คอลัมน์ : ละครชีวิต
บ้านนี้เมืองนี้ กลับตาลปัตรไปกันหมด รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนส่วนใหญ่ถูกต่อรองด้วยคนกลุ่มหนึ่งที่เล่นการเมืองนอกสภา ทำลายประชาธิปไตยไทยเสียหายย่อยยับสร้างความอับอายไปทั่วโลก
แทบไม่น่าเชื่อว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และ รองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะยอมลดตัวลงไปเจรจากับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ และผู้ต้องหาคดีกบฏ
ทั้งๆ ที่รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ประชาชนส่วนใหญ่ไว้วางใจให้เป็นตัวแทนแก้ไขปัญหาต่างๆ
วันนี้บ้านเมืองกำลังประสบความวุ่นวายเพราะคนเพียงแค่กลุ่มเดียวก่อเหตุสร้างความรำคาญให้กับคนส่วนใหญ่ของประเทศ
แต่รัฐบาลที่ประชาชนเลือกเข้ามารับใช้ประชาชน ไม่ได้ทำงานเพื่อตอบสนองพวกเขาเลย เพราะปล่อยให้ม็อบอันธพาลประท้วง เผาบ้านเผาเมืองจนเสียหายมหาศาล
เท่านั้นยังไม่พอยังลดตัวลงไปเจรจากับคนที่สร้างความวุ่นวายให้กับประเทศชาติด้วย ขณะนี้ชาวบ้านต่างก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแคร์คนกลุ่มนี้ด้วย
กลุ่มคนเพียงแค่หยิบมือที่ชอบอ้างว่าเป็นภาคประชาชนทั้งหมดนั้น หลายฝ่ายก็ออกมายืนยันแล้วว่าเป็นการแอบอ้างโดยใช้สื่อในเครือข่ายของตัวเองกระพือข่าวสร้างกระแสให้ดูตื่นเต้น
แก๊งอันธพาลกลุ่มนี้ไม่ใช่ทางเลือกของภาคประชาชนอย่างแท้จริง เนื่องจากหลักการสำคัญของการเมืองภาคประชาชนที่แท้จริงนั้น มีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ ต้องสร้างสรรค์พัฒนาประชาธิปไตยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ไม่ปฏิเสธการเมืองระบบรัฐสภา เคารพในความเสมอภาคของประชาชนทุกคนตามหลักหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียง ไม่ใช่เคลื่อนไหวสู่การรัฐประหาร ระบอบอำมาตยาธิปไตย หรือระบอบเผด็จการอำนาจนิยมแบบใหม่
วันนี้ “นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย” ไม่พอใจกับท่าทีรัฐบาล แม้จะเห็นด้วยในแนวทางสมานฉันท์ เพราะทุกคนก็หวังดีต่อประเทศชาติเหมือนกันหมด
แต่การจะไปยอมให้ผู้ต้องหาคดีกบฏมีอำนาจต่อรองนั้นไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง เพราะอย่าลืมว่าคนกลุ่มนี้ทำลายประเทศชาติให้เสียหายแค่ไหน
ความเสียหายที่เกิดขึ้นตั้งแต่ ปี 2548 ที่แก๊งอันธพาลก่อความวุ่นวายแบบเอาเป็นเอาตาย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี น่าจะจำได้ดีนะครับ
พวกเรานักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย จำได้ดีตลอดมา เพราะแต่ละคนก็มีภารกิจหลักคือไม่ยอมให้คนพวกนี้เข้ามาทำลายระบบ
ระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องฟังเสียงคนส่วนใหญ่ และการเมืองก็ต้องแก้ด้วยการเมือง
ซึ่งการแก้ไขปัญหาวิกฤติการเมือง ต้องเป็นไปตามกลไกระบอบรัฐสภา ต้องฟังเสียงสะท้อนจากกลุ่มองค์กรต่างๆ อย่างรอบด้าน
วันนี้ภาคประชาชนส่วนใหญ่ก็แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระ หรือจะเป็นคณะกรรมการในรูปใดๆ ก็แล้วแต่จะตั้งขึ้นมา
เนื่องจากการยอมรับข้อเสนอแบบนั้นเป็นการเปิดโอกาสให้มีการใช้อำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซง
รวมทั้งเป็นการเปิดช่องทางให้กลุ่มอภิสิทธิ์ชนเข้ามามีอำนาจโดยปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน
แนวทางดังกล่าวจึงไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย ซึ่งเป็นหลักสากลในนานาอารยประเทศ
ดังนั้นอยากเตือนรัฐบาลนายสมชายให้แก้ไขปัญหาด้วยสติ อย่าลดตัวลงไปเจรจากับกบฏ
เพราะไม่มีนักสู้เพื่อประชาธิปไตยคนไหนยอมรับแน่
ถ้าเขาไม่ยอมรับ นอกจากบ้านเมืองจะไม่สงบสุขแล้ว
ประชาธิปไตยของไทยก็จะถูกประณามว่าเป็นประชาธิปไตยที่ไร้ศักดิ์ศรีที่สุดในโลก !
ลวดหนาม