเมืองไทยเรื่องง่ายๆมีเพียงแค่นี้ เพราะโดยพื้นฐานแล้วยังมีความแข็งแกร่ง อยู่ที่กระบวนการขับเคลื่อนเท่านั้น

วันนี้สถานการณ์มีทั้งเป็นใจและข่มขืนใจ ที่ข่มขืนใจก็เรื่องน้ำมัน ซึ่งไทยไม่มีบ่อน้ำมัน ต้องนำเข้ามาตลอด

ประเด็นสำคัญก็คือ ไม่เคยมองปัญหาหรือคิดถึงปัญหานี้อย่าง “ซีเรียส” มาก่อน แก้ กันไปวันต่อวัน พอน้ำมันแพงก็บอกว่าประหยัด ลดภาษีเข้ากองทุน

มีแค่นี้จริงๆ

ถึงตอนนี้ใครไม่เชื่อว่าน้ำมันจะราคา 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก็เตรียมตัวเตรียมใจได้เลย และอย่าได้คิดหวังว่าราคาจะถูกเหมือนแต่ก่อน มีขึ้นมีลง

ขอโทษที...มีแต่ขึ้นเท่านั้น เพราะน้ำมันนอกจากจะเป็นพลังงานโลกที่สำคัญแล้ว ยังเป็นสินค้ายุทธปัจจัยที่ใช้สู้กันทางการเมืองระดับโลก

ที่สำคัญเป็น “สินค้า” อีกไม่กี่ตัวที่มีการปั่นราคาเพื่อฟาดกำไร

เหนืออื่นใด ในสถานการณ์โลกที่เป็นใจให้ไทย นั่นคือภาวะการขาดแคลนอาหาร ทำให้ ราคาแพง และกำลังจะเป็นหัวข้อสำคัญ 1 ในปัญหาของโลกปัจจุบัน

“ไทย” ผลิตข้าวและส่งออกอันดับ 1 ของโลก ยังไม่รวมถึงสินค้าเกษตรกรรมที่หลากหลาย ทั้งผัก ผลไม้นานาชนิด

และยังมีเนื้อสัตว์อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเป็ด ไก่ กุ้ง ที่ส่งออกระดับต้นๆ

รวมความแล้วเมืองไทยก็คือ “ครัวโลก” ดีๆนี่เอง

มีตัวเลขที่น่าสนใจระบุว่า ปี 2525 คนไทยอยู่ในภาคเกษตรร้อยละ 66.4 แต่จากนั้นปรากฏว่าไหลไปสู่ภาคอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรม บริการ หรืองานในเมือง

ปี 2550 อยู่ในภาคเกษตรกรเพียงแค่ 41.7% นี่คือตัวเลขที่น่าห่วงและไม่สอดรับกับความ ต้องการของโลก

ที่ผ่านมา เกษตรกรโดยเฉพาะชาวนา ชาวนาถือเป็นอาชีพต่ำต้อย รายได้ไม่ดีพอ อยู่ กันไปแบบตามมีตามเกิด รัฐบาลก็ช่วยได้อย่าง เดียวคือพยุงราคา รับจำนำ

เกษตรกรก็ต้องหนีเข้าเมือง หาสิ่งที่เชื่อว่าจะทำให้ชีวิตดีขึ้น

ยังไม่สาย และน่าจะพูดว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้ไทยยืดอกขึ้นมาได้ หากรัฐบาลเร่งฉวยโอกาสทองว่ากันถึงเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรม ซึ่งก็ไม่ยากเพราะมันคืออาชีพดั้งเดิม

สร้าง “ฮับ” เกษตรกรรมเพื่อครัวโลกให้ระบือลือลั่นไปเลย

อย่างไรก็ดี การจะเดินหน้าในเรื่องนี้มันก็ต้องอยู่ที่การเมืองด้วย หากรัฐบาลไม่หยุดเปิดเกมการเมืองฟาดฟัน จะไปเอาอะไรมาสร้างความมั่นใจได้

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเวลานี้คงพอจะมองเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น รัฐบาล-พลังประชาชนที่เคยเดินหน้าฆ่ามัน เพราะถือว่ามีเสียงข้างมาก มีอำนาจอยู่ในมือ

ล่าสุดดูเหมือนจะเริ่ม “ถอย” บ้างแล้ว แม้แต่นายกฯยังต้องปรับกระบวนท่า

เพราะอะไร...

สิ่งที่เล่นกันมา ละเลงกันมาตลอดนั้น ความจริงมันกำลังจะเริ่มสำแดง โดยเฉพาะเรื่องสถาบัน เรื่องของประเทศชาติ

ปล่อยกันเลอะ เล่นกันจนเละ คิดว่าวิธีนี้จะเอาชนะได้

อย่าง “จักรภพ เพ็ญแข” ทุกวันนี้รู้สึกจะกร่างเกินพิกัด แต่ละถ้อยแต่ละคำที่จีบปากจีบคอพูด และเกี่ยวโยงเรื่องนี้ตลอด

คำก็ประชาธิปไตย คำก็อำมาตยาธิปไตย คำก็มือที่มองไม่เห็น คำก็สถาบัน คำก็หัวหงอก

แต่ที่กำอยู่ใน “มือ” นั้น มันคืออะไร (จ๊ะ)!!!

"ลิขิต จงสกุล"