คอลัมน์ : cover story
นพ.เหวง โตจิราการ ที่ปรึกษาสมาพันธ์ประชาธิปไตย เผย 2 ปีรัฐประหาร ผลผลิตของคณะเผด็จการทหารซึ่งมีอำมาตยาธิปไตยหนุนหลัง ได้ผลิช่อออกดอกแบ่งบาน จนฝ่ายประชาธิปไตยต้องเพลี่ยงพล้ำ โดยเฉพาะการรุกคืบ “การเมืองใหม่” ที่เปรียบเสมือน “ประชาธิปไตยของนายทาส” ย้ำทางแก้ปัญหามีทางเดียวคือ “แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550” รัฐบาลใหม่อย่าทำลาย!!! “นิติรัฐ”
ถ้าเราเปรียบเทียบจากการรัฐประหาร เราจะทราบว่ามันถอยหลังไปมากๆ เราต้องตั้งต้นจากการรัฐประหารก่อน ซึ่งการรัฐประหารในครั้งนี้มันทำให้เราเห็นข้อเท็จจริงมากมาย ก่อนมีการรัฐประหารมีการสร้างเงื่อนไขให้สุกงอม เพื่อนำไปสู่การเคลื่อนกองทัพ โค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลายคนในกลุ่มนั้นมีชนชั้นสูง กลุ่มทุนบางกลุ่ม รวมตัวกันสร้างเงื่อนไขทางการเมือง สมาพันธ์ประชาธิปไตยของเราตั้งแต่แรกบอกชัดว่าการรัฐประหารครั้งนี้มีความมุ่งหวังสร้างระบอบอำมาตยาธิปไตย แทนที่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งตอนนี้ระบอบอำมาตยาธิปไตยมีความแข็งแกร่งอย่างมหาศาลภายในเปลือกของประชาธิปไตย
การเมืองใหม่ ผมขอเรียกว่า การเมืองระบบเจ้าทาส ที่เหมือนในสมัยกรีก ที่เป็นยุคทาส จะไม่มีสิทธิความเป็นคน คือ ให้ทาสไปสู้กับสิงโต ถ้าแพ้ก็จบกัน ทาสไม่มีสิทธิในชีวิตของตนเอง ไม่ต้องพูดถึงสิทธิทางการเมืองเลย เสรีชนคือผู้มีสิทธิทางการเมือง คุณต้องมีม้า มีรายได้ มีภาษีอากรเท่านั้นเท่านี้จึงจะมีสิทธิในการหย่อนบัตร จำกัดเฉพาะโภคทรัพย์เยอะๆ เหนือกว่านั้นคือคนที่มีโอกาสบริหารบ้านเมืองต้องเป็นชนชั้นเจ้าทาส แวดวงอภิสิทธิ์ชน เช่น สมัยกรีกมีสำนักชิต หากสำนักไหนเป็นที่ยอมรับของประชาชน ถึงจะสามารถมาบริหารบ้านเมืองได้ นี่เข้ากันเป๊ะเลยครับ การเมืองใหม่ ถอยหลังไปกว่าพันปี ไม่ควรใช้คำว่าการเมืองใหม่ น่าจะใช้ว่าคำว่า การเมืองสมัยเจ้าทาส
แล้ววันนี้กลุ่มพันธมิตรฯ เสนอประชาธิปไตยของนายทาส ประชาชนทั่วประเทศคือคนทาสที่โง่เง่าเต่าตุ่น เสนอให้เพียงอภิสิทธิ์ชนในบางประเภทเท่านั้น นี่เข้ากับ 70 : 30 ดูราวจะมีความเป็นประชาธิปไตย แต่นี้เป็นประชาธิปไตยแบบนายทาส มาสู้ประเด็นจริงๆ คือการรัฐประหารต้องการทำลายประชาธิปไตย
โดยสร้างอำมาตยาธิปไตย ในหลักปฏิบัติยุคของเผด็จการรัฐประหาร เป็นยุคของเผด็จการทรราช และในปัจจุบันเป็นยุคของประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นผู้ที่มีจิตวิญญาณรับใช้เผด็จการโดยจิตสำนึกต้องลาออก เก็บตัวในบ้านได้แล้ว ยุคนี้ไม่ใช่ยุคเผด็จการ ใครก็ตามที่ได้รับการแต่งตั้งจากการรัฐประหารต้องมียางอาย ต้องมีจิตสำนึกทางการเมือง คุณต้องรู้ว่าพวกคุณมีจิตวิญญาณเผด็จการ คุณไม่ควรเสนอหน้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือองค์กรอิสระทางการเมือง คุณควรปลดเปลื้องตัวเองให้พ้น แต่นี่กลับตรงกันข้าม
หลายองค์กรที่เกิดจากรัฐประหาร ยังทำผิดกฎหมายของคณะรัฐประหารเอง เช่น คตส. ในคำประกาศ คปค. ฉบับ 30 ถ้า คตส. ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดแล้ว และอัยการสูงสุดยังไม่ส่งความเห็นกลับมา คตส. ส่งฟ้องเองไม่ได้ แต่ปรากฏว่ามี 2 คดี อัยการสูงสุดยังไม่ส่งความเห็น เพียงแต่บอกว่าเรื่องที่ส่งมายังไม่สมบูรณ์ แต่ คตส. กลับดำเนินการฟ้องเอง นี่เป็นการทำลายหลักนิติรัฐหรือหลักทางสากล แล้วยังละเมิดการกระทำผิดของ คตส. เอง
ดังนั้นที่พันธมิตรฯ บอกว่าต้องตรวจสอบคน เอาคนที่มีคุณธรรม ผมอยากจะถามว่าทำไมไม่ไปตรวจ คตส. เสียบ้าง นอกจากนี้ยังมีเรื่องเขายายเที่ยงที่ค้างคาอยู่ ไม่มีใครตรวจสอบผู้นำรัฐประหารจดทะเบียนสมรสซ้อน นี่คือความไม่ศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย คุณบอกว่าจะตรวจสอบคุณธรรมจริยธรรม นี่ประเด็นนี้เห็นชัดๆ แต่คุณไม่ตรวจสอบ
ท่านทั้งหลายอย่าไปละเมอกับคำศัพท์ที่พวกเขาเนรมิตขึ้นมา สวยหรู เช่น ประชาภิวัตน์ ความจริงนี่คือความหมายที่ดี คือ ประชาชน บวก อภิวัตน์ หมายถึง เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่โดยประชาชน แต่นี่ไม่ใช่ ถ้าไปดูใน BBC CNN เขารุกใหญ่เลย ครั้งแรกเขาบอกว่า 2 หมื่น 5 พันคน ผมให้เต็มที่เลยทั่วประเทศ 1 แสนคน เมื่อเทียบกับประชาชน 63 ล้านคน เท่ากับ 1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเทียบกันไม่ได้ วันนี้ผมเรียนผ่านสื่อ ทวงถามคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ท่านยังตอบไม่ได้เลยว่าเขาไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่ทำงานและรับเงินเดือน นี่คือองค์กรต่างๆ ครับ
วันที่ 23 ธันวาคม ดูราวกับมีความเป็นประชาธิปไตย มีการเลือกตั้ง มีการจัดตั้งรัฐบาลตามครรลอง แต่องค์กรอำมาตยาธิปไตยที่ได้มาตอนการแต่งตั้งรัฐประหาร ทำการยื้อแย่ง ดึงแข้งขา ถามว่ารัฐบาลซึ่งเป็นตัวแทนอำนาจประชาธิปไตย สามารถสำแดงบทบาทได้หรือไม่
ผมสงสัยว่าเมืองไทยมีหน่วยงานความมั่นคงอยู่หรือเปล่า ผมสงสัยว่ามีหรือไม่ เพราะถ้ามีหน่วยงานความมั่นคงภายใน วันนั้นกองโจรที่บุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จุดมุ่งหมายคือการเชื่อมสัญญาณกับเอเอสทีวี ซึ่งเป็นกระบอกเสียงให้กับกลุ่มคนที่โค่นล้มรัฐบาลสมัคร ซึ่งท่านทำได้แต่ต้องตามครรลองในรัฐธรรมนูญ ในสภา ผมถามหน่อยว่า กลไกรัฐอยู่ตรงไหน ทำไมให้เรื่องที่กระทบต่อความมั่นคงชาติเกิดขึ้นอย่างตำตาได้อย่างไร
ผมถามหาเจ้าหน้าที่ว่าหลังจากที่มีการประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นแล้ว มีข้อความชัดเจนว่าห้ามชุมนุมเกิน 5 คน แล้วในทำเนียบมีกี่คน ไม่มีใครดำเนินการ กฎหมายดูไม่ศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ยังมีหมายจับ เจ้าหน้าที่ทั้งหลายทำไมท่านไม่เดินเข้าไป หรือกลัวว่าจะไม่มีชีวิตกลับมา แปลว่ามีบางคนอยู่เหนือกฎหมาย ผมเป็นห่วงบ้านเมืองของผม
ผมฝากถึงนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ท่านต้องการความสมานฉันท์ก็จริง แต่ความสงบสุขของบ้านเมืองและความสมานฉันท์ต้องตั้งอยู่บนความถูกต้อง และต้องไม่สมานฉันท์โดยการทำลายหลักการความเป็นประชาธิปไตย
เราต้องเคารพความศักดิ์สิทธิ์ของรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 63 เพราะยังบังคับใช้อยู่ ถ้านายสมชายยอมทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ แล้วเราจะเชิดหน้าชูคอกับอารยชนของชาวโลกได้อย่างไร ผมเห็นด้วยกับการเจรจา กับความสันติ แต่ต้องอยู่บนหลักของความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายในรัฐธรรมนูญ และประมวลกฎหมายอาญา ผมทราบข่าวมาด้วยความไม่สบายใจ ซึ่งไม่ขอกล่าวหา แต่ว่ารัฐบาลอาจจะประนีประนอมถึงจุดที่ทำลายหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องของบ้านเมือง
ผมเตือนนายกฯ คนใหม่ด้วยความเคารพ การประนีประนอมต้องอยู่บนหลักกฎหมาย คือ 1.เคารพกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2.เคารพกฎหายทุกตัวที่มีในประเทศไทย อย่าทำจนถึงขั้นทำลายรัฐธรรมนูญ
การเสียชีวิตของ คุณณรงศักดิ์ กรอบไธสง ผมดูในเอ็นบีที ถูกรุมตี ใช้ไม้ แต่คุณณรงศักดิ์ไม่มีอาวุธ มันจะบอกว่าเขาถือไปไม่ได้ เขาไม่มีอาวุธ คุณมีสิทธิ์อยู่ตรงนั้น เขาไปหาคุณได้ แต่คุณมีอาวุธ คุณล้อมเขาไว้ ดีไม่ดีเขาอาจจะยกมือไหว้ขอโทษได้ แล้วคุณคุมตัวไปส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่นี่ไม่ใช่ ตีจนตายคามือ แต่ผมไม่เห็นความกระตือรือร้นจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในการนำคนร้าย 7-8 คนที่รุมตีเขามาลงโทษ นี่ไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบ คนหัวเกรียนประกาศหลักการเลยว่า ใครมาให้ตีจนเข้าห้องไอซียู ให้ตีจนอาการเป็นหรือตายเท่ากัน นี่ผิดหลักการในรัฐธรรมนูญ
ฉะนั้นระบอบอำมาตยาธิปไตยกึ่งอำนาจประชาธิปไตยโดยตรง คือพอรัฐประหารแล้ว สร้างโครงสร้างระบอบอำมาตยาธิปไตยเพื่อรุมทึ้งจนอ่อนแรง ทั้งนี้ เราจึงต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 โดยคงหมวด 1-2 ไว้ เพื่อปิดช่องทางการเมืองให้กับกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ต้องมาปั่นป่วน
จริงๆ แล้วพันธมิตรฯ เป็นเครื่องมือของอภิชนาธิปไตย หรือ อำมาตยาธิปไตย หรือการเมืองระบบเจ้าทาสอย่างชัดเจน แต่ความเป็นจริงแก่นแท้คือต้องการให้อภิสิทธิ์ชนมาปกครองประเทศ ท่านอย่าลืมหลักการที่มนุษยชาติได้ตราไว้หลังจากที่โลกพ้นยุคมือในยุโรปแล้ว มนุษย์ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน ในการเมืองทุกคนมี 1 สิทธิ 1 เสียงเท่ากันหมด ฉะนั้นหลักการนี้จะลบไปไม่ได้ ไม่ว่าจะข้อเสนอ 70 : 30 หรือตอนหลังที่มีคนเสนอ 50 : 50 แต่มนุษย์ต้องมีความเป็นคนเต็มร้อย
การเมืองใหม่เป็นการดูถูกพี่น้องทั้งประเทศ เขามีแบบจำลองมากมาย แต่สรุปได้คำเดียวคืออภิชนาธิปไตย นอกจากนี้ยังมีข้อเรียกร้องมากมาย 1.งดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา ซึ่งถือเป็นการรัฐประหาร 2.มีรัฐบาลแห่งชาติ 3.มีรัฐบาลพิเศษ ถ้าหากต้องการคิดการเมืองใหม่ แปลว่าต้องมีการฉีกรัฐธรรมนูญฉบับนี้เสียก่อน
ตอนนี้ผมอยากให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศใช้สันติวิธี แต่ต้องไม่ทำลายหลักการของกฎหมาย แม้เราต้องการแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ก็ต้องให้ใช้รัฐธรรมนูญนี้เพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ ต้องดำเนินการตามกฎหมายบ้านเมืองอย่างเคร่งครัด