คอลัมน์ : ละครชีวิต
วันนี้...วันที่ 1 ตุลาคม เป็นวันครบรอบ 1 ปีหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์รายวัน หนังสือพิมพ์น้องใหม่ที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด
ที่กล่าวว่า “ประชาทรรศน์” เป็นหนังสือพิมพ์น้องใหม่ที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดนั้นไม่ใช่การกล่าวเกินจริง
“คอการเมือง” หรือคนในแวดวงสื่อสารมวลชนด้วยกันย่อมรู้ดีว่า “ประชาทรรศน์” ขายดีแค่ไหน
โดยเฉพาะ “คอการเมือง” ที่มีจุดยืนที่แน่วแน่มั่นคง ปกปักษ์รักษาระบอบประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ
ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา หลายคนต้องรีบสั่งจองประชาทรรศน์ตามแผงหนังสือ หรือต้องรีบตื่นเช้าเพื่อไปซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับนี้มาอ่าน
เป็นที่รู้กันว่าถ้าออกจากบ้านไปแผงหนังสือ “ช้า” ก็อาจจะไม่ได้อ่าน เพราะถูกจับจองไปหมดแล้ว
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ในฐานะของคนทำหนังสือจึงรู้สึกภาคภูมิใจอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะไม่น่าเชื่อว่าหนังสือพิมพ์รายวันที่เพิ่งเกิดขึ้นจะขายดีขนาดนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประชาทรรศน์ ไม่มีงานเปิดตัวหนังสือเหมือนฉบับอื่นๆ ที่ทุ่มงบประมาณมหาศาลไปเช่าพื้นที่โรงแรมหรูหรา จ้างออแกไนเซอร์โปรโมตสร้างภาพจนโอเวอร์
เราไม่มีการประชาสัมพันธ์ ไม่ได้ขึ้นป้ายคัตเอาต์ และไม่ได้โอ้อวดตัวเองว่าวางตัวเป็นกลาง
แต่ที่ผ่านมาเราทำได้เพียงสื่อสารบนหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ทุกตัวอักษร ทุกข่าว ทุกคอลัมน์ว่า เราไม่ยอมก้มหัวให้เผด็จการ
จากอุดมการณ์ที่ไม่ยอมก้มหัวให้อำนาจเผด็จการ เชิดชูนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง สนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญโจร ก็ทำให้ประชาทรรศน์ ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างรวดเร็ว
มีประชาชนโทรศัพท์ เขียนจดหมายเข้ามาที่กองบรรณาธิการจำนวนมาก อีกทั้งสมัครสมาชิกหนังสือมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้จุดยืนนี้จะ “สวนกระแส” จากสื่อมวลชน “กระแสหลัก” เราก็ไม่ย่อท้อ บ่อยครั้งที่เราถูกดูหมิ่นเหยียดหยามจากแหล่งข่าว หรือเพื่อนๆ สื่อมวลชนด้วยกันเองก็ตาม
สายตาที่มองเราไม่เป็นมิตรจาก “ผู้คิดต่าง” เราก็บอกตัวเองว่า “ไม่ใช่วันของเรา” เพราะประเทศไทยเวลานี้ “กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย”
แม้การทำงานของนักข่าวของประชาทรรศน์ทุกคนจะยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหน บ่อยครั้งถูกย้อนกลับด้วยคำพูดที่ “เจ็บปวด” และบ่อยครั้งที่นักข่าวถูกคุกคามจากแหล่งข่าวที่คิดแตกต่าง
แต่ก็ไม่มีใครไปแหกปากฟ้องร้องต่อสังคมว่า “ถูกคุกคาม” เพราะเราคือสื่อมวลชน ไม่ได้เป็นอภิสิทธิ์ชนเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป
เราไม่เคยไปร้องต่อสมาคมสื่อที่อวดอ้างตัวเองว่า “วางตัวเป็นกลาง” ยึดมั่นในจรรยาบรรณ
เราไม่เคยทำหนังสือถึงสภาวิชาชีพนี้ เพราะเรารู้ดีว่าอะไรคืออะไร
แต่ประชาชนเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าเบื้องหลังของสมาคมสื่อที่รวมตัวสร้างภาพยึดมั่นจรรยาบรรณนั้น เชื่อมโยงกับสื่อผู้ยิ่งใหญ่ที่อกหักจากผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างไรบ้าง
สภาวิชาชีพนี้คงไม่สำเหนียกว่า การประพฤติของสื่อบางค่ายเหมือนกับการออกมาเผาบ้านเผาเมือง วางตัวกร่าง ราวกับว่าถ้าเอาป้ายมาแขวนคอว่าเป็นสื่อมวลชนแล้วใช้ปากกาเขียนใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ทำร้ายคนอื่นให้เสียหายแค่ไหนก็ไม่ต้องรับผิดชอบ
ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ประชาทรรศน์นำเสนอข่าวด้วยจุดยืนแน่วแน่มั่นคง โดยศัตรูหมายเลข 1 ของเราคือ “เผด็จการ”
แม้กระทั่งในปัจจุบันที่มีข่าวลือต่างๆ มากมาย เพราะนักการเมืองในพรรคพลังประชาชนมีความคิดเห็นไม่เหมือนกัน
แต่อย่างไรก็ตาม “ประชาทรรศน์” ยังประกาศตัวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย พร้อมทั้งสนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 เหมือนเดิม
นั่นคือ “เจตนารมณ์” ที่มั่นคงตลอดไป!
ลวดหนาม