WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, September 30, 2008

อุบัติการณ์ข่มขู่ “ชัย-สมชาย”คุกคามจิตวิญญาณประชาธิปไตย

คอลัมน์ : ตะแกรงข่าว

อุบัติการณ์ที่ จ.นครศรีธรรมราช เมืองแห่งพุทธธรรมของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ ที่มีแนวร่วมพันธมารนครศรีธรรมราช ขัดขวางการจัดงาน “รัฐสภาพบประชาชน” ของรัฐสภา ที่มี นายชัย ชิดชอบ ประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ ไปเป็นประธาน และการเดินทางกลับบ้านเกิดของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ถูกตะโกนใส่หน้าว่า “ขายชาติ”

มีการปิดล้อมสนามบินสุราษฎร์ธานี เมืองคนดี ที่แสดงการต่อต้านนายกรัฐมนตรี ทำให้นักท่องเที่ยวต้องได้รับความเดือดร้อน หิ้วกระเป๋ากันอย่างทุลักทุเล ก็เพราะฝีมือของกลุ่ม “อันธพาลการเมือง” เหล่านี้

เป็นกลุ่มคนเพียงหยิบมือเดียวที่ไม่สนใจว่า ความเสียหายที่เกิดตามมาจะส่งผลต่อชื่อเสียงของจังหวัดและประเทศชาติอย่างไร เพียงต้องการให้เป็นข่าวเท่านั้น

เป็นการพิสูจน์ว่า กลุ่มพันธมารและแนวร่วมไร้จิตวิญญาณประชาธิปไตย จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดและเรียกร้องความเป็น “ประชาธิปไตย” ได้อีกแล้ว เพราะพฤติกรรมบ่งชัดว่า คนเหล่านี้ยังยืนหยัดยืนยันที่จะกระทำการเพื่อขัดขวางและทำลายประชาธิปไตย เดินตามลายแทงของ “เผด็จการ” อย่างชัดเจน

ตามรัฐธรรมนูญนั้น ขอย้ำว่า ประชาชนคนไทยทุกคนสามารถเดินทางไปไหนมาไหนในประเทศนี้ได้ โดยถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน และยิ่งเป็นคนระดับที่เป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารด้วยแล้ว ก็ไม่มีความชอบธรรมอันใดเลยที่จะมาต่อต้านขัดขวาง

นอกเสียจากไม่เคารพ ไม่เห็นความสำคัญกับรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ

เพราะฉะนั้น ความหวังของรัฐบาลที่จะสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น ดูท่าจะเป็นหมันแล้วล่ะครับ

และนั่นคืออุปสรรคสำคัญอย่างยิ่งในการที่รัฐบาลจะเข้ามาฟื้นฟูแก้ปัญหาของประเทศ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องการพัฒนา นำพาประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง เพราะนโยบายจะดีอย่างไร มีบุคลากรที่มีความสามารถมีฝีมืออย่างไร ถ้าไร้ความร่วมมือร่วมใจก็ยากที่จะสัมฤทธิผลได้

สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องสำเหนียกว่า ตราบใดที่ภายในยังเอาไม่อยู่ แล้วจะบอกกล่าวตะโกนร้องกู่ก้องให้โลกรับรู้ ให้ต่างประเทศยอมรับ เชื่อถือเชื่อมั่น ผมว่าฝันกลางวันยังง่ายกว่าครับ

สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ วันนี้ความสำนึกสำเหนียกในการเป็น “ประชาธิปไตย” หดหายไป และ “การเมืองใหม่” กำลังสำแดงบทบาทมากขึ้น เมื่อไม่เห็นด้วยก็แสดงออกถึงความเถื่อนถ่อยก้าวร้าวรุนแรง มากกว่าการสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นอย่างผู้ที่เจริญแล้วควรจะทำกัน

ถามว่าทำไมเหตุการณ์อัปยศอย่างนี้จึงเกิดขึ้นที่ภาคใต้

เพราะภาคใต้เป็นฐานที่มั่นทางการเมืองของ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ปลูกฝังความเป็นภาคนิยมที่รุนแรงที่สุด

คนที่เป็น ส.ส. ในพื้นที่ไม่รู้ระแคะระคายอะไรมาก่อนเลย หรือว่ามีส่วนร่วมด้วยช่วยกันหรือเปล่า ก็สุดจะเดาได้

เพราะเหตุนี้กระมัง พรรคประชาธิปัตย์จึงไม่สามารถเติบโต ครองความนิยมชมชอบ ความไว้วางใจรักใคร่ยอมรับจากประชาชนในภาคอื่นๆ ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ให้สมกับที่เป็นพรรคเก่าแก่ของประเทศนี้

จึงไม่แปลกที่พรรคการเมืองพรรคนี้ยังล้มลุกคลุกคลาน ล้มคว่ำล้มหงาย เพราะเกิด “วิกฤติศรัทธา” จากคนไทยทั้งประเทศ อย่างที่เห็นๆ กันอยู่

แทนที่จะได้สำนึก กลับยังใช้วิธีการเก่าๆ ใช้เล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง มาฉกฉวยผลประโยชน์ เล่นเกมการเมืองที่ไร้การพัฒนาอย่างซ้ำซากจำเจ

“การเมืองใหม่” ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ขาดความชัดเจน เหมือนกับว่าที่เสนอมานี้เป็นการขัดตาทัพ เพราะยังนึกอะไรไม่ออก ทราบมาว่าทางแกนนำพันธมารได้จัดการระดมสมองเพื่อจะผลักดันให้สามารถนำ “การเมืองใหม่” ออกมาใช้

แต่ที่แปลกเห็นจะเป็นการที่คิดอ่าน งุบงิบทำกันเฉพาะกลุ่มเฉพาะก๊วน แม้แต่ “สื่อมวลชน” ยังถูกกีดกันไม่ให้เข้าไปรับฟัง นั่นคือต้องรายงานข่าวตามที่กลุ่มพันธมิตรฯ ต้องการเท่านั้น เหมือนเดิมครับ

ก้าวแรกของ “การเมืองใหม่” ก็ชวนให้สงสัยเสียแล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะให้กลุ่มก้อนต่างๆ ส่งตัวแทนมาเป็น ส.ส. อย่างที่พันธมิตรฯ ต้องการ เพราะฉะนั้นไม่ต่างอะไรกับบรรดา ส.ว. ลากตั้ง ที่ คมช. ส่งมา “ทำงาน” ในสภาตอนนี้ ยังไงยังงั้น

วันนี้ “จิตวิญญาณ” การเป็น “ประชาธิปไตย” ได้เหือดหายไปจากคนไทยบางกลุ่มบางก๊วนแล้ว จึงเป็นสิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่จะต้องทบทวนบทบาท เพื่อตอกย้ำแสดงให้เห็นว่ายังรักและหวงแหนอำนาจอธิปไตย ยังรำลึกถึง “วีรชนคนกล้า”

แม้มีบางคนได้เหยียบซากศพของวีรชนขึ้นไปเสวยอำนาจ สร้างความชอบธรรมให้ตัวเองก็ตาม

เหตุการณ์อัปยศที่เกิดขึ้นกับประมุขฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหารที่กล่าวมาแล้วนั้น น่าเป็นห่วงว่ารัฐมนตรีในรัฐบาลนี้จะรับทราบแต่ข้อมูลที่รายงานเข้ามาเป็นทอดๆ เท่านั้น ไม่อาจลงพื้นที่ไปเจอของจริง ไปรับรู้ไปสัมผัสกับปัญหาจริงๆ เพื่อนำมาหาทางแก้ไข

ล่าสุดนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรค ไปลงพื้นที่ช่วย นายประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. หาเสียง ยังโดนลิ่วล้อพันธมารตามโห่ฮาป่า แสดงพฤติกรรมถ่อยสถุลที่ติดมาในกมลสันดาน เป็นการประจานตัวเองกลางกรุงกลางวันแสกๆ

ฝ่ายความมั่นคงจะต้องแสดงแสนยานุภาพทางปัญญาแล้วละครับ เพื่อขจัดความบาดหมางทางการเมือง ขจัดความแตกแยกในสังคม หรือยังทนดูความฟอนเฟะของสังคมไทยได้ ก็ให้มันรู้ไป

วันนี้ครบรอบ 1 ปี “หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์” หนังสือพิมพ์รายวัน โดยประชาชน เพื่อประชาชน หนังสือพิมพ์ฉบับเล็กๆ ที่เปิดตัวอย่างเงียบๆ แต่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากผู้อ่านที่ต้องการ “ความจริง” ซึ่งจะเป็นกำลังใจให้ทีมงานยืนหยัดนำเสนอ “ความจริง” มาให้ท่านผู้มีอุปการคุณได้รับทราบกันต่อไป ขอให้สัญญาครับ

อัฐศิริ