คอลัมน์ : โต๊ะข่าวประชาทรรศน์
ข่าว นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้าพบ “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ไม่ว่าจะด้วยคารวะ หรือเพื่อการเจรจาความทางการเมืองใดๆ ก็ตามแต่ ย่อมเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของผู้คนทั่วไปเป็นวงกว้างแน่นอน
และคงเกิดเป็นคำถามคล้ายๆ กันว่าไปพบกันด้วยเรื่องใด ทำไมนายกรัฐมนตรี ถึงได้ “อมพะนำ” ทำเป็นความลับได้มากมายถึงขนาดนั้น
หากไปพบเพียงเพราะ พล.อ.เปรม เป็นอดีตนายกฯ ที่เคยบริหารบ้านเมืองมายาวนานถึง 8 ปี หรือเพียงเพราะ พล.อ.เปรม เป็น “ผู้เฒ่า” ที่ลูกหลานพึงเข้าไปขอพร ก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องปิดบัง
เว้นแต่ว่าเรื่องที่พูดคุยกันนั้น เป็นเรื่องที่ประชาชนรับรู้ไม่ได้ เป็นเรื่องที่ไม่น่าฟัง หรือเป็นเรื่องที่คนพูดเองอาจจะเกิดความอับอาย
แต่เดาอย่างไรก็เดาไม่ออกว่าจะเป็นการพูดจาเรื่องอะไรกันแน่
เพราะหากเป็นปัญหาในบ้านเมือง ก็คงมีอยู่ไม่กี่เรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาล และทำผิดกฎหมายสารพัดเรื่องของกลุ่มพันธมิตรฯ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือจะเป็นเรื่องที่ยังมีคนติดใจและอยากจะโยงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัว
ถ้าเป็นเรื่องของกลุ่มพันธมิตรฯ การเข้าพูดคุยกับ พล.อ.เปรม จะช่วยอะไรได้
พล.อ.เปรม จะไปสั่งให้พันธมิตรฯ ถอยร่นออกจากทำเนียบได้อย่างนั้นหรือ เพราะดูท่าทีแล้วคนพวกนี้ไม่คิดจะฟังใคร และทำท่าว่าจะฟังแต่คำสั่งคนที่อยู่เบื้องหลังมาตั้งแต่การเคลื่อนไหวเมื่อปี 2548 ต่อเนื่องจนเกิดการปฏิวัติรัฐประหารเท่านั้น
แล้ว พล.อ.เปรม ที่นายทหารใหญ่-น้อย ให้ความนับถือ คนที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ เคยทำหนังสือขออนุญาตเพื่อไปขึ้นเวทีม็อบ จะสามารถสั่งโจรดื้อพวกนี้ได้หรืออย่างไร
หรือถ้าหากเป็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะพูดจากันว่าอย่างไร
เรื่องราวทั้งหลายเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องคาใจคนขี้สงสัย และบรรดาผู้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองกันถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่ผมเองก็อยากจะรู้
ท่านนายกฯ สมชายจะมาเล่าขานให้ฟังกันหน่อยปะไร
เพราะเบื่อพวกรู้ไม่จริงมานั่งวิพากษ์วิจารณ์ บ้างก็หาว่าท่านไปเจรจาช่วยหาทางลงให้กับกลุ่มพันธมิตรฯ แลกกับการรับเงื่อนไขการเมืองแบบม็อบ ม็อบ ที่ยังไงก็มีแต่เสียเปรียบ
หรือจะเป็นการเจรจาที่แลกการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กับสิ่งที่ต้องหวานอมขมกลืน
ที่สำคัญหากท่านนายกฯ ไม่ออกมาพูดจาเล่าขานกันให้ชัด งานนี้ทำท่าจะเสียหายไปถึงรัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่
เพราะเกิดเป็นคำถามง่ายๆ ว่าถ้าอยากให้บ้านเมืองสงบสุขทำไมต้องไปหา “ป๋าเปรม”
หรือกลับกัน...ถ้าไม่ไปหา ไม่ไปคุยด้วยบ้านเมืองจะไม่สงบสุขอย่างนั้นหรือ
ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า พล.อ.เปรม สั่งพันธมิตรฯ ได้ แล้วที่ผ่านมาที่ สนธิ ลิ้มทองกุล เคยอ้าง “ผู้ใหญ่” หมายถึงใคร อย่างไรกัน
หรือถ้าย้อนกลับไปเมื่อหลังการรัฐประหารที่ สุริยะใส กตะศิลา ให้สัมภาษณ์หนังสือ IMAGE เสมือนว่า พล.อ.เปรม นั่งบัญชาการอยู่เมื่อคราวมีการปฏิวัติ
รวมทั้งการระบุว่า พล.อ.เปรม เป็นเสมือนตัวแทน “อำมาตย์” จะเกี่ยวพันเกี่ยวโยงกันอย่างไรหรือไม่
และเมื่อพูดถึงการเข้าพบกับ “ป๋า” ก็อดนึกถึงการเปิดเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้
ผม คงอยากให้ข้อคิดเหมือนที่ใครต่อใครพูดไปแล้วว่า หากรัฐบาลอยากจะเจรจาก็ลองดู แต่ผมมีความเชื่อดังนี้
1. คนพวกนี้พูดจาภาษาคนไม่รู้เรื่อง เพราะไม่เช่นนั้นคงพูดจากันเข้าใจไปนานแล้ว
2. คนพวกนี้ไม่เคารพกฎหมาย เพราะทุกวันนี้ก็ยังหนีคดี ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อหมายจับ
3. คนพวกนี้ขี้ขลาดเกินกว่าจะรับความเป็นจริง ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่อาศัยชายกระโปรง เอา
ผู้หญิง คนแก่บังหน้า ป้องกันการถูกจับกุม
4. คน (ชั่ว) พวกนี้ไม่รักชาติ รักแผ่นดิน ไม่เห็นแก่ประโยชน์ของพี่น้องคนไทย เพราะ
ไม่อย่างนั้นคงไม่ก่อกวนจนบ้านเมืองเสียหายขนาดนี้
และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คนพวกนี้เป็นคนทำผิดกฎหมาย ไม่มีสิทธิ์ต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่คนพวกนี้ต้องทำคือมอบตัวแล้วสู้คดีตามกฎหมาย
มีคนที่ติดตามการเมืองจนเบื่อหน่ายบอกว่า เจรจากับ พล.อ.เปรม แล้วก็พันธมิตรฯ ก็เป็นเรื่องดี ปัญหาจะได้จบ ความวุ่นวายจะได้หมด บ้านเมืองก็จะได้สงบสุขเสียที
ขณะที่อีกคนแย้ง ต้องพูดจาให้เหมาะสมว่า...เจรจากับพันธมิตรฯ เพื่อหยุดความปั่นป่วนวุ่นวาย และหารือ พล.อ.เปรม เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข
ใครจะเห็นต่างอย่างไรผมไม่แน่ใจ...แต่สำหรับผมแล้วเห็นเป็นอย่างเดียวกัน...!!
บิ๊กโบ๊ต