ไหนๆ มีการพูดกันมามากในแวดวงข่าวสารเวลานี้ โดยเฉพาะ “ตบแผะป่วนชาติ” สร้างความเด่นดังให้กับพรรคพวกพันธมารธิปไตย คนพวกนี้โดนปั่นหัวหมุน เที่ยวตามราวี ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไปไม่หยุดหย่อน จนกำลังจะกลายเป็นเรื่อง...ฮอตฮิต...ไปเสียแล้ว
พฤติกรรมตามราวี ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เกิดขึ้นที่ภาคใต้ ใน จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นครศรีธรรมราช ไล่ลามมาถึงที่กรุงเทพมหานคร เมืองฟ้าอมรของคนไทยทุกคน ล่าสุดเมื่อวานนี้ เรื่องราวเกิดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถ้อยความไม่เหมือนกัน ไปภาคใต้ ไปห้างดัง จะถูกกล่าวหาว่า “นายกฯ ขายชาติ”
แต่ถ้าไปธรรมศาสตร์ จะถูกกล่าวหาว่า “เอาศักดิ์ศรีธรรมศาสตร์คืนมา”
แยกแยะชุดความคิดนี้ไม่ออกจริงๆ เพราะหากจะนำเฉพาะเรื่องการ “ขายชาติ” ที่ไปกล่าวหาท่านนายกฯ ที่เพิ่งเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ยังไม่ทันได้เซ็นอะไร ยังไม่ทันได้อนุมัติอะไรเลย มันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่สำคัญ “ชาติไทย” และ “แผ่นดินไทย” ใครจะเอาไปค้าไปขายได้อย่างไร มองไม่ออกจริงๆ เป็นข้อกล่าวหาที่เกินเลยไปไหม? แปลกประหลาดจริงๆ
ส่วนที่มีการกล่าวหาท่านนายกฯ สมชาย “เอาศักดิ์ศรีธรรมศาสตร์คืนมา” ดูไปดูมายังงง...งง และงง กับคำพูดคำจาที่น่าสมเพชในประโยคนี้ เพราะหากจะเรียกร้องเอาศักดิ์ศรีธรรมศาสตร์คืนมานั้น มันควรจะไปเรียกร้องที่ไหน กับใคร มันผิดที่ผิดเวลาหรือไม่
ศักดิ์ศรีของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีโดมเป็นรูปสัญลักษณ์ ต่อสู้ ต่อต้านกับเผด็จการมาทุกยุคทุกสมัย จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงการปกครองให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย โดยรากฐานที่ว่า เป็นประชาธิปไตยของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน เกิดขึ้นที่นี่!!! ทุกยุคทุกสมัย
ธรรมศาสตร์ คือ สถานที่สำหรับต่อต้านเผด็จการ
ธรรมศาสตร์ คือ สถานที่ต่อต้านอำมาตยาธิปไตย
ธรรมศาสตร์ คือ หลักชัยของฝ่ายประชาธิปไตย
แต่...วันนี้...คนส่วนหนึ่งซึ่งอยู่ในฝ่ายประชาธิปไตย กลับมีมุมมอง “ธรรมศาสตร์ เปลี๊ยนไป๋”
นี่เรากำลังพูดถึง “จิตวิญญาณ” ความเปลี๊ยนไป๋ของธรรมศาสตร์ เพิ่งจะมีเพียงไม่กี่ปี หลังเหตุการณ์เดือนตุลาคม และพฤษภาทมิฬ ระยะไม่กี่ปีให้หลังมานี้เองที่ ธรรมศาสตร์ เดินไปอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่เคยเชื่อกันว่า คนรุ่นก่อนของ ธรรมศาสตร์ ได้เคยปฏิบัติยึดถือมา รุ่นต่อรุ่น คณาจารย์ต่อคณาจารย์ ลูกศิษย์ต่อลูกศิษย์
อันนี้มิใช่หรือ ที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวข้องกับคำที่เรียกว่า “ศักดิ์ศรี”
อันนี้มิใช่หรือ ที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวข้องกับคำที่เรียกว่า “ธรรมศาสตร์”
มหาวิทยาลัยที่เรียกชื่อติดปากในสมัยก่อนอย่างน่าชื่นชม “มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง”
เพราะมหาวิทยาลัยแห่งนี้มี บุคลากร 2 ท่าน ที่เป็นศักดิ์ศรี เกียรติยศ เกียรติศักดิ์
อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์
อ.ปรีดี พนมยงค์
ที่ใครๆ หลายคนในประชาคม ธรรมศาสตร์ ยังไม่รู้ ไม่เข้าใจในกระบวนการต่อสู้อันเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณูปการต่อประเทศไทย ที่บุคลากรและชาวธรรมศาสตร์ได้สร้างเอาไว้เป็นแบบอย่างใน เกียรติภูมิ เกียรติศักดิ์ ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ จนทำให้ใครๆ หลายคนซึ่งเป็นคนนอก “อิจฉา” ในความภูมิใจอันนี้
วันนี้ ชาวธรรมศาสตร์ บางคน ไปสมคบกับ โจรกบฏปล้นประชาธิปไตย ทำตัวซุกอยู่หลังรูปปูนปั้นของ 2 บุคลากรอันโด่งดังคับฟ้า สลายเกลียวเชือกที่หลอมรวมของขบวนการต่อสู้ทางประชาธิปไตย ไปก้มหัวให้ “อำมาตยาธิปไตย”
ชาวธรรมศาสตร์ ตอบได้ไหม ในคำสั่งเสียครั้งสุดท้ายของการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ ท่านผู้หญิงพูนศรี พนมยงค์ ไม่กี่ข้อนั้น กินความหมายลึกซึ้งอะไร? อย่างไร? ที่จะนับเนื่องให้เป็นแนวทางเกียรติยศ เกียรติภูมิ และศักดิ์ศรีของชาวธรรมศาสตร์ จะนำมาเป็นตัวอย่างได้บ้าง ขนาดคนที่ไม่เกี่ยวข้องอ่านแล้วยังต้องน้ำตาซึม
มีคนฝากถาม! ฝากเตือน! ชาวธรรมศาสตร์บางคน บางพวก บางฝ่าย ที่ไปเข้าข้างเผด็จการทหาร และอำมาตยาธิปไตย เมื่อไรจะหยุดพฤติกรรมอยากได้ใคร่ดี ทำลายขบวนการนักศึกษาผู้รักประชาธิปไตย หนีไปแอบซุกใต้ปีก ใต้ร่มเงาของ “อำมาตยาธิปไตย” เพราะสิ่งนี้ต่างหากที่...ไม่ใช่ศักดิ์ศรีของชาวธรรมศาสตร์อย่างแน่นอน? ใช่...ไม่ใช่...