หลังจากที่มีการร้องเรียนกรณี นายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ที่ จ.อุบลราชธานี แจกคูปองชมภาพยนตร์สลับปราศรัยหาเสียง ที่พฤติกรรมชวนให้เชื่อว่าน่าจะได้ใบแดง และอาจนำไปสู่การยุบพรรคประชาธิปัตย์ ได้ หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ใช้มาตรฐานการพิจารณาเดียวกันกับพรรคการเมืองอื่นๆ
แต่ก็กลับมีการเลื่อนเวลาและยืดเยื้อกันมานับครั้งไม่ถ้วน จนเป็นข้อกังวลสงสัยไปทั่ว กระทั่งได้มีการสอบพยานเพิ่มเติมอีกหลายปาก นั้น
เมื่อวันที่ 28 กันยายน นายสุธน แสงสายัณห์ ประธานอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนสำนวนร้องคัดค้านการเลือกตั้ง กรณีนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกร้องว่า แจกคูปองชมภาพยนตร์และสลับปราศรัยหาเสียงในโรงภาพยนตร์ จ.อุบลราชธานี เปิดเผยว่า หลังจากที่ กกต. มีมติให้อนุกรรมการฯ สอบพยานเพิ่มอีก 7 ปาก ตามที่ นายสมบัติ รัตโน อดีตผู้สมัครพรรคพลังประชาชน ได้ยื่นหนังสือร้องขอเข้ามา ตอนนี้ได้ดำเนินการตามขั้นตอน โดยได้เรียกพยานทั้ง 7 ปากให้มาสอบตามวันที่พยานสะดวก แต่ปรากฏว่า มีพยานได้ให้การตามนัดเพียง 3 คน
อย่างไรก็ตามพยานอีก 4 คนไม่ได้มาตามที่นัด ซึ่งทางคณะอนุกรรมการฯ เห็นว่า เมื่อเปิดโอกาสให้มาชี้แจงแล้วแต่ไม่มา ก็จะส่งพยานเท่าที่มี 3 คนไปให้กับทาง กกต. ประกอบการพิจารณาต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร
ประธานอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนสำนวนฯ ระบุด้วยว่า สำหรับพยานอีกคนที่ไม่มาให้การตามนัดนั้น คงไม่จำเป็นต้องรอ เพราะสอบไปก็คงไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลสอบพยานเพิ่มเติมไปให้ กกต. ได้ในวันที่ 29 กันยายน
รายงานข่าวระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีอนุกรรมการสอบสวนคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งของนายวิฑูรย์ ลาออกไป 2 คน ซึ่งทาง กกต. ได้แต่งตั้งขึ้นใหม่ โดยทั้ง 2 คน เป็นบุคคลภายนอก ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของ กกต. และทั้ง 2 คน ให้เหตุผลว่ามีภารกิจมาก ไม่สามารถร่วมพิจารณาในสำนวนดังกล่าวได้
แหล่งข่าวระบุว่าได้มีการกดดันและแทรกแซงอนุกรรมการสอบสวนทั้ง 2 คนอย่างหนัก ในการพิจารณาสำนวนดังกล่าวเพื่อให้ผลการสอบสวนเป็นไปตามกรอบที่วางไว้ อย่างไรก็ตามด้วยพยานหลักฐานที่ชัดเจนรวมทั้งถ้าใช้มาตรฐานเดียวกันกับพรรคการเมืองอื่นๆ กกต.จะต้องสรุปสำนวนเพื่อยุบพรรคประชาธิปัตย์ แต่ด้วยการแทรกแซงของอำนาจมืดดังกล่าวจึงทำให้อนุกรรมการอึดอัดถึงกับต้องลาออกไป 2 คน