"ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" ยอมรับตั้งใจทำร้าย"วิศาล ดิลกวณิชย์" ไม่หวั่นเสียคะแนนลงผู้ว่าฯกทม. เพราะเป็นตัวของตัวเอง ด้าน “ลีน่า จัง” ได้ทีจวกซ้ำไร้วุฒิภาวะ ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ ขณะที่ ปธ.กกต.กทม. บอก "ชูวิทย์" ชก "วิศาล" ไม่ทำขาดคุณสมบัติสมัครผู้ว่าฯ กทม.
นายชูวิทย์ กลมวิศิษฎ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เบอร์ 8 เปิดแถลงข่าวถึงการทำร้ายร่างกายนายวิศาล ดิลกวนิชย์ ผู้ดำเนินรายการ"เที่ยงวันทันเหตุการณ์"ทางสถานีโทรทัศน์ไทยที วีสีช่อง 3 โดยกล่าวขอโทษนายวิศาล ช่อง 3 และสื่อมวลชน พร้อมยอมรับว่าทำผิดจริง โดยใช้ศอกทำร้ายนายวิศาล และ เมื่อนายวิศาล ล้มลงไปก็กระทืบที่หน้า
สำหรับสาเหตุที่ก่อเหตุเนื่องจากไม่พอใจประโยคที่นายวิศาล กล่าวว่า ตนไม่ใช่ลูกผู้ชาย ซึ่งเป็นประ โยคนี้ที่ทำให้ทนไม่ไหว พร้อมกับท้าให้ฟ้อง ส่วนตนเองจะยอมเสียค่าปรับ
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ไม่กลัวเสียคะแนนในการลงสมัครผู้ว่าฯกทม. เพราะหากคนจะเลือกต้องเลือกที่ตัวตน ที่มีความชัดเจน ตรงไปตรงมา และยอมรับว่าภายหลังก่อเหตุทำแล้วรู้สึกดีไม่เสียใจในการกระทำที่ทำลงไป
เจ้าหน้าที่สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 คนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า หลังจบรายการ นายวิศาล ได้เดินออกมาจากห้องจัดรายการด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัด ส่วนนายชูวิทย์ ก็เดินตามหลังโดยมีสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์เช่นกัน
ขณะนั้นนายวิศาลหันหลังไปพูดคุยกับ นายชูวิทย์ว่า "ที่ผมถามคำถามทั้งหมด ผมเป็นกลางน่ะไม่ได้มีเจตนายั่วยุ" เท่านั้นแหละ นายชูวิทย์ ถึงคุมอารมณ์ไม่อยู่ปล่อยหมัดขวาตรงเข้าที่หน้าของนายวิศาล โดยหมัดเฉียดออกแก้มด้านซ้าย เข้ากกหูซ้ายแล้วศอกเข้าที่ท้ายทอยของนายวิศาลถึงกับล้มลงไปกองกับพื้นจนศรีษะฟาดพื้น จากนั้นนายชูวิทย์ ก็กระทืบขาซ้ำด้วย ส่วนนายวิศาลไม่ได้ลุกขึ้นมาต่อสู้แต่อย่างใด
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการเมื่อเห็นเหตุการณ์ทำร้ายต่างกรูเข้าไปห้ามปรามนายชูวิทย์ทันที ส่วนนายวิศาล เบื้องต้นใบหน้ามีรอยถลอก เลือดไหล เพราะโดนนายชูวิทย์สวมแหวนที่นิ้วนางข้างขวาต่อยโดน หลังจากนั้นนายชูวิทย์ เดินลงลิฟท์ไปและไปนั่งสงบอารมณ์อยู่ในรถยนต์ส่วนนายวิศาล ก็เข้าไปสงบอารมณ์ ที่ห้องจัดรายการ
เมื่อผู้บริหารสถานีวิทยุช่อง 3 ท่านหนึ่งทราบเรื่องก็เดินลงไปหานายชูวิทย์ แล้วถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายชูวิทย์ตอบว่า "นายวิศาลทำตัวไม่เป็นกลาง เอาเรื่องที่คุยกันก่อนจัดรายการมาพูด ยั่วยุ ผมโมโห ก็เลยซัดมัน"
ด้านนายวิศาล หลังจากโดนชกก็เข้าไปสงบสติอารมณ์ในห้องจัดรายการ และออกมาชี้แจงกับทีมงานว่า "ผมทำไปตามสายงาน ให้ความเป็นกลาง กระจ่างเพื่อประชาชนได้รับรู้ ไม่ได้มีเจตนา ยั่วยุ แต่อย่างใด"
ขณะที่ นางลีนา จังจรรจา ผู้สมัครับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม อิสระ หมายเลข 7 กล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 8 ก่อเหตุชกหน้า นายวิศาล ดิลกวณิชย์ ผู้ดำเนินรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ว่าเมื่อทราบข่าวก็รู้สึกตกใจ เพราะถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการเข้าทำร้ายร่างการสื่อมวลชน ซึ่งผู้ที่ต้องการจะเข้ามาเป็นผู้นำหรือเป็นพ่อเมืองจะต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะตกกระป๋องเหมือนเช่นนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี
“คุณชูวิทย์เองก็เคยแฉคุณอภิรักษ์หลายครั้ง แต่คุณอภิรักษ์ก็ไม่ได้ตอบโต้เลยสักครั้ง แต่วันนี้พอทราบเรื่องที่เกิดขึ้นก็รู้สึกตกใจ และรู้สึกเห็นใจนายวิศาลเป็นอย่างมาก โดยส่วนตัวก็จะเดินทางไปให้กำลังใจนายวิศาลที่ สน.ทองหล่อ และขอฝากไปถึงนายชูวิทย์ให้มากราบขอโทษนายวิศาลด้วย”นางลีนา กล่าว
อย่างไรก็ตามในช่วงเที่ยงวันเดียวกันนี้ นางลีนา จัง ได้ลงพื้นที่ชุมชนริมทางรถไฟตลาดศรีเขมา ตรงข้ามวัดสร้อยทอง เขตบางซื่อ เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน กว่า 400 ครอบครัว ที่ถูกไล่ที่ในสมัย นายประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม พรรคพลังประชาชนหมายเลข10 ขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เพื่อนำไปสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีแดง ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านอยู่ด้วยความวิตกกังวลเพราะไม่รู้จะถูกเข้ามาไล่รื้อเมื่อใด หากตนได้เป็นผู้ว่าฯกทม.จะแก้ไขปัญหาด้วยการสร้างแฟลตให้ชาวบ้านมีที่อยู่ ซึ่งได้มองสถานที่ไว้แล้วอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อประมาณ 15 กิโลเมตร
ด้าน นายพิงค์ รุ่งสมัย ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ปธ.กกต.กทม.) กล่าวถึงกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 8 สังกัดอิสระ ก่อเหตุชกหน้า นายวิศาล ดิลกวณิชย์ ผู้ดำเนินรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ภายหลังเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ ออกรายการโทรทัศน์ ว่า เรื่องดังกล่าวไม่กระทบต่อการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ของนายชูวิทย์ และยังคงเดินหน้าหาเสียงได้ตามปกติ เพราะถือเป็นคดีส่วนบุคคล ซึ่งจะต้องว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม ยังไม่มีผลที่ทำให้ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. แม้จะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับนายชูวิทย์ ก็ยังไม่ถือว่าเป็นผู้กระทำผิด เพราะคดียังไม่สิ้นสุด
อย่างไรก็ตาม หากผู้เสียหายเข้าร้องเรียนต่อ กกต. ก็จะต้องดูว่าร้องเรียนในประเด็นใด อย่างไรบ้าง ถ้าหากเป็นคดีความก็ต้องรอคำตัดสินของศาล สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ที่วิจารณญาณและดุลยพินิจของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่าผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.แต่ละรายมีพฤติกรรมเหมาะสมหรือไม่อย่างไร