พรรคเพื่อไทยเปิดตัวเรียบร้อยไปแล้วมีนายสุชาติ ธาดา-ธำรงเวชรั้งเก้าอี้หัวหน้าพรรค ส่วนรองหัวหน้าพรรค เลขาธิการก็คนหน้าเก่าจากไทยรักไทย และยังมีจากพลังประชาชนอีกด้วย พูดง่ายๆเหล้าเก่าในขวดใหม่...ว่างั้นเถอะ เพียงแต่ว่าจะมากันทั้งพวงหรือจะต้องแยกย้ายกัน แน่นอนว่าความเป็นไปของนักการเมืองในซีกนี้พูดง่ายๆ ก็คือไทยรักไทยเก่าซึ่งเป็นฐานกำลังทางการเมืองที่สำคัญของอดีตนายกฯทักษิณ ด้วยศักยภาพส่วนตัว ด้วยทุนหนา มีนโยบายเข้าถึงรากหญ้าหรือประชานิยม ความทันสมัยเสนอสิ่งใหม่ๆ เหล่านี้ทำให้ไทยรักไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว ชนะเลือกตั้งอย่างขาดลอย เป็นรัฐบาลพรรคเดียวครั้งแรกในประวัติศาสตร์ การเมืองไทย ความนิยมระดับรากหญ้า ระดับชั้นกลางใหม่จากต่างจังหวัด จากชนบทที่มีความรู้สึกว่าพวกเขาได้ฐานเสียงไทยรักไทยจึงกระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ภาคอีสานนั้นที่สุดและเป็นฐานเสียงใหญ่และสำคัญ แม้จะลอกคราบมาเป็นพรรคพลังประชาชน แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิมแม้ไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช จึงได้เป็นนายกฯ เพราะถูกดึงมาเป็นหัวหน้าพรรค “นอมินี” โดยไม่ต้องออกแรงมากนัก จริงๆแล้ว “นายสมัคร สุนทรเวช” ก็ไม่ได้เป็นขวัญใจมหาชน โดยเฉพาะคนอีสานไม่ได้ชมชอบเพราะรู้กันดีว่าประวัติศาสตร์การเมือง ของชายผู้นี้เป็นอย่างไร เพียงแต่ว่าเขาได้เป็นตัวแทน “ทักษิณ” ก็เลยได้รับผลพวงทางการเมืองและการสนับสนุนอย่างที่เจ้าตัวก็งงเหมือนกัน แต่ปรากฏการณ์ในพลังประชาชนที่เกิดปัญหาแตกแยกผ่าซีกอย่างนี้ มีการประลองกำลังทางการเมืองแบบได้เสียมาแล้ว โอกาสที่จะเดินหน้าทางการเมืองร่วมกันต่อไปดูท่าจะยาก เพราะมันมีทั้งการแก่งแย่งชิงอำนาจ ชิงการนำ ชิงผลประโยชน์ การต่อสู้บนเก้าอี้รัฐมนตรีจึงเข้มข้น แม้วันนี้ยังไม่แตกหักแต่ก็เพียงรอเวลาเท่านั้น เพราะนอกเหนือจากการแย่งชิงกันแล้ว ความไว้วางกำลังเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีการเอาคำว่า “เนรคุณ” มาเล่นงานกัน มันเป็นความรู้สึกที่อยู่กันลำบากแน่ หากมีการยุบสภาหรือยุบพรรค พรรคเพื่อไทยคือจุดชี้ชัดว่าพลังประชาชนแตกหรือไม่ หากไม่มีกลุ่มเพื่อนเนวินเข้าร่วมหรือไปก็เพียงส่วนน้อยมันก็คือคำตอบ สิ่งที่น่าสนใจก็คือหากไทยรักไทยมาสู่พลังประชาชนแตกแบบนี้ น่าจะทำให้ดุลการเมืองเปลี่ยนไปอีกครั้งแน่ อยู่ว่ากลุ่มเพื่อนเนวินไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่จะไปรอดหรือไม่จะเป็นแบบแกนนำ ที่มีลูกพรรคเพียบแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะไม่ได้พะยี่ห้อ “ทักษิณ” แต่ที่แน่นอนคือพรรคทักษิณแตกไปอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งน่าจะทำให้ดุลการเมืองเปลี่ยนไปอีกระนาบหนึ่ง อยู่ที่พรรคเพื่อไทยภายใต้ยี่ห้อนี้จะมีนักการเมืองมากน้อยแค่ไหนที่ร่วมวงกันต่อไป และแนวทางการเมือง นโยบายที่บอกว่า “ก๊อบปี้” มาจากไทยรักไทยและพลังประชาชนจะ “ขาย” ได้อีกหรือไม่ จะทำให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง เป็นรัฐบาลนอนมาอย่างไทยรักไทยหรือพลังประชาชนหรือไม่ ต่างๆเหล่านี้มันให้คำตอบอนาคตการเมืองได้ หากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเชิงปฏิรูปอย่างที่มีการผลักดันกันอยู่ แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่เข้าเป้า ไปไม่ถึงเป้าหมาย รากหญ้าอาจเปลี่ยนแปลงความคิดหันไปสนับสนุนพรรคอื่นหรือนักการเมือง ที่โดดเด่นเข้ามาเป็นผู้นำประเทศเพราะเบื่อที่จะเกิดปัญหาขัดแย้งอีก นั่นมันอาจจะมาถึงความล่มสลายของระบบ “ทักษิณ”. “สายล่อฟ้า”