คอลัมน์ : ละครชีวิต
ทันทีที่ทราบข่าวว่า “นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์” นายกรัฐมนตรี โทรศัพท์ประสานกับ “นายสนธิ ลิ้มทองกุล” เพื่อเจรจายุติปัญหาแล้วรู้สึกว่า อันธพาลที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาล ยิ่งใหญ่จริงๆ
ยิ่งใหญ่ขนาดนายกรัฐมนตรีต้องลดตัวลงมาขออนุญาตสนทนาเจรจาหาทางลงกันเชียวหรือ
ทั้งๆ ที่คนพวกนี้ก่อความวุ่นวายให้กับประเทศชาติ สร้างความเสียหายให้บ้านเมืองอย่างใหญ่หลวง แต่รัฐบาลกลับต้องขออนุญาตเพื่อทำโน่นทำนี้
ถ้ารัฐบาลยอมทำตามข้อเรียกร้องของคนกลุ่มนี้แล้วประเทศชาติจะเป็นอย่างไรต่อไป
มีประชาชนจำนวนมากที่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องยอมให้คนพวกนี้อยู่เหนือกฎหมาย ทำไมต้องยอมรับเงื่อนไขหลายๆ อย่าง
คนเหล่านี้มีสิทธิกำหนดทิศทางประเทศด้วยหรือ “นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย” ที่สู้รบกับเผด็จการมาทั้งชีวิตยังไม่มีสิทธิไปต่อรองด้วยเลย
แล้วข้อหากบฏที่ตอนแรกทำท่าทางขึงขังจะเข้าไปจับตัวมาขังคุก แต่มาจนถึงวันนี้แล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะปราบปรามพวกอันธพาล แถมยังปล่อยให้ลอยนวลออกทีวีต่อรองทางการเมืองอีก
แบบนี้ ขอฝากไปทาง ท่านสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของเมืองไทย ด้วยว่าอย่าทำให้ประชาชนสับสน
อย่าทำให้นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เกิดความเบื่อหน่าย ท้อแท้ และสิ้นหวัง เพราะอุตส่าห์เรียกร้องประชาธิปไตยกันมาจนเกือบตาย
แต่วันนี้เผด็จการกลับเป็นใหญ่ มีอำนาจต่อรองทางการเมือง แถมท่านนายกรัฐมนตรียังต้องฟังเสียงคนพวกนี้เป็นหลักว่าจะเอาอย่างไร
ไม่รู้ว่านาทีนี้ เสียงที่สนับสนุนพรรคพลังประชาชนจะเหมือนเดิมหรือไม่ แต่ก็มีคนจำนวนมากที่บ่นกันเข้ามาว่า ไอ้ที่ฟาดฟันกันจนล้มหายตายจากไปกันทีละคน สองคน บางคนถึงกับสังเวยชีวิต บางคนไม่ถึงตาย ก็ไมเกรนขึ้นสมอง
ตกลงว่า เวลานี้ นาทีนี้ สถานการณ์แบบนี้ตกลงยอมความกันแล้วใช่ไหม ?
เพราะมีข่าวเสนอนิรโทษกรรมให้กับแกนนำพันธมิตรทั้ง 9 คนที่ถูกตั้งข้อหากบฏ รวมทั้งมีสัญญาณบางอย่างให้เจรจากันด้วยดี
คำถามนี้ผมไม่ทราบว่าจะตอบอย่างไร เพราะไม่แน่ใจว่า ท่านนายกรัฐมนตรีสมชายกำลังคิดอะไรอยู่
เวลานี้ได้แต่ปลอบใจ บรรดานักสู้เพื่อประชาธิปไตย ทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลัง และกองหนุนอีกจำนวนมหาศาล
นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย กลุ่มนี้มีเยอะจริงๆ เพราะเท่าที่ได้สัมผัสความรู้สึกนึกคิดแล้วจึงรู้ว่าพวกเขามีอุดมการณ์ที่แน่วแน่
พวกเขายืนกรานเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ยอมยกโทษให้ “กบฏ” ที่ทำลายคนของพวกเขาจนบาดเจ็บล้มตายอย่างแน่นอน
พวกเขายืนกรานว่าไม่ยอมเปลี่ยน “จุดยืน” เพื่อปกปักรักษาประชาธิปไตย
ท่านนายกฯ สมชาย คงจำเหตุการณ์เมื่อครั้งที่นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายรวมตัวกันเพื่อรักษาระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยได้นะครับ
ถ้าจำได้ก็ขอเพียงฟังเสียงคนเหล่านี้บ้าง เพราะแม้จะเป็นเพียงเสียงเล็กเสียงน้อย เสียงคนที่ไม่ได้พูดแล้วดังเหมือนพวกอันธพาลที่ได้รับการเชิดชูจากสื่อมวลชนกระแสหลัก
แต่ก็เป็นเสียงที่ “ทรงพลัง” และมีความหมาย
เขียนแบบนี้ ไม่ใช่ต้องการจะบอกว่าการเจรจาเป็นสิ่งที่ไม่ดี
แต่อยากบอกว่า “ประชาธิปไตย” ยังเป็นสิ่งที่ควรยึดไว้ เพราะเป็นเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ!
ลวดหนาม