WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, September 30, 2008

สตง.สอบกทม.ยุค‘อภิรักษ์’ตุกติกใช้งบ

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด! ถูกเปิดหลักฐานใหม่คดีรถ-เรือดับเพลิงไม่พอ ล่าสุดโครงการ กทม. ยุค “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” ยังถูก สตง. ตรวจสอบการใช้งบประมาณพัฒนาสำนักงานเขต ที่ส่อตั้งราคากลางสูงผิดปกติ แถมการปรับปรุงไม่เป็นไปตามเงื่อนไข แต่มีการเซ็นรับงานไปเป็นที่เรียบร้อย ขณะเดียวกันกรณี “โฆษณาแฝง” พ่นพิษ ลือสะพัดจ่อโดนใบเหลือง ขณะที่ประธาน กกต.กทม. แย้มมติเป็นเอกฉันท์ อีก 2-3 วันรู้ผลแน่

หลังจากมีการเปิดเอกสารใหม่ในการสอบสวนกรณีทุจริตรถ-เรือดับเพลิง ของกทม. มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท ที่ประชิดติดตัว นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. เข้าไปมากยิ่งขึ้น และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ระบุว่ากำลังอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการสอบสวน และจะรู้ผลในระยะเวลาไม่เกิน 1-2 เดือนข้างหน้า นั้น

ในวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมาก็มีการเปิดประเด็นใหม่ที่เกี่ยวโยงไปถึงนายอภิรักษ์ อีกถึง 2 เรื่องด้วยกัน ทั้งความเดิมที่มีการร้องเรียนว่านายอภิรักษ์ จงใจเอาเปรียบคู่ต่อสู้ด้วยการโฆษณาแฝงผ่านป้ายประชาสัมพันธ์ของ กทม. และยังมีการติดป้ายหาเสียงที่มีข้าราชการ กทม. ร่วมอยู่ในภาพ ซึ่งส่อว่าจะเข้าข่ายเอาเปรียบคู่แข่งเข้าชิงตำแหน่ง โดยมีข่าวว่าอาจจะถึงกับได้ใบเหลือง

ขณะเดียวกันก็มีเรื่องการใช้งบประมาณพัฒนาสำนักงานเขต ก็ถูกสมาชิกสภา กทม. ออกมาแฉว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ได้มีหนังสือทักท้วงถึงความไม่ชอบมาพากลดังกล่าว เพราะพบว่ามีการใช้จ่ายงบอย่างผิดเงื่อนไข และยังมีการกำหนดราคากลางในการประกวดราคาไว้สูงเกินกว่าความเป็นจริง

โดยในกรณีแรกนั้นมีข่าวออกมาว่า นายอภิรักษ์ส่อโดนแจกใบเหลือง จากกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร้องเรียนต่อ กกต. และ กกต.กทม. ให้สอบสวนกรณีป้ายประชาสัมพันธ์ของกทม.ยังมีชื่อของนายอภิรักษ์ ติดอยู่ว่า เป็นการโฆษณาหาเสียงแฝง รวมถึงกรณีที่มีรูปข้าราชการ กทม. ปรากฏในป้ายหาเสียงของนายอภิรักษ์ขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ล่าสุด มีรายงานว่ามีความเป็นไปได้ที่ กกต. อาจพิจารณาให้ใบเหลืองนายอภิรักษ์ ทำให้อาจต้องมีการจัดการเลือกตั้งใหม่อีกรอบ และนายอภิรักษ์ จะต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง 158 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว อาจทำให้มีคำสั่งโยกย้ายผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ กทม. ไปเป็นผู้ตรวจราชการ และหาก กกต. สอบสวนแล้วพบว่า ข้าราชการไม่เก็บป้ายประชาสัมพันธ์เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายอภิรักษ์ก็อาจ มีความผิดตามมาตรา 60 ต้องระวางโทษจำคุกระหว่าง1-10 ปี

อย่างไรก็ดี นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้งด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกระบวนการพิจารณากรณีนายอภิรักษ์ว่า การดำเนินการสอบสวนเบื้องต้นเป็นหน้าที่ของ กกต.กทม. ที่เมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนมาจะต้องพิจารณาหาข้อมูลและข้อเท็จจริง หากเห็นว่าการกระทำดังกล่าวผิดจริง ทาง กกต.กทม. จะยื่นรายงานสรุปมายังกกต.กลาง เพื่อพิจารณาต่อไป และถ้า กกต.กลางพบว่ามีเหตุให้ต้องสอบสวนต่อ ก็จะตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนพิจารณาเช่นเดียวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ทั้งนี้ หากสามารถสรุปผลตัดสินใบแดงใบเหลืองได้ก่อนมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ทางกกต. กลางก็มีอำนาจวินิจฉัยได้ทันทีโดยไม่ต้องยื่นต่อศาล แต่ถ้าผ่านพ้นไป 30 วันหลังจากการเลือกตั้ง กกต.กลางจะต้องนำเรื่องเสนอต่อศาลเพื่อพิจารณาใบเหลืองใบแดงต่อไป

ด้าน นายพิงค์ รุ่งสมัย ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) เปิดเผยว่ากรณีดังกล่าวขณะนี้อยู่ในระหว่างคณะกรรมการสอบสวนของกกต.กทม. จำนวน 3 คน ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ ซึ่งถึงตอนนี้ผ่านพ้นไปแล้วกว่า 10 วัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 29 กันยายน ได้มีการติดตามผลการปฏิบัติงานกับคณะกรรมการทั้งสาม ปรากฏมีการรายงานว่าอีกประมาณ 2-3 วัน จะพร้อมนำเสนอต่อที่ประชุม กกต.กทม. เพื่อตรวจสอบว่าได้ทำการสอบสวนครบถ้วนทุกประเด็นตามที่มีผู้ร้องเรียนมาหรือไม่

จากนั้นกกต.กทม.จะส่งสำนวนรายงานไปยัง กกต.กลาง ไม่ว่าคำวินิจฉัยกรณีนายอภิรักษ์จะมีข้อสรุปว่ากระทำความผิดหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่สามารถชี้แจงขยายความได้ว่ารูปการของคดีมีทิศทางไปทางใด

ทั้งนี้ นายพิงค์ ระบุว่า ผลการพิจารณาจะออกมาเป็นเอกฉันท์แน่นอน แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะเป็นใบเหลือง ใบแดง หรือใบขาว

ส่วนกรณีของงบประมาณนั้น นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ก.เขตห้วยขวาง พรรคพลังประชาชน ในฐานะกรรมการประสานและติดตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี กทม. สภา กทม. กล่าวถึงความน่ากังวลสงสัยของโครงการปรับปรุงศูนย์บริการ Bangkok Service center ระยะที่ 2 จำนวน 7 เขต ว่า เมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม. ได้ทำหนังสือถึงผู้บริหาร กทม. ให้ยกเลิกบันทึกสำนักงานปกครองฯ ด่วนที่สุดที่ กท. 0406/2425 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2551 เรื่องขออนุมัติคุณลักษณะเฉพาะครุภัณฑ์ ส่วนประกอบศูนย์บริการ กทม. และให้สำนักงานเขต 7 แห่ง ได้แก่ คลองเตย บึงกุ่ม บางซื่อ ประเวศ บางคอแหลม ห้วยขวาง และมีนบุรี ระงับการดำเนินการ

โดยสาเหตุที่ต้องระงับโครงการเนื่องจาก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบการจ้างโครงการนี้ พบความผิดปกติ 2 เรื่องคือ คณะกรรมการกำหนดราคากลางประมาณราคาสูงกว่าราคาของสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ และการปรับปรุงไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการ และปริมาณงาน แต่คณะกรรมการตรวจการจ้างได้เซ็นตรวจรับงาน จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อบัญญัติพัสดุ ทำให้ทางราชการได้รับความเสียหาย

โดยโครงการนี้ ริเริ่มสมัยที่ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าฯ กทม. เสนองบผ่านสภากทม. โดยขอความเห็นชอบในหลักการไม่ได้ลงรายละเอียดชัดเจน แถมโยกงบจากหน่วยงานอื่นมาสมทบ จนกลายเป็นงบ 1,300 ล้านบาท ปรับปรุง 50 สำนักงานเขต เฉลี่ยเขตละ 26 ล้านบาท เป็นการก่อสร้าง 20 ล้านบาท จัดซื้อคอมพิวเตอร์ 6 ล้านบาท

ขณะที่สมัย นายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่าฯ กทม. ใช้เงินปรับปรุงสำนักงานเขตเพียงเขตละ 2 ล้านบาทเท่านั้น ในการประชุมสภา กทม. ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ จะยื่นญัตติด่วนด้วยวาจาสอบถามข้อเท็จจริงกับปลัด กทม. เพราะพบความผิดปกติ ของโครงการโดยเฉพาะการยื่นซองประมูล ที่บริษัทเอกชน ที่ชนะการประมูลเสนอราคาสูงกว่าราคากลางเพียง รายละ 10,000-14,000 บาท

ด้าน นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม. กล่าวยอมรับว่า ได้รับหนังสือแจ้งจาก สตง. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ตรวจสอบการดำเนินโครงการดังกล่าวที่เขตบางขุนเทียน จตุจักร และบางเขน ระบุว่าคิดราคากลางไม่ถูกต้องกับตรวจรับงานไม่ตรงตามแบบ ตนได้แต่งตั้งให้ นายวัฒนา ล้วนรัตน์ ผู้ตรวจ 10 เป็นประธานการสอบฯ ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน คาดว่าจะสอบเสร็จราววันที่ 25 ตุลาคมนี้ จากนั้นจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ทางด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ยังยืนยันที่จะแฉโครงการทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม. โดยจะแถลงในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ส่วนเวลาและสถานที่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากขณะนี้มีความพยายามจากฝ่ายตรงข้ามที่จะบล็อกและก่อกวนข้อมูลจากคนรอบข้าง เพื่อให้ได้รับข้อมูลในโครงการนี้ไม่ครบถ้วนหรือมีข้อมูลน้อย