WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, September 29, 2008

กังขา‘เจ๊หน่อย’ซุกทุจริตยาผลสอบมัด‘ปรีชา’หายเงียบ

“เครือข่าย 30 องค์กร” ที่เคยเปิดประเด็นทุจริตยา แฉซ้ำ “ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข” ที่ได้ดิบได้ดีเป็น มท.2 มีชื่ออยู่ในกลุ่ม “คนสีดำ” พัวพันคดีทุจริตยา ซึ่งยังไม่ถูกลงโทษตามกฎหมาย แต่น่าแปลกใจผลสอบของกระทรวง ถูกเก็บเงียบเชียบหาต้นตอไม่เจอ แม้แต่เรื่องที่เคยไปแจ้งความไว้ที่กองปราบปราม เอาผิด “สุดารัตน์” ละเลยปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องเดียวกันก็เงียบเป็นเป่าสาก ระบุเหนื่อยใจไม่อยากทำอะไรต่อ แนะให้ไปตามคนที่แต่งตั้งว่าคิดอย่างไร ทั้งยังไม่เชื่อว่า รมต. คนใหม่ “หมอเหลิม” จะคิดรักษาผลประโยชน์บ้านเมือง กล้าขุดคดีขึ้นมาปัดฝุ่น

เรื่องราวทางการเมืองของรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แค่เริ่มต้นก็ดูจะวุ่นวายเสียแล้ว โดยเฉพาะจากกรณีการเลือกเฟ้นคนที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี ซึ่งถูกตำหนิว่าให้ความสนใจกับโควตา มากกว่าพิจารณาความรู้ความสามารถ จนทำให้รัฐมนตรีหลายคนขาดคุณสมบัติ ทั้งคุณธรรม จริยธรรม และซ้ำร้ายรัฐมนตรีบางคนยังมีตำหนิ มีชื่อพัวพันความฉ้อฉล และเป็นที่สงสัยของสังคมอย่างกว้างขวาง

ในกรณีของ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมช.มหาดไทย ที่ถือเป็นจุดบอดสำคัญของรัฐบาลโดยถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวข้องคดีทุจริตยา ซึ่งพบว่ามีชื่อเกี่ยวพันทั้งในเอกสารการสอบสวนชุด นายธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข และในคำพิพากษาคดีจำคุก 15 ปี นายรักเกียรติ สุขธนะ อดีต รมว.สาธารณสุข

น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ในฐานะผู้ที่เคยติดตามคดีทุจริตยาอย่างใกล้ชิด ย้อนความกรณีในคดีทุจริตยาและเวชภัณฑ์ กระทรวงสาธารณสุข ว่าสมัย นายรักเกียรติ สุขธนะ อดีตรมว.สาธารณสุข โดยระบุว่า ตนในฐานะประธานเครือข่าย 30 องค์กรพัฒนาเอกชนต่อต้านการทุจริต ได้รวบรวมรายชื่อ 5 หมื่นรายชื่อ และได้ใช้ช่องทางของพระราชบัญญัติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ.2542 ให้ ป.ป.ช. ใช้อำนาจตามมาตรา 80 ให้ทำการตรวจสอบนายรักเกียรติเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งทาง ป.ป.ช. พบว่า นายรักเกียรติมีทรัพย์สินจำนวน 103.8 ล้านบาท ที่ไม่สามารถชี้แจงได้ แจ้งแต่เพียงว่าเป็นเงินที่ได้มาจาการเล่นการพนัน

จากนั้น ป.ป.ช. ได้ส่งเรื่องดังกล่าวไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นผู้พิจารณาต่อไป ซึ่งศาลก็มีคำตัดสินยึดทรัพย์จำนวน 103.8 ล้านบาท และในส่วนคดีอาญา ป.ป.ช. พบว่าในจำนวนเงินดังกล่าว มีเงินอีก 5 ล้านบาท ที่นายรักเกียรติได้รับสินบทจากบริษัทยา จึงส่งมอบให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และก็ศาลมีคำพิพากษาให้นายรักเกียรติจำคุก 15 ปี

นอกจากนี้ในส่วนของ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมช.หมาดไทย และอดีตเลขาฯ ของนายรักเกียรติสมัยนั้น หลุดไปในชั้นการสอบสวนของ ป.ป.ช. ต่อมาภาคประชาชนจึงผลักดันให้ นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีต รมว.สาธารณสุข ต่อจากนายรักเกียรติ ทำการตรวจสอบคดีทั้งระบบ จึงมีการตั้งคณะกรรมการสอบ โดยมี รศ.ธงทอง จันทรางศุ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้น เป็นประธาน ปรากฏว่า มีการชี้มูลว่า มีกลุ่มคนสีดำอยู่ 4 คน หนึ่งในนั้นคือ นายปรีชา แต่นางสุดารัตน์ก็ไม่ได้มีการนำผลการสอบไปดำเนินการแต่อย่างใด

จึงเป็นเหตุให้ตนต้องทำการร้องทุกข์กล่าวโทษกับนางสุดารัตน์ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในปี พ.ศ.2548 กับ พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ในขณะนั้น แต่ก็ยังไม่มีรายงานความคืบหน้าแต่อย่างใดจนถึงบัดนี้

ทั้งนี้ ตนเคยทำเรื่องขอหนังสือเพื่อขอดูรายละเอียดผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบชุดนายธงทอง ทั้งนายธงทอง และ รมว.สาธารณสุข ในขณะนั้น แต่ก็ไม่เคยได้รับการอนุญาตแต่อย่างใด

เมื่อถามว่าเมื่อนายปรีชาได้เป็น รมช.มหาดไทย ในชุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) สมชาย 1 มีความเหมาะสมหรือไม่ ทั้งๆ ที่ผลการสอบของคณะกรรมการชุดดังกล่าวระบุชัดว่าเป็นกลุ่มคนสีดำ ที่มีความผิด น.ส.รสนา ระบุว่า ตนไม่อยากจะเอ่ย เรื่องนี้ต้องไปถามรัฐบาลที่นำกลุ่มคนเหล่านี้มาโดยไม่มีการพิจารณาถึงปูมหลังในอดีต

พร้อมกับแสดงท่าทีไม่อยากเอ่ยถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข คนปัจจุบัน และ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ โดยกล่าวเพียงว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทราบกันดีอยู่แล้ว รวมทั้งไม่คาดหวังว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะทำการรื้อคดีกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง

“ไม่ขอฝากอะไร เรื่องเหล่านี้เป็นที่รู้ดีกันอยู่แล้ว ว่าถ้าคนใต้บังคับบัญชา กระทำผิดและไม่ถูกต้อง แต่ก็ยังจะส่งเสริมให้ได้รับตำแหน่งที่สำคัญๆอย่างนี้ สังคมก็เห็นๆ กันอยู่ และคิดว่าคุณเฉลิมคงไม่รื้อฟื้นคดีนี้ขึ้นมาทำแน่ๆ” น.ส.รสนา กล่าว

พร้อมระบุว่าคงไม่ดำเนินการอะไรต่อไปอีก เพราะได้ทำหน้าที่ในส่วนของภาคประชาชนเรียบร้อยทุกประการแล้ว โดยมีการกล่าวโทษร้องทุกข์ ทั้งบริษัทยาที่ให้สินบน และในส่วนของเจ้าพนักงานที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ที่เหลือจึงเป็นส่วนของทางราชการ ซึ่งหากตนยังคงเดินหน้าฟ้องร้อง หรือกล่าวโทษร้องทุกข์อีก คงเหมือนเป็นงูกินหาง และต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีความกับข้าราชการที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หลายคน เพราะยังคงมีการนิ่งเฉยกันถ้วนหน้าจนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าสื่อมวลชนต้องมีส่วนสำคัญในการเร่งผลักดันกระตุ้นคดีความดังกล่าวเกิดการพัฒนา และขอย้ำว่าตนและองค์ในเครือข่ายคงไม่เดินหน้าเรียกร้องอะไรนอกจากนี้ เพราะที่ผ่านมาก็ทำมามากพอแล้ว