WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, September 26, 2008

ไม่มีเสียงตอบจาก...จรัญ ภักดีธนากุล

คอลัมน์ : ความจริงวันนี้

รายการความจริงวันนี้ เมื่อคืนวันที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมา นายวีระ มุสิกพงศ์ ในฐานะผู้ดำเนินรายการ และ 2 แขกรับเชิญ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ยังคงออกเปิดประเด็นความจริง อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นของ นายจรัญ ภักดีธนากุล หนึ่งในตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่พลิกพจนานุกรมตัดสิน จนนายสมัคร สุนทรเวช ต้องพ้นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่ตัวเองกลับไปรับจ้างสอนหนังสือ จนเป็นคำถามถึงบรรทัดฐาน รวมไปถึงจริยธรรม และความสำนึก

วีระ – สวัสดีครับ รายการความจริงวันนี้ วันที่ 23 กันยายน 2551 เรายังไม่ได้รับคำตอบจากคุณจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คุณลักษณะของท่านเหมาะที่จะเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต่อไปหรือไม่

ณัฐวุฒิ – คุณวีระตั้งใจจะถามทุกวันหรือครับ

วีระ – ต้องถามกันทุกวัน ทวงกันทุกวันครับ เพราะว่ามันเป็นประเด็นข้อกฎหมาย จะถามจนคุณ จรัญ อายุ 70 ปี เพราะว่าคำตอบถ้าเฉลยออกมาแล้วมันจะกระทบกับคนอื่นๆ อีกหลายคน รวมทั้งในองค์กรอื่นๆ ซึ่งเป็นองค์กรที่มีกฎหมายบัญญัติไว้ในลักษณะเดียวกัน เราทวงกันแค่นี้ก่อน

วันนี้เรามีบทความสำคัญๆ ของคนที่มีความสำคัญเช่นเดียวกัน แสดงความคิดเห็นมาหลายเรื่อง แต่คัดแล้วคิดว่ามี 3 เรื่อง เพราะว่าเมื่อคืนนี้เอาเรื่องเดียวครับ เอาของอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ ซึ่งแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรพันธมารในทำเนียบรัฐบาล แล้วเสนอทฤษฎีการเมืองใหม่ให้กับสังคมไทยรับไว้พิจารณา อาจารย์นิธิบอกว่า เป็นการเอาทำเนียบรัฐบาลเป็นตัวประกัน ก็เท่านั้นแหละครับ

ณัฐวุฒิ – ผมไม่ได้ดูหรอกครับ แต่ผมฟังเอาในรถ ระหว่างเดินทางกลับบ้าน คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข กำลังบรรเลงเต็มที่เลยครับ

จุตพร – คือกลายเป็นว่าการเมืองใหม่นี้ ใครเห็นต่างไม่ได้

ณัฐวุฒิ – เป็นนักประชาธิปไตยที่ใครเห็นต่างตาย

วีระ – เอาล่ะ ไม่เป็นไร เมื่อเข้าใจเสียเช่นนั้นแล้วก็แล้วกันไป แต่วันนี้ครับผมจะเริ่มที่บทความของ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ซึ่งเป็นนักเขียนอยู่ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ แต่ว่าลงในฉบับวันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2551 หัวข้อของเขาชื่อว่า “นายกฯสมชายควรเปิดรายงานความเท็จวันนี้”

“รายการความจริงวันนี้ ทางสถานีโทรทัศน์ NBT หรือ ช่อง11 เดิม ผมขอเปลี่ยนชื่อเป็นรายการความเท็จวันนี้ หรือรายการใส่สีตีไข่น่าจะเหมาะสมที่สุด มีการสร้างภาพสอบถามความคิดเห็นจากประชาชนในประเด็นต่างๆ ซึ่งคนเขารู้กันทั้งประเทศว่าตัวเลขที่ขึ้นจอTVนั้นเป็นตัวเลขที่จัดทำขึ้นมาเอง หรือส่งข้อความมาเชียร์เข้าข้างคนจัดฝ่ายเดียว ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ทำให้จับได้ว่าข้อความที่ส่งมานั้น จัดทำขึ้นมาเอง เล่นเอง แสดงเอง เชียร์เอง ชมเอง ให้คะแนนเอง

โดยไม่เกิดความละอายในสิ่งที่ตัวเองกระทำ ต้องขอบอกว่ารัฐบาลที่ผ่านมาหมาดๆ เจ๊งเพราะรายการความเท็จวันนี้ ทางช่อง NBT ส่วนรัฐบาลที่เพิ่งเข้ามาหมาดๆ จะเจ๊งหรือไม่เจ๊ง หรือจะอยู่นานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่านายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง หรือจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ขัดตาทัพ ที่คอยทะเลาะกับชาวบ้าน หรือสร้างความขัดแย้งอย่างที่เป็นอยู่ก็เลือกเอา

หากไม่ต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย หรือไม่คิดที่จะแก้ปัญหาบ้านเมืองก็ให้มีรายการความเท็จวันนี้อย่างที่ทำกันอยู่ต่อไป แทนที่จะเอาเวลารายการมาออกอากาศไปใช้กับการแสดงผลงานหรือแสดงนโยบายอันเป็นแนวทางในการบริหารประเทศ หรือให้ความรู้ประเทืองปัญญาประชาชนคนดู กลับให้คนจัดรายการ 3 คน ได้แก่ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ไม่มีความรู้ความสามารถอะไร ออกมาให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงกับประชาชน และออกมาสร้างความแตกแยกให้คนในชาติทุกวี่วัน ก็เป็นเรื่องแปลกที่รัฐบาล คือฝ่ายที่จะต้องใช้สื่อของรัฐให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด กลับเบียดบังเวลาของรัฐมาสร้างประโยชน์ให้กับตัวเองอย่างไม่อับอาย ไม่ละอายใจว่า สิ่งที่ทำอยู่นั้นเป็นการสร้างปัญหาให้เกิดความแตกแยกให้กับคนในชาติ

อันเป็นการขัดต่อความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองในการบริหารราชการแผ่นดิน การใช้สื่อของรัฐฯทุกๆรัฐบาลควรต้องสร้างมาตรฐานใช้สื่อของรัฐให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชนให้มากที่สุด การจัดรายการความเท็จวันนี้โดยการแสดงผลงานเพียงเพื่อปูทางให้ตนเองเป็นบุคคลสำคัญในพรรค หรือให้เจ้าของเงินเห็นผลงาน แล้วจะได้สร้างเงินสร้างเงินต่อไป

โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง เห็นนายกฯสมชายพยายามที่จะเสนอการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองสู่ยุคสมานฉันท์ แก้ปัญหาแตกแยกของคนในชาติ ผมจะดูเป็นอันดับแรกว่า นายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะยุบรายการความเท็จวันนี้หรือไม่ หากยังคงปล่อยรายการความเท็จวันนี้อยู่ต่อไปแสดงว่า นายกฯ สมชาย ไม่มีเจตนาที่จะแก้ปัญหาความแตกแยก หรือไม่คิดจะแก้ปัญหาบ้านเมือง โดยการสร้างความสมานฉันท์เหมือนกับที่ได้พูดไว้ ขอย้ำเตือนว่ารายการความเท็จวันนี้คือตัวสร้างความแตกแยกให้คนในบ้านเมือง จึงขอให้นายกฯ สมชาย ปิดหรือยกเลิกรายการนี้เสีย เพราะรายการดังกล่าวเป็นตัวทำลายรัฐบาลในที่สุด”

ณัฐวุฒิ – เรามาดูประเด็นที่ คุณเสรี สุวรรณภานนท์ เขียนกันครับ

วีระ - คุณเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นรองประธาน สสร. จัดทำรัฐธรรมนูญ 2550 ที่เป็นปัญหาอยู่จนถึงทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นสามารถจะกล่าวได้ว่า อาชีพหลักของคุณเสรี เป็นทนายความ แต่มารับหน้าที่เป็นลูกสมุนให้เผด็จการที่ทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549

ผมขอบอกแบบนี้ครับว่า บทความที่เขียนวันนี้เข้าใจว่า เป็นบทความที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณเสรี เขียนออกมาแล้ว “โอ..ดีมากครับขอให้ทำหน้าที่ของท่านต่อไป ขอให้ลิ้นจงเป็นกระดาษทราย น้ำลายจงเป็นชะแล็ก เป็นคุณสมบัติพิเศษสำหรับคนที่จะเป็นสมุนเผด็จการ

ณัฐวุฒิ – ผมเรียนว่านี่ไม่ใช่เป็นการชวนมาทะเลาะกัน เพียงแต่ว่าสังคมนี้มันต้องอยู่กับความจริงและมันต้องอยู่ด้วยเหตุด้วยผล

คุณเสรีเพิ่งออกมาแสดงความเห็นถึงรายการนี้อย่างจริงจังเป็นครั้งแรก ตั้งแต่กรณีเราหยิบยกรัฐธรรมนูญ มาตรา 207 ที่บอกว่า ประธานและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องไม่เป็นลูกจ้างของบุคคลใด ต้องไม่ประกอบวิชาชีพอิสระอื่นใด ซึ่งคำว่าลูกจ้างเมื่อศาลรัฐธรรมนูญตีความรายการชิมไปบ่นไปของ คุณสมัคร สุนทรเวช มันครอบคลุมเหลือเกิน เพราะว่าตีความจากพจนานุกรม

ประเด็นก็คือ คุณจรัญ ภักดีธนากุล หนึ่งในตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราแน่ใจว่าน่าจะมีมากกว่านี้ แต่เราหยิบยกตัวอย่างเพียง 1 ท่าน ได้ไปเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยแห่งรัฐ มหาวิทยาลัยเอกชน และทราบว่าไปเป็นผู้จัดรายการพิเศษทางสถานีวิทยุด้วย นั่นเท่ากับว่าเป็นลูกจ้างของผู้ใดหรือไม่ และหากว่าเป็นลูกจ้างของผู้ใดก็จะต้องพ้นสภาพตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่

เราก็ตั้งคำถามกันอย่างนี้ คุณจรัญ ไม่ตอบแต่คุณเสรีออกมาตอบ หยิบยกเอารัฐธรรมนูญ มาตรา 50 บอกว่าเป็นเสรีภาพทางวิชาการ สรุปความว่า คุณจรัญสามารถทำได้ เพราะว่าการสอนหนังสือเป็นการใช้เสรีภาพในทางวิชาการ ไม่ได้หวังประโยชน์หรือกำไร

ประเด็นคำถามต่อมาก็คือว่า แล้วที่ไปสอนหนังสือได้รับค่าตอบแทนหรือไม่ ค่าตอบแทนที่ได้รับเป็นค่าจ้างหรือค่าอะไร หากได้รับเป็นค่าจ้าง มาตรฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน “รายการชิมไปบ่นไป” เท่ากับเป็นลูกจ้าง หรือเขาจ่ายเป็นค่าเสรีภาพ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ยากเลยเพราะเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นสำเร็จสมบูรณ์แล้ว เพียงแค่คุณจรัญ ตอบ หรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตอบ เรื่องก็จะได้กระจ่าง ผมเข้าใจว่าคนเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญซึ่งต้องเป็นคนที่มีมาตรฐานคุณธรรมจริยธรรมสูงมากกว่าบุคคลใดก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน คุณเสรีที่ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบอะไรเลยก็รีบออกมารับผิดชอบเรื่องนี้

การที่บอกว่า รายการนี้จัด แล้วก็สอบถามความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งคุณเสรีบอกว่า “จับไต๋ได้ว่า ข้อความที่ส่งมานั้นจัดทำขึ้นเอง เล่นเอง แสดงเอง เชียร์เอง ชมเอง ให้คะแนนเอง โดยไม่เกิดความละอายในสิ่งที่ตัวเองกระทำ

ผมเรียนอย่างนี้ครับว่า ถ้าเป็นอย่างที่คุณเสรีพูด พวกผมจะละอายมาก และถ้าใครใน 3 คนนี้เสนอให้ทำแบบนี้นะครับ รายการนี้แตกครับ เพราะไม่มีใครยอมรับวิธีการแบบนั้น

วีระ – คือผมบอกอย่างนี้แล้วกันว่า ยางอายของคุณ กับยางอายของพวกผมไม่เท่ากันแน่ แต่ยางอายของใครหนากว่ากันมัน พิสูจน์ไม่ยาก

จตุพร – และที่สำคัญที่สุดที่คุณเสรีจะต้องรู้ไว้นะครับว่า ข้อความที่ส่งมาทาง SMS มันบันทึกอยู่ในคอมพ์ ซึ่งสามารถจะพิสูจน์ได้ และในแต่ละวันก็มีการรวบรวม เพราะฉะนั้นนี่เป็นประเด็นที่ นายเสรี ได้หมิ่นประมาทนอกจากรายการความจริงวันนี้พวกเราทั้ง 3 คนแล้วนั้น ยังหมิ่นประมาทประชาชนที่ส่งข้อความผ่านทาง SMS มา เพราะมันมีการพิสูจน์ได้ไม่ยาก ทั้งข้อความ หมายเลขโทรศัพท์ก็อยู่ในคอมฯ

ณัฐวุฒิ – คือเบอร์โทรศัพท์ที่ขึ้นบนจอที่ปรากฏหมายใน 4 ตัวท้ายเป็น XXXX แต่เวลาคอมพิวเตอร์บันทึกมันจะปรากฏหมายเลขโทรศัพท์เต็มทั้งหมด ซึ่งตรวจสอบได้ ว่าเป็นเบอร์ของใคร คือถ้าพวกผมทำแบบนั้น ผมยอมไม่ต้องโหวตดีกว่าสบายใจกว่า

จตุพร – คือขอร้องเรียนว่า นายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นบุคคลที่ขึ้นเวทีกับกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งรอบแรกเมื่อล้มรัฐบาลทักษิณ แล้วก็มารอบนี้ขึ้นเวทีปราศรัยพูดในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และถ่ายทอดASTV โดยการกล่าวหารัฐบาลฝ่ายเดียวเช่นกัน ถามว่านั่นเป็นการสร้างความสมานฉันท์ให้กับคนภายในชาติตามความหมายของคุณเสรี หรือไม่

ประเด็นต่อมาก็คือว่า ที่นายเสรีบอกว่า “หากไม่ต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย หรือไม่คิดจะแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ก็ขอให้มีรายการความเท็จวันนี้” และนี่ก็เป็นการใส่ร้ายเหมือนกัน ผมบอกว่าอะไรที่เป็นความเท็จก็ขอให้แสดงมา แต่ตัวตนของคุณคืออยู่กลุ่มพันธมิตรฯ และก็มีประเด็นหมิ่นประมาทก็คือว่า ผมทั้ง 3 คน เป็นคนที่ไม่มีความรู้ความสามารถอะไร

ต่อมาบอกว่าการจัดรายการความเท็จวันนี้โดยการแสดงผลงานเพียงเพื่อปูทางให้ตนเองเป็นบุคคลสำคัญในพรรค หรือให้เจ้าของเงินเห็นผลงาน แล้วจะได้สร้างงานสร้างเงินต่อไป โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง คือผมว่าสุดท้าย คุณเสรี เป็นทนายความ หรือจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ที่เราวิพากษ์วิจารณ์ตัวคุณ เวลาที่คุณนั่งทำหน้าที่เป็นประธานสสร. ในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญบางมาตรา องค์ประชุมไม่ถึงครึ่งคุณไม่เคยตอบคำถามเลย

เพราะถึงที่สุดคุณเล่น “คามิคาเซ่” ไม่สมฐานะ ของการเป็นทั้งอดีตวุฒิสมาชิก รวมกระทั่งประธาน สสร. อย่างที่ว่านี้แต่ทั้งหมดก็คือว่าจะได้มีการพิสูจน์กันว่าสิ่งที่คุณพูดนั้นมีความเท็จ แต่ที่คุณเสรี เขียนบทความหมิ่นประมาทแบบนี้ก็ต้องดำเนินคดีกันไป

วีระ – ว่าแต่ว่ามีความสำคัญพอถึงขนาดที่จะฟ้องเลยหรอครับ

จตุพร – ความเห็นของผมคือว่า การที่คน 1 คนไปทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ เป็นประธานในที่ประชุมแล้วองค์ประชุมไม่ครบ รัฐธรรมนูญมันก็พิกลพิการอยู่แล้ว และที่สำคัญที่สุดคือมากล่าวหาคนอื่นว่าสร้างความแตกแยกและพูดความเท็จ ทั้งที่ตัวคุณขึ้นเวทีพันธมิตรฯ แล้วก็ถ่ายทอดASTV “หรือ คุณว่าไม่จริง คุณเสรี”

ณัฐวุฒิ – ผมว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นเหมือนกัน ว่าที่คุณเสรีบอกไว้ในบทความ ต้องขอบอกว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านมาหมาดๆ เจ๊งเพราะรายการความเท็จวันนี้ทาง NBT ตกลงศาลรัฐธรรมนูญเขาตัดสินเพราะรายการนี้หรือ

วีระ – ตกลงว่าไม่รวมคุณจรัญใช่ไหม เอาอย่างนี้ดีกว่า คือให้ร่วมคนอื่นใครก็ตาม แต่ถ้าเข้ามาตรานี้โดนหมด แต่กับคุณจรัญ ยกเว้น เพราะว่าเป็นวิทยากรให้ความรู้

ณัฐวุฒิ – คือเป็นอะไรกัน คือตัวเองร่างรัฐธรรมนูญ ตัวเองเห็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญ เอาพจนานุกรมมาตีความ เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันชัดหมดอยู่ในตัวหมด ในเหตุผลว่านายเสรีมาชี้แจงแทน นายจรัญในฐานะอะไร

วีระ- ไม่ใช่กิ๊กก็แล้วกัน

ณัฐวุฒิ – ประเด็นที่ 2 ที่จะต้องถาม นอกจากมาตรา 207 เขียนไว้อย่างนั้นหรือเปล่า ประเด็นที่ 2 ก็คือว่า คุณจรัญ ภักดีธนากุล เป็นอาจารย์พิเศษสถาบันนั้น สถาบันนี้ มันจริงหรือไม่ ทุคนสามารถตรวจสอบได้ โดยเปิดเว็บไซต์มหาวิทยาลัยรังสิต หรือมหาวิทยาลัยต่างๆ ดูได้

จตุพร – นี่คุณณัฐวุฒิ ไม่ใช่เฉพาะค่าสอนนะครับ แม้กระทั่งค่าประชุม ค่าตรวจข้อสอบ มีหลักฐานหมด ผมจึงบอกว่าทำไมคุณจรัญ ภักดีธนากุล ไม่ออกมาชี้แจง

วีระ – มีหน้าที่ออกมาทำให้คุณจรัญ ยิ่งเจ็บ “ยิ่งพูด ก็ยิ่งเจ็บ”

ณัฐวุฒิ – ผมขอหารือ ทั้ง 2 ท่านนะครับว่าเพื่อให้สังคมเกิดการศึกษาเรียนรู้ร่วมกัน และเพื่อให้คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเป็นบรรทัดฐานที่จะใช้ได้เสมอเหมือนกันกับกฎหมายที่มีระบุคำว่าลูกจ้างกับคนไทยทั้งประเทศ เราก็จะรอดูสัปดาห์นี้ว่าท่านจรัญ หรือท่านตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านใดจะชี้แจงเรื่องนี้ ให้เป็นความรู้ ให้เกิดปัญญากับสังคมหรือไม่

หากไม่มีเช่นนั้น ผมจะต้องขออนุญาตสัปดาห์หน้า ผมขออนุญาตเดินทางไปที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อที่จะไปขอพบ ท่านประธาน ชัช ชลวร เพื่อที่จะขอคำชี้แจงเรื่องนี้

วีระ – ถ้าจะไปก็ไปด้วยกันสิ ทำไมจะให้ผมนั่งอยู่ที่สำนักงาน แล้วคุณไปล่ะ

ณัฐวุฒิ – คุณวีระจะไปด้วยนะครับ คุณจตุพรไปไหม

จตุพร – ผมก็ต้องไปสิครับ แต่ว่าที่พูดทั้งหมดก็คือว่า บางครั้งเราก็ต้องไปดูเหมือนกันว่า สุดท้ายคำว่าต่อมจริยธรรม จริยธรรมที่ไม่ใช่คำพูด แต่ว่าเป็นจริยธรรมคุณธรรมที่อยู่ในต่อมในสำนึก ในมโนสำนึก อยู่ในจิตใจนั้นมันจริงเป็นอย่างไร

ณัฐวุฒิ – เอาละครับอาทิตย์นี้ไม่ได้คำตอบอาทิตย์หน้าเราไปด้วยกันนะครับ