คอลัมน์ : ตะแกรงข่าว
กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่มีสิทธิ์ที่จะมายึกยัก ยื่นข้อเสนอเรียกร้องอะไรได้เลย หลังจากที่มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และมีรัฐบาลใหม่เข้ามาทำงาน เพราะหัวหน้ารัฐบาลประกาศชัดเจนว่า จะทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ยึดถือกฎหมาย และต้องการสร้างความปรองดอง ความสามัคคี ให้เกิดขึ้นในประเทศ นอกจากกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น
หลังจากเราได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สิ่งที่เป็นความหวังความปรารถนาของคนไทยทั้งชาติดูจะแจ่มใสขึ้น เป็นความหวังที่จะลดความร้อนแรง ความสุ่มเสี่ยงทางการเมืองที่มีอยู่ได้
เนื่องจากนายกรัฐมนตรีคนนี้ถือเป็นประเภท “มือประสานสิบทิศ” ชีวิตการงานที่อยู่ในแวดวงของ “ความยุติธรรม” มาโดยตลอด พร้อมจะทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย เพื่อให้บ้านเมืองสามารถเดินไปได้ หลังจากต้องตกหล่มหยุดชะงักลง เพราะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาขัดขวางต่อต้าน กระทำการที่สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้น และยังแสดงเจตนาไม่ยอมรับรัฐบาลนี้อีก และพร้อมจะจับจ้องเล่นงานต่อไปให้ลาออก ทั้งยังห้ามแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกด้วย ผมว่าเป็นเรื่องที่สังคมไม่อาจรับได้
แม้แต่ทหารก็ออกมาตอกย้ำอย่างหนักแน่นว่า ปัญหาทางการเมืองต้องแก้ด้วยการเมืองเท่านั้น
ประธานวุฒิสภาก็ยังเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะคลี่คลายไปในทางที่ดี เพราะบุคลิกของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เป็นคนประนีประนอม และนุ่มนวล จะทำให้แก้ปัญหาทางการเมืองได้ ขอให้ทุกฝ่ายให้โอกาสนายสมชาย และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ได้ทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเองก่อน
พร้อมกันนี้ มีเสียงเรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คืน “ทำเนียบรัฐบาล” ให้รัฐบาล ใช้เป็นที่ทำงานแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชน และสร้างความเชื่อถือต่อระดับนานาชาติ เพื่อให้ออกไปยืนบนเวทีโลกได้อย่างสง่างาม มีเกียรติ เพราะนั่นเป็นความพอใจและความต้องการของประชาชน ทั้งยังเป็นเกียรติยศชื่อเสียงของประเทศชาติ
ทำเนียบรัฐบาล นอกจากเป็นศูนย์กลางอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว ที่ “ตึกแดง” เป็นที่ทำงานของกองประกาศิต สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นสถานที่สำคัญที่จัดเก็บรักษาตราพระราชลัญจกร ตราแผ่นดิน
พระราชลัญจกร คือ ตราหรือเครื่องหมายรูปลักษณ์ต่างๆ ซึ่งสร้างขึ้นสำหรับใช้ตีหรือประทับ หรือปิดผนึกบนเอกสาร ทั้งที่เป็นเอกสารทางราชการ หรือเอกสารส่วนพระองค์ จำแนกตามรูปแบบหลักการใช้ได้หลายองค์หลายประเภท ตามโบราณราชประเพณี
ถือว่าเครื่องราชลัญจกรเป็นเครื่องมงคลอย่างหนึ่ง ในหมวดพระราชสิริ ประกอบด้วย พระสุพรรณปัฏปรมาภิไธย ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกรประจำพระองค์
ตามพระราชประเพณี การประทับกำกับพระปรมาภิไธยประจำรัชกาลบนเอกสารและหนังสือสำคัญของแผ่นดิน ทั้งหมดล้วนเป็นตราประทับที่แสดงถึงพระราชอิสริยยศ พระเกียรติยศ และพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ไทย
กล่าวได้ว่า ตราพระราชลัญจกร เป็นหลักฐานสำคัญอย่างหนึ่งของประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมของชาติ ที่ควรค่าแก่การรักษาไว้ชั่วกาลนาน
ดังนั้นการแสดงออกถึงความไม่บังควรในทำเนียบรัฐบาล ถือเป็นความอัปยศอดสู ลบหลู่เบื้องสูง ส่อให้เห็นถึงการไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรอย่างไร
ทางที่ดีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องแสดงความกล้าหาญ และความรับผิดชอบ ถอยออกมาจากทำเนียบรัฐบาลเถอะครับ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาทำกันเล่นๆ เพียงเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ประกาศชัยชนะเหนือรัฐบาลที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ต้องการเท่านั้น
ผมมีความเชื่อย่างสุจริตใจว่า คนไทย พูดภาษาไทย รักประเทศไทยกันทุกคนครับ
ถ้ายังพูดภาษาไทยกันไม่รู้เรื่อง ก็ต้องถามกันตรงๆ ว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นคนไทยหรือเปล่า รักประเทศชาติ มีความกตัญญูรู้คุณต่อแผ่นดินเกิดหรือไม่
ถ้าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คิดว่า “การเมืองใหม่” นี่แหละใช่เลย...ก็ต้องทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนให้รู้ลึกรู้จริงให้ได้ว่า หน้าตาเป็นอย่างไร อย่าทำลับๆ ล่อๆ คลุมหน้าเป็นไอ้โม่ง
การจะเดินไปสู่จุดนั้นเป็นไปได้ถ้าดีจริง แต่ต้องไม่ชงเองกินเอง คิดเองทำเอง ต้องไม่ดื้อรั้น แม้จะเชื่อว่า “การเมืองใหม่” จะสร้างอะไรที่ดีงามให้เกิดขึ้น ก็ต้องให้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมคิดร่วมทำด้วยอย่างเต็มใจและเข้าใจ เพื่อนำไปสู่การยอมรับจริงๆ
“การเมืองใหม่” ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ถ้าเกิดขึ้นจริงจะมีผลกับประชาชนคนทั้งชาติอย่างแน่นอน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จะเห็นได้จากการที่มี “ผู้รู้” ทั้งหลาย ออกมาแสดงความคิดเห็นติติงว่ายังไม่เห็นด้วย
ระหว่างที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถอยออกมา ก็ขอให้ช่วยกันขบคิดว่า สิ่งที่ได้ที่ทำลงไปนั้นมีความเหมาะสมมากน้อยอย่างไร มีวิธีการหรือกระบวนการอื่นที่สามารถทำได้อีกหรือไม่
จะคิดการใด ต้องเอาประชาชนและประเทศชาติเป็นตัวตั้งครับ
ถ้ายังคิดว่าถูกต้อง ก็ขอให้ชี้แจงแสดงเหตุผลไปให้ครบถ้วน ไม่มีการหมกเม็ดอำพราง ต้องไร้ข้อกังขา
ถ้าเป็นเรื่องที่ยังมี “ความสุ่มเสี่ยง” หรือยังเป็นไปไม่ได้ หรือเป็นไปแล้วรังแต่จะสร้างความเสียหาย ความแตกแยกวุ่นวายให้เกิดขึ้น ก็ขอให้คิดพิจารณาให้ดี อย่าดันทุรัง
ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนอยากเห็นความปรองดองสมานฉันท์เกิดขึ้นมาได้จริงๆ เพราะนั่นหมายความว่าสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นตามมาอีกมากมาย อย่างน้อยได้เห็นว่า คนไทยพูดภาษาไทยกันรู้เรื่อง ไม่ต้องมาโกรธเคืองเคียดแค้น เกิดความร้าวฉานแตกแยกกันอย่างที่เกิดขึ้นทุกวันนี้
เรียกได้เต็มปากว่า เป็นความอัปยศของประเทศชาติจริงๆ
ถามว่า...เรายังจะให้สิ่งเลวร้ายเหล่านี้ดำรงอยู่ และทอดเวลาให้เนิ่นนานออกไป ยังต้องให้สร้างความเสียหายทั้งในด้านเกียรติยศชื่อเสียงของประเทศชาติ รวมทั้งเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ ที่ไม่สามารถโงหัวขึ้นมาได้อย่างนั้นหรือ
เรายังต้องการให้คนในบ้านเมืองแตกแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย ยังมุ่งเอาชนะกันโดยไม่ใช้เหตุผล ไม่คำนึงถึงกฎบัตรกฎหมายของบ้านเมืองอย่างนั้นหรือ
รวมไปถึงพรรคการเมืองเก่าแก่ ที่จ้องฉกฉวยโอกาส ช่วงชิงผลประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้นหรือ
อย่าให้บ้านเมืองมี “นิติรัฐ” แค่ลมปาก ในขณะที่การใช้ “กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย” ยังมีให้เห็นตำตา ซึ่งจะมีผลต่อความมั่นคงของประเทศ
การที่กลุ่มพันธมิตรฯ ต้องเปลี่ยน “การเมืองใหม่” จากลากตั้ง 70% เลือกตั้ง 30% มาเป็น 50 : 50 ไม่ใช่เพราะแกนนำยอมรับในเสียงท้วงติงคัดค้านว่าเป็นการทำลายประชาธิปไตย แต่เป็น “หมาก” ที่ถูกบังคับให้เดินต่างหาก ทำให้สิ่งที่หวังไว้ต้องรอไปก่อน...ก็เท่านั้น
อัฐศิริ