คอลัมน์ : โต๊ะข่าวประชาทรรศน์
พรุ่งหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ รายวัน สื่อทางเลือกของประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ก็จะมีอายุครบหนึ่งปีของการพิมพ์เพื่อแจกจ่ายให้กับแฟนๆ ของนิตยสารประชาทรรศน์รายสัปดาห์ ซึ่งถือว่าเป็นพี่ชายที่แสนดี ที่มีน้องชายของผม นายอุดมศักดิ์ เสาวนะ เป็นกัปตันทีม
เมื่อระบบการทำงานของกองบรรณาธิการและระบบการจัดพิมพ์เข้ารูปเข้ารอย ระบบการจัดจำหน่ายพร้อม หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ รายวัน จึงเข้าเกียร์เดินหน้าเต็มตัวในวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ.2550 ด้วยสโลแกนเป็นสื่อทางเลือกของประชาชน เพื่อประชาธิปไตย
สถานการณ์สร้างวีรบุรุษฉันใด สโลแกนของหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ ก็เกิดขึ้นตามสถานการณ์ของประเทศไทยในห้วงเวลานั้น
เป็นห้วงเวลาที่ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย โหยหาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย หลังจาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ได้ทำรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ที่มี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ประเทศไทยตกอยู่ใต้อำนาจของเผด็จการ
แม้คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ได้ประกาศควบคุมสื่ออย่างเข้มข้น เหมือนกับคณะรัฐประหารชุดก่อนๆ ที่เคยปฏิวัติรัฐประหารขึ้นในประเทศไทย
แต่สื่อส่วนหนึ่งกลับคลานเข้าไปยอมสยบอยู่ใต้อำนาจเผด็จการ เห็นดีเห็นงามกับการล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะสื่อจำนวนหนึ่งได้ปูนบำเหน็จรางวัลที่สนับสนุนเผด็จการ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. และ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร.
ตั้งแต่หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ รายวัน กำเนิดขึ้นมาจะครบขวบปีในการจัดพิมพ์ในวันพรุ่งนี้ ก็ได้พิสูจน์ให้ท่านผู้มีอุปการคุณได้ประจักษ์แล้วว่า หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ คือ สื่อทางเลือกของประชาชน เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการนำเสนอข่าวสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งร่างจากปากกระบอกปืน เป็นกากเดนของเผด็จการ
ไม่ทราบว่าเป็นความบังเอิญหรือเจตนาจงใจของ “ผู้จัดการออนไลน์” ที่จะช่วยโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้บรรดาแฟนคลับของ “ผู้จัดการออนไลน์” ได้รับทราบโดยทั่วกันว่า หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ รายวัน จะมีอายุครบขวบปีในการวางจำหน่ายในวันที่ 11 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าฉบับปฐมฤกษ์ที่พิมพ์เพื่อแจกจ่ายให้ท่านผู้มีอุปการคุณของนิตยสารประชาทรรศน์รายสัปดาห์ ตรงกับวันที่ 1 ตุลาคม
แสดงว่ารู้ไม่จริง หรือถ้ารู้จริงก็รู้ไม่หมด แล้วยังสะเออะเสนอหน้ามาช่วยโฆษณาประชาสัมพันธ์ มิน่า ข่าวของ “ผู้จัดการออนไลน์” จึงเชื่อถือไม่ได้ เพราะรู้ไม่จริงนี่เอง
ก็ไม่ว่ากัน เพราะหัวขบวนผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ แทนที่จะทำหน้าที่สื่อที่ยึดเป็นอาชีพ กลับไปทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากบฏ ยึดทำเนียบรัฐบาล คิดการใหญ่จะทำการเมืองใหม่ ซึ่งเท่าที่ขายฝันกันออกมาไม่น่าจะใช่ระบอบประชาธิปไตยที่นานาอารยประเทศทั่วโลกใช้ในการปกครองประเทศ
อย่างกรณีจินตนาการเอาเองว่า ความจริงแล้ว หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ รายวัน กำหนดจะวางจำหน่ายฉบับปฐมฤกษ์ วันที่ 19 กันยายน 2550 แต่ต้องเลื่อนไปเป็นวันที่ 11 ตุลาคม 2550
คนรู้จริงคือผม กล่าวคือ เมื่อสายของวันที่ 2 กันยายน 2550 น้องชายผมซึ่งร่วมงานกันมานานครึ่งค่อนชีวิต แต่เพิ่งห่างเหินกันระยะหนึ่งตามเส้นทางที่ลิขิตขึ้นมาเอง คือ นายอุดมศักดิ์ เสาวนะ บรรณาธิการบริหารนิตยสารประชาทรรศน์รายสัปดาห์ ได้โทรศัพท์ไปชวนผมทำหนังสือพิมพ์รายวัน ซึ่งผมตอบรับทันทีโดยไม่ได้ซักถามรายละเอียด ทั้งๆ ที่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วนสมบูรณ์ และรู้ทั้งรู้ในสถานการณ์ขณะนั้น ยังมีคนคิดจะทำหนังสือพิมพ์รายวันอีกหรือ
เย็นวันนั้นสองคนพี่น้องนัดเจอกัน ผมจึงได้ทราบว่านิตยสารประชาทรรศน์รายสัปดาห์ ซึ่ง “ผู้จัดการออนไลน์” รู้จริงจากการติดตามอ่านทุกฉบับ เป็นนิตยสารนำเสนอข่าวโจมตีการทำงานของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ รัฐบาลขิงแก่ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นพวกเดียวกัน ทำให้นิตยสารประชาทรรศน์ ได้รับการต้อนรับจากประชาชนที่โหยหาประชาธิปไตยอย่างอบอุ่น จึงอยากจะทำหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์รายวันขึ้นมา เพื่อสนองตอบความต้องการของคนรักประชาธิปไตยที่อยากจะรับรู้ข้อมูลข่าวสารซึ่งหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับที่วางแผงอยู่ในขณะนั้น ไม่นำเสนอ หรือไม่กล้านำเสนอ
ผมเป็นคนใจง่าย อะไรก็ได้สำหรับคนที่เรารัก คำตอบรับทันทีเมื่อเช้าวันที่ 2 กันยายน 2550 ก็ต่อยอดกันในเย็นวันเดียวกัน โดยผมขอเวลาสะสางงานที่ค้างคาอยู่สักครึ่งเดือน
วันที่ 16 กันยายน 2550 จึงเป็นวันเริ่มทำงานของทีมงานบางส่วนที่เคยร่วมทำงานกันมา โดยกำหนดวันพิมพ์เหมือนจริงทุกประการเพื่อแจกจ่ายไว้ชัดเจนคือวันที่ 1 ตุลาคม 2550
และ...พวกเราทำได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่ไม่วายถูกกล่าวหาใส่ความว่าเป็น “สื่อเทียม” ซึ่งพรุ่งนี้ ผมจะต้องชี้แจงในฐานะที่ถูกพาดพิงครับ
พิธาน คลี่ขจาย