WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, September 30, 2008

สู้ยิบตา

สู้ยิบตา

27 กันยายน 2551

นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทยเป็นประชาธิปไตยเทียม ประชาชนจะแสดงออกได้มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับความพึงพอใจและความเห็นชอบของคนเพียงคนเดียว ประชาธิปไตยของไทยได้ถูกครอบงำโดยอีกระบอบหนึ่งโดยสมบูรณ์เมื่อนายปรีดี พนมยงค์ ได้ลี้ภัยทางการเมืองไปอยู่ต่างประเทศ คนไทยได้ถูกสะกดให้ยอมรับการครอบงำนี้ด้วยสงครามข้อมูลข่าวสารหรือการโฆษณาชวนเชื่อที่จงใจยัดเยียดให้คนไทยเสพทางโทรทัศน์และวิทยุทั้งก่อนและหลังข่าว 2 ทุ่มมาตั้งแต่เกิดเริ่มจำความได้จนบางคนสิ้นอายุขัย จากคำว่า “ไม่” เริ่มกลายเป็น “ไม่แน่ใจ” แล้วก็กลายเป็น “ใช่และเทิดทูน” ไปในที่สุด มีน้อยคนที่จะรู้เท่าทันเล่ห์กลนี้ เช่นเดียวกับสาวกพันธมิตรฯ ที่มีต้นกำเนิดมาจาก ASTV จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนไทยผู้รักประชาธิปไตยจะปลดแอกตนเองออกจากระบอบครอบงำนี้ได้ ถ้าไม่สู้ยิบตาเยี่ยงชาวบ้านบางระจันบรรพบุรุษผู้ให้กำเนิดตำนานการต่อสู้ของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนของแท้เป็นครั้งแรกและยังคงเป็นเพียงครั้งเดียวของไทย

นาทีทองประชาธิปไตยของไทยเคยมีอยู่จริงเพียงช่วงสั้นๆ คือ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่คณะราษฎร์สามารถยึดอำนาจและเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ.2475 ได้สำเร็จและสิ้นสุดลงเมื่อวันที่นายปรีดีฯ ได้เดินทางออกนอกประเทศเพื่อลี้ภัยทางการเมือง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาประชาธิปไตยของไทยกลายเป็นเพียงภาพลวงตาที่สามารถหลอกได้เพียงคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ในสายตาของชาวต่างชาติ ประเทศไทยยังคงถูกปกครองด้วยระบอบเดิมเพียงแต่เปลี่ยนแปลงรูปแบบและวิธีการ การเรียกร้องประชาธิปไตยทุกครั้งที่ผ่านมา เป็นเพียงแผนการหนุนหลังของคนบางคนที่ต้องการทำให้ฝ่ายทหารอ่อนกำลังลงเพื่อปกป้องอำนาจการครอบงำการปกครองของตัวเองให้ยังคงอยู่เท่านั้น

อดีตสอนให้ผู้กำอำนาจครอบงำประเทศรู้และเข้าใจว่า การรักษาไว้ซึ่งอำนาจของตัวเองให้คงอยู่ต้องมีปืนของทหารเป็นพวก การมุ่งสร้างฐานอำนาจด้วยระบบอุปถัมภ์ข้าเก่าเต่าเลี้ยงในกองทัพจึงถูกดำเนินเรื่อยมาอย่างช้าๆ ตั้งแต่รัฐบาลปรีดีฯ สิ้นสุดลงต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลายาวนานกว่า 70 ปี ใครนามสกุลไม่คุ้นหูหรือไม่มีเส้นสายอย่าได้หวังว่าจะได้เจริญรุ่งเรื่องในหน้าที่การงาน ซึ่งมันได้ผลรัฐบาลใดๆ ก็ไม่สามารถสั่งทหารซึ่งเป็นเพียงเครื่องมือชิ้นหนึ่งของรัฐบาลประชาธิปไตยให้ทำการใดๆได้ แม้ว่าคำสั่งนั้นจะเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายทุกประการก็ตาม กองทัพไทยจึงเป็นเครื่องมือของผู้กำอำนาจครอบงำระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่เครื่องมือของรัฐบาลไทย

ความเจริญของประเทศ ความฉลาด และความรู้คุณค่าสิทธิเสรีภาพของตัวเองคือก้างขวางคอชิ้นใหญ่การดำรงอยู่ของระบอบครอบงำ รัฐบาลใดมีแนวโน้มจะทำให้ประเทศไทยเจริญแบบก้าวกระโดดจึงถูกโค่นอำนาจลงด้วยการปฏิวัติเสียทุกครั้ง ครั้งล่าสุดคือรัฐบาลทักษิณฯ ของคนจน ทักษิณฯ คือนายกรัฐมนตรีคนที่สองที่กล้าประกาศกร้าวว่าคนจนในประเทศไทยจะหมดไป แต่ก็เป็นได้เพียงฝันครั้งที่สองของคนจน

สงครามนี้ต้องสู้ยิบตาอย่างชาวบางระจัน ตียันไว้ให้ได้เพื่อยืดเวลาให้ข้าศึกผู้เฒ่าอ่อนล้าสิ้นหวังจนยอมแพ้หรือตายไปเองเพราะสิ้นอายุขัย ชาวบางระจันยันไว้ได้ไม่นานนักเพราะกำลังมีน้อย แต่พวกเราชาวประชาธิปไตยซึ่งมีอยู่กว่าค่อนประเทศทำไมจะไม่ชนะ แต่ชนะไม่ง่ายเพราะฝ่ายตรงข้ามมีทหารค้ำอยู่ สงครามจึงยืดเยื้อจนทำให้หลายๆคนเกิดการท้อแท้เพราะไม่รู้ความเป็นไปของสงคราม เมื่อท้อแท้ก็จะท้อถอยและยอมแพ้ไปในที่สุด แม้รัฐบาลของประชาชนจะถูกถอดถอนจนหมดก็ไม่ใช่สาระสำคัญที่ทำให้เกิดการได้เปรียบหรือเสียเปรียบในการต่อสู้ครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย กำลังใจและรู้เท่าทันสถานการณ์ต่างหากที่เป็นตัวชี้วัดผลแพ้ชนะของสงครามนี้ โปรดระลึกไว้เสมอว่า ถ้าท่านยอมแพ้แล้วใครจะสู้ ลูกหลานจะพ้นคำว่า “ไพร่” เพราะท่านไม่ใช่เพราะลูกหลานของเขา เรามาช่วยกันนับสองต่อจากบรรพบุรุษชาวบ้านบางระจันกันเถิด

จาก thaifreenews