WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, September 23, 2008

พธม.อ้างเลือกตั้ง100%จงใจหลอกคนไทย

ซัดแนวคิด “การเมืองใหม่” ถึงจะเปลี่ยนหน้าตาไปอย่างไรก็รับไม่ได้ เพราะแนวคิดยังเป็นการทำลายประชาธิปไตย หวังสืบทอดอำนาจ “อำมาตย์” ชัดเจน แถมข้ออ้างให้มีการเลือกตั้ง 100% หลังแนวคิด 70 : 30 ถูกค้านหนัก ก็แค่เรื่องหลอกลวงประชาชน เพราะการเลือกตั้งส่วนของกลุ่มสาขาอาชีพก็ไม่หนีวิธีการสรรหา ซ้ำยังซื้อเสียงได้สบาย ระบุแบ่งแยกยกย่องแต่กลุ่มที่ทำประโยชน์ให้ตัวเอง

แม้ว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะมีการปรับเปลี่ยนข้อเสนอเรื่องการเมืองใหม่ ที่หลายฝ่ายไม่ยอมรับ จากเดิมที่ให้มีการเลือกตั้งร้อยละ 30 และสรรหาร้อยละ 70 มาเป็นแนวทางที่อ้างว่าให้มีการเลือกตั้งทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ และให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากนั้น แต่ก็ยังไม่วายหมกเม็ดให้เป็นการเลือกตั้งแบบเดิมเพียงครึ่งเดียว ส่วนอีกร้อยละ 50 ให้เป็นการเลือกจากตัวแทนสาขาอาชีพ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับแนวทางลากตั้งตามข้อเสนอเดิม และด้วยแนวคิดดังกล่าวนี้เองจึงเป็นแนวทางที่หลายฝ่ายยังคงไม่เห็นด้วย และมองว่าอย่างไรเสียก็ยังมีเงื่อนไขเป็นเผด็จการอยู่ดี

แนวคิดพันธมิตรดูถูกมนุษย์
นพ.เหวง โตจิราการ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดการเมืองใหม่แบบ ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า เรื่องดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นถึงการดูถูกมนุษย์ เป็นพวกมองเห็นเพื่อนร่วมชาติไม่เท่าเทียมกันโดยถือว่ามนุษย์ที่เหลือนั้นไม่มีความสำคัญ ไปตัดสิทธิของอีกฝั่งหนึ่งออกเพื่อให้ บุคคลอีกกลุ่มได้เลือกคนที่ตัวเองต้องการเข้าไปทำหน้าที่สร้างผลประโยชน์ช่วยเหลือพวกเดียวกัน

ซึ่งสิ่งที่ นายสุริยะใส กตะศิลา คิดออกมาเป็นวิธีคิดบวกลบของเด็กอนุบาล โดยเอา 50 เปอร์เซ็นต์ที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มาบวกกับ 50 เปอร์เซ็นต์ ที่มาจากการลากตั้งของพวกที่เป็นคณาธิปไตย โดยการบวกรวมกันเช่นนี้ทำไม่ได้โดยหลักการของบวก ลบเลขคณิตศาสตร์ เพราะต้องใช้เลขฐานที่เท่าเทียมกันมาบวกกัน

แต่การเอาประชาธิปไตยและเผด็จการมาผสมกันคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งในความพยามใช้แนวคิดการเมืองใหม่ที่ใช้คำว่า 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นเพียงสิ่งที่แก้ไขชื่อเรียกให้ดูดีกว่า แต่แท้ที่จริงไม่ได้ต่างจากของเก่าเลยแม้แต่น้อย

เลือกตัวแทนอาชีพก็ซื้อเสียง
นพ.เหวง ยังกล่าวอีกว่า ส่วนวิธีคิดที่จะมีการเลือกตั้งมาจากสมาคมวิชาชีพ ตนจะยกตัวอย่างสมาคมที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมที่ตนเคยมีโอกาสได้เข้าไปคลุกคลีรู้เบื้องลึกเบื้องหลังการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับการเลือกตั้งของพวกนักการเมืองสกปรกที่ใช้อำนาจเงินหรือบารมีเข้าช่วงชิงตำแหน่งเลย

ฉะนั้น แนวคิดเช่นนี้ เท่ากับเป็นศรย้อนเข้าหาตัว เป็นหอกทมิฬฆ่าทมิฬ เพราะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้เลย แต่กับเป็นการส่งเสริมให้มีการแย่งชิงอำนาจการเมือง สิ่งที่ชี้ให้เห็นได้ชัดจากตัวอย่างที่ตนได้ยกมาซึ่งเป็นประสบการณ์โดยตรงทั้งสิ้น

สรุปได้เลยว่า โดยวิธีคิดของพันธมิตรฯ ยังคงเป็นเผด็จการโดยแท้ และเหมือนเดิม มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่มีแตกต่างจากสัตว์ชนิดอื่นโดยทั่วไป ก็เพราะเป็นสัตว์การเมือง การเมืองทำให้มนุษย์ยังคงเป็นมนุษย์ การที่พันธมิตรฯมาใช้การเมืองใหม่ที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ การใช้ 1 สิทธิ 1 เสียงประชาชนไปนั้นเท่ากับเป็นการดูถูกเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง ดังนั้นการเมืองไทยต้องอยู่ภายใต้ระบอบการเลือกตั้งอย่างแท้จริง จะใช้ประชาธิปไตยบวกอำนาจนิยม อย่างละ 50 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้

ซึ่งคำพูดของนายสุริยะใสทั้งหมดนั้นเป็นการโกหกประชาชน จะใช้วิธีดังกล่าวลิดรอนสิทธิของคนอื่นไปไม่ได้แม้แต่ 0.01 เปอร์เซ็นต์

โมเดลไหนก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย

ด้าน นายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษชน กล่าวถึง ข้อเสนอของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรื่องการเมืองใหม่ให้มีผู้แทนมาจากการเลือกตั้ง 100% โดยมาจากการเลือกตั้งผ่านเขตพื้นที่และผ่านสาขาอาชีพว่า ที่จริงตนไม่อยากให้ความเห็นเรื่องข้อเสนอรูปธรรมของกลุ่มพันธมิตรฯ เนื่องจากเชื่อว่า การเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ แม้จะเสนออะไรก็ไม่เป็นประชาธิปไตยแน่นอน เพราะพันธมิตรฯ มีความเชื่อไปในทางที่เป็นระบอบอำมาตยาธิปไตย โดยอยากได้แต่คนดีมาเป็นผู้นำประเทศ

ทั้งที่หลักการในระบอบประชาธิปไตยนั้นไม่ใช่เรื่องการหาคนดีหรือคนไม่ดี แต่ระบอบประชาธิปไตยต้องอาศัยนักการเมือง แม้อาจจะไม่ใช่คนดีแต่ก็เป็นคนที่ประชาชนต้องการเพราะเป็นที่พึ่งพาของประชาชนได้ ทั้งนี้ถ้าหากพันธมิตรฯ อยากได้คนดีเป็นหลักก็ไม่ต้องให้มีการเลือกตั้งไปเลยจะดีกว่า

นายจรัล กล่าวถึงข้อเสนอให้มีการเลือกตั้งผ่านสาขาอาชีพว่า อาจจะมีปัญหาในเชิงหลักการตามมา เพราะเดิมทีที่มีการเลือกตั้งทั่วไปนั้นอยู่บนหลักการที่ว่าทุกคนมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเหมือนกัน แม้บางคนอาจเป็นคนไม่ดีอาจเป็นนักเลงแต่ก็มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งเช่นกัน

ตัวแทนอาชีพสุดท้ายก็มีแต่เจ้านาย
ขณะเดียวกันประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเองก็สามารถเลือกใครด้วยเหตุผลอะไรก็ได้ เช่น ประชาชนอาจจะเลือก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ด้วยเหตุผลเพราะเป็นคนรูปหล่อ หรืออาจจะเลือกมาเพราะเป็นคนฉลาดมีความสามารถก็ได้ ไม่ใช่การเลือกตั้งเพราะถูกบังคับให้เลือกด้วยเหตุว่ามาจากสาขาอาชีพใด หรือไม่ได้เลือกตั้งเพราะเหตุถูกบังคับให้เลือกผู้หญิงหรือผู้ชาย

"การเลือกตัวแทนสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพเกษตรกร หรือแรงงาน เราก็ไม่มีทางได้ผู้แทนที่เป็นเกษตรกรหรือผู้ใช้แรงงานแท้ๆ อยู่ดี เพราะผู้ที่มีโอกาสลงสมัครหรือได้รับเลือกตั้งก็คงเป็นผู้นำของแต่ละสาขาอาชีพไม่ใช่ผู้ประกอบอาชีพตัวจริง ที่สำคัญคือไม่มีหลักประกันว่าการเลือกผู้แทนแบบนี้จะดีกว่าการเลือกตั้งทั่วไปอย่างไร อีกทั้งหากผู้แทนสำนึกอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นตัวแทนของคนกลุ่มใด ก็จะไม่คำนึงถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ขณะที่ในรัฐธรรมนูญระบุว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่ได้บัญญัติว่าเป็นผู้แทนของเขตพื้นที่จังหวัดหรือกลุ่มอาชีพใดๆ หลักการนี้มีการถกเถียงกันมาเมื่อ 200 ปีที่แล้วในประเทศอังกฤษ และสุดท้ายถือว่าผู้แทนต้องเป็นผู้แทนของปวงชนทั้งประเทศ" นายจรัลกล่าว

และว่าวิธีการเลือกตั้งจากกลุ่มสาขาอาชีพ เคยถูกนำมาใช้โดยพรรคนาซีของฮิตเลอร์ อดีตผู้นำประเทศเยอรมนี และพรรคฟาสซิสต์ของมุสโสลินีในประเทศอิตาลี โดยผู้แทนไม่ได้มาจากการเลือกตั้งทั่วไปของประชาชนแต่เป็นการเลือกตั้งผ่านกลุ่มอาชีพต่างๆ ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วนาซีและฟาสซิสต์ มีบทบาทสำคัญในการกำหนดและคัดเลือกการส่งรายชื่อผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง

พันธมิตรย้ำเลือกตั้ง 100%
ขณะที่วันเดียวกันนี้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และ นายพิภพ ธงไชย ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดย พล.ต.จำลอง กล่าวถึงข้อเสนอการเมืองใหม่ว่า ขณะนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ยังไม่ได้ข้อยุติ แต่ยืนยันว่าจะมาจากการเลือกตั้งของประชาชน 100 เปอร์เซ็นต์ โดยจะมาจาก 2 ทางคือ

1.การเลือกตั้งตามพื้นที่แต่ละจังหวัด และ 2.มาจากตัวแทนของกลุ่มอาชีพ และให้ประชาชนทั่วประเทศเลือกอีกครั้งหนึ่ง เช่น กลุ่มแพทย์ พยาบาล สื่อมวลชน และทหารผ่านศึก ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก ต้องมีสัดส่วนที่จะเข้ามาสู่สภาด้วย

อีกทั้งผู้ที่จะเสนอตัวสมัครรับการเลือกตั้งทั้ง 2 ระบบ ต้องมีคุณธรรม ซื่อสัตย์มากกว่าคนธรรมดา โดยต้องมีการลงสัตยาบันก่อนที่จะลงสมัคร สำหรับการออกแบบเช่นนี้เพราะไม่ต้องการให้นายทุนได้ใช้เงินเข้ามาซื้อสภา และครอบงำทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร สามารถทำอะไรผิดกฎหมายได้โดยไม่มีการตรวจสอบ

พร้อมเจรจาคนมีอำนาจตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีรัฐบาลมอบหมายให้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี จะดึง พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร นักเรียนนายร้อย จปร.รุ่น7 รุ่นเดียวกับ พล.ต.จำลอง มาเป็นผู้เจรจา พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ทางพันธมิตรฯ พร้อมจะเจรจากับทุกคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจ โดยยินดีที่จะเจรจาที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นที่ทำเนียบรัฐบาลหรือให้ออกไปพบที่ใด แต่ตอนนี้หากออกไปจะถูกตำรวจจับกุมตัว ก็สามารถคุยทางโทรศัพท์ได้ สำหรับข้อเสนอของเรายังเป็นเหมือนเดิมที่เคยประกาศไว้ คือต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญและไม่ต้องการรัฐบาลที่มาจากพรรคพลังประชาชน แต่ก็ยังไม่ได้ปิดช่องที่รัฐบาลจะเจรจาแต่อย่างใด

พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า ทางพันธมิตรฯ ไม่ได้มอบหมายให้แกนนำคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่ในการเจรจา แต่หลังจากที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี โทรศัพท์เข้ามาก็ยังไม่มีการติดต่อมาแต่อย่างใด ขอให้รัฐบาลทำสิ่งที่เร่งด่วน คือการจัดตั้งรัฐบาลให้เสร็จสิ้นก่อน พันธมิตรฯ ไม่มีอำนาจไปเร่งรัดอะไรและไม่ได้ปิดช่องทางในการเจรจา รัฐบาลก่อนหน้านี้ที่ไม่เจรจา เพราะไม่ยอมติดต่อมาก็ไม่รู้จะเจรจากับใคร ทางกลุ่มไม่ได้ดึงดันอะไรทั้งสิ้น

ค้านคนใกล้ชิดเจ๊แดงนั่งกลาโหม
ผู้สื่อข่าวถามว่า พันธมิตรฯ อาจลดข้อเรียกร้องลงมา พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดกัน การตัดสินใจของพันธมิตรฯ จะทำโดยคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ต้องนำมาเข้าที่ประชุมของแกนนำ แต่หากเป็นเรื่องสำคัญต้องถามผู้ชุมนุมก่อน

พล.ต.จำลอง ยังกล่าวเตือน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กรณีมีกระแสข่าวว่าจะเอาพล.อ.ทวีชัย องคสิน อดีตเลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่ เพราะอาจทำให้เกิดเสียงครหาได้

เนื่องจากเป็นที่ทราบดีว่า พล.อ.ทวีสิน มีความใกล้ชิดกับทั้ง นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร

ตะแบงไม่เลิกอ้างไม่มีสรรหา
นายพิภพ กล่าวว่า ตามที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งได้ลงว่า การเมืองใหม่จะต้องมาจากการเลือกตั้ง 50 เปอร์เซ็นต์ และสรรหาอีก 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นการตีความเอาเอง ขอยืนยันว่าไม่ได้พูดถึงการสรรหาเลย ต้องมีการเลือกตั้งจากประชาชน 100 เปอร์เซ็นต์ โดยหลักการต้องมีการกระจายตัวแทนไปสู่ทุกภาคส่วน ไม่ใช่กระจุกตัวอย่างที่ผ่านมา ซึ่งการกำหนดสัดส่วนนั้นจะไม่เฉพาะเจาะจงแค่ส่วนอาชีพเพียงเท่านั้น แต่จะรวมถึงภาคส่วนอื่นๆ อาทิ คนด้อยโอกาส และชนกลุ่มน้อยด้วย โดยต้องให้ประชาชนที่สังกัดกลุ่มต่างๆ มาขึ้นทะเบียนเพื่อเลือกตั้งแทนและให้ประชาชนทั่วประเทศเลือกอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามในเรื่องของรายละเอียดโดยเฉพาะสัดส่วนของผู้แทนทั้งสองระบบในสภา ยังต้องเว้นว่างให้สังคมและประชาชนช่วยคิดต่อไป

นายพิภพ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้การเมืองใหม่พันธมิตรฯ เสนอจะรวมถึงการเพิ่มบทบาทและอำนาจหน้าที่ขององค์กรภาคประชาชน สามารถถอดถอนตัวแทนของตัวเองได้ตลอดเวลา รวมทั้งสามารถยื่นฟ้องศาลในคดีเกี่ยวกับการทุจริตของภาครัฐได้โดยตรง ซึ่งคดีทุจริตเหล่านี้ต่อไปต้องไม่มีอายุความ และต้องมีสื่อมวลชนที่มีอิสระอย่างแท้จริง

ด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในวันที่ 27 กันยายน เวลา 14.00 น. กลุ่มพันธมิตรฯ จะเชิญนักวิชาการและผู้มีความรู้ทางสังคมประมาณ 40-50 คน มาระดมความเห็นเรื่องการเมืองใหม่อีกครั้ง