WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, September 23, 2008

2 ปีรัฐประหาร“หางโผล่”


คอลัมน์ : Cover Story

หนังใกล้จบ ผู้ร้าย! “ติดคุก”การเมืองใหม่ 70 : 30 ย้อนยุค

ชินวัฒน์ หาบุญพาด แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นายกสมาคมพิทักษ์สิทธิประโยชน์ผู้ขับรถแท็กซี่ วิเคราะห์ 2 ปี รัฐประหาร 19 กันายน 2549 ประเทศไทยมีแต่ความสูญเสีย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ประเทศเกิดความแตกแยกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เนื่องจากมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เลือกข้างบังคับใช้กฎหมาย เชื่อถึงที่สุดประชาชนผู้รักความเป็นธรรมจะลุกฮือขึ้นมาจัดการเอง เตือน! หมุนกงจักรไปอย่างเก่า ไม่มีทางชนะ การเมืองใหม่ 70 : 30 เป็นการยึดอำนาจเงียบ!

** ประเมินการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่ผ่านมาอย่างไร เพราะขณะนี้ครบระยะเวลา 2 ปีแล้ว
2 ปีแห่งการรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ผ่านมา หากเราจะประเมินว่าบ้านเมืองเราได้อะไร เสียอะไร ผลได้ไม่มี มีแต่ผลเสีย การเมืองเละเหลวหมด เศรษฐกิจหากินกันลำบาก การท่องเที่ยว การค้า การลงทุน เราต้องรับความเป็นจริงว่าเป็นผลกระทบมาตั้งแต่ 19 กันยายน ที่ทำให้ความเลวร้ายมีผลมากที่สุด สังคมแตกแยกกันเป็นหมู่เป็นพวกมากที่สุด ไม่เคยปรากฏครั้งไหนที่แตกแยกกันขนาดนี้ ประชาชนแบ่งแยกเป็น 3 ฝ่าย ฝ่ายพันธมิตรฯ ฝ่ายประชาธิปไตย และฝ่ายอยู่นิ่งๆ แม้แต่ครัวเรือนเดียวกันบางครั้งยังกินข้าวร่วมกันไม่ได้ นี่คือผลพวงที่เกิดมาจาก 19 กันยายน ซึ่งเราอาจจะหาผลสรุปไม่ได้ด้วยซ้ำไปว่าประชาชนจะกลับมารักกันเหมือนพี่น้องเมื่อไร

วันนี้จะเกิดความรุนแรงขึ้น มีฝ่ายใส่เสื้อเหลือง เสื้อแดง เสื้อขาว เป็นเพราะเกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน เป็นต้นมา นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาทำรัฐประหารเพื่อบ้านเพื่อเมือง รัฐบาลโกงกิน รัฐบาลบริหารประเทศชาติไม่ได้ มันมีการทำรัฐประหารเพื่อให้ดีขึ้น แม้จะดีไม่ดีเราไม่ทราบ แต่รัฐบาลในอดีตที่ก่อการรัฐประหารรัฐบาลมีส่วนในการบริหารชาติบ้านเมืองล้มเหลว มีการโกงกินมากมาย แต่ว่าการทำรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 เป็นการทำที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะบ้านเมืองไม่ได้ถูกโกงกินจนได้รับความเสียหาย แต่รัฐบาลของท่าน พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ประชาชนส่วนใหญ่สัมผัสได้ ทุกวันนี้เขายังเรียกร้องหาทักษิณอยู่ เท่ากับว่ารัฐบาลไทยรักไทยในขณะนั้นทำให้บ้านเมืองอยู่ในสถานะที่ดี

แต่เมื่อมีการออกมาขับเคลื่อน ขับไล่ กล่าวหาต่างๆ นานา จนทุกวันนี้สรุปไม่ได้ว่าจริงหรือเปล่า ซึ่ง 2 ปีมานี้ประชาชนเขาเสียความรู้สึกกับการทำรัฐประหาร และประชาชนไม่นึกเลยว่าประเทศชาติของเราเดินทางมาไกลแล้ว ดังนั้น การทำรัฐประหารไม่น่าจะเกิดขึ้น มันน่าจะต้องให้ดำเนินการไปตามระบอบประชาธิปไตย ถ้ารัฐบาลไม่ดีให้สภาเป็นผู้พิจารณา และในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกขับไล่ ทำการคืนอำนาจให้กับปวงชนชาวไทยคือการยุบสภา ให้ประชาชนตัดสินใจว่าถ้าไม่ดีไม่ต้องเลือก แต่ทหารออกมายึดอำนาจ

วันนั้นไม่ได้เป็นการยึดอำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่เป็นการยึดอำนาจของปวงชนชาวไทยไม่ให้มีการเลือกตั้ง เพราะว่ากำหนดการเลือกตั้ง 15 ตุลาคม ในปีเดียวกัน เหลืออีกเดือนเศษๆ ทางคณะรัฐประหารมายึดอำนาจ ถือว่าเป็นการยึดอำนาจของปวงชนชาวไทย ไม่ใช่รัฐบาล เพราะตอนนั้นรัฐบาลอยู่ในช่วงรักษาการ ทำไมไม่ให้ชาวไทยได้ตัดสินใจ ถ้าเป็นดังคำที่ต้องขับไล่ ประชาชนตัดสินใจไม่เลือกเขาเอง แต่นี่การเข้ามายึดอำนาจ แล้วมาทำอะไรอีกหลายอย่าง ปิดประตูไม่ให้พรรคไทยรักไทยและนักการเมืองซีกนี้ทำอะไรอีก แสดงว่าที่ยึดอำนาจนั้นไม่ได้เป็นไปตามข้ออ้าง แต่เพื่อเป็นการล้มล้างการเมืองอีกซีกหนึ่งเท่านั้นเอง

ตรงนี้เป็นความเลวร้ายมากกว่าการยึดอำนาจทุกครั้ง จนกระทั่งวันนี้ 2 ปีแล้ว นอกจากจะทำให้เศรษฐกิจ การเมือง สังคม ต้องแตกแยก วันนี้จิตใจของประชาชนทั้งประเทศมืดมน ไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน และจะไปอย่างไร

แม้กระทั่งกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ยึดทำเนียบรัฐบาลอยู่นี้เป็นผลพวงจากการยึดอำนาจเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ถ้าบอกว่าคณะทหารที่มาทำรัฐประหารกับกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นพวกเดียวกัน ก็ไม่น่าจะผิด เพราะเมื่อปี 2549 กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาเคลื่อนไหวก่อน โดยกล่าวอ้างรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า 1.โกงกิน คอร์รัปชั่น 2.แทรกแซงองค์กรอิสระ 3.หมิ่นเบื้องสูง 4.ทำให้ประชาชนแตกแยกอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งข้ออ้าง 4 ข้อนี้เป็นข้ออ้างของพันธมิตรฯ มาก่อน จำได้ว่าข้ออ้างทั้ง 4 ข้อเป็นของกลุ่มนายสนธิ

วันหนึ่งเป็นวันเกิดของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ชูรูปของ พล.อ.เปรม แล้วพาขบวนมาที่บ้าน 4 เสาเทเวศร์ พร้อมข้ออ้าง 4 ข้อยื่นให้ป๋าเปรม จากนั้นไม่นาน ไม่ถึงเดือน มีการทำรัฐประหาร โดยมีข้ออ้าง 4 ข้อ เหมือนของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ดังที่กล่าวมา ฉะนั้นเราจึงเห็นว่าคณะรัฐประหารกับกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นพวกเดียวกัน เพราะไม่มีข้อแตกต่างกันในตัวอักษรเลยแม้แต่นิดเดียว

วันนี้…เช่นเดียวกันที่กลุ่มพันธมิตรฯ น่าจะอาศัยกลุ่มทหารที่เผด็จการทั้งหลาย อาศัยบารมีตรงนี้ไปบุกยึดทำเนียบรัฐบาล ซึ่งไม่เคยปรากฏเลยว่ามีการชุมนุมประท้วงยึดทำเนียบรัฐบาล นอกจากนั้นกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้ชุมนุมธรรมดา ยังมีการกระทำผิดกฎหมายมากมาย การที่เข้ายึดทำเนียบโดยไม่ให้รัฐบาลทำงานได้ พร้อมกับบุกหน่วยงานราชการอย่าง “เอ็นบีที” เนี่ยนะครับ อันนี้ส่อให้เห็นว่าไม่ได้เป็นการชุมนุม แต่เป็นการล้มล้างแทนทหาร...กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาชุมนุมเรียกร้องให้ทหารทำการปฏิวัติ เรียกเท่าไรก็ไม่มา ใช้ประชาชนยึดอำนาจเสียเอง โดยให้ประชาชนยึดทำเนียบรัฐบาลไว้ สิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเป็นผลพวงมาจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

** แม้ว่า คมช. จะยุติบทบาทไปแล้ว ทางกายภาพไม่มี คมช. แล้ว และสิ่งใดคือตัวชี้ว่าเป็นผลพวงที่ตามมา
แม้ว่าคณะ คมช. จะสลายไปตามกฎหมายแล้ว แต่ความคิดยังมีอยู่ คนกลุ่มนี้ไม่เฉพาะแต่ คมช. มันเป็นอำนาจที่อยู่เบื้องหลัง คมช. เป็นเพียงผู้ออกมาทำรัฐประหาร ไม่ได้ก่อการโดยลำพัง แต่ว่ามีผู้หนุนอยู่เบื้องหลัง ที่เรียกว่าพวกอำมาตยาธิปไตย ที่หวงอำนาจแต่ไม่ยอมลงเลือกตั้ง เพราะเชื่อว่ากลุ่มคนอย่างพวกเขาไม่จำเป็นต้องลงเลือกตั้ง ถือว่ากลุ่มเขาเป็นชนชั้นปกครอง แม้บ้านเมืองเราเปลี่ยนแปลงการปกครองมา 76 ปี ตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2475 จริงๆ แล้วอำนาจแฝงที่เป็นประชาธิปไตยมันมีอยู่ จะเห็นได้ว่าบ้านเมืองเราไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย ถ้ามันจะไปได้ดี สวยงาม มักมีการยึดอำนาจกัน

สมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ มีคำพูดบอกว่า มีนโยบายจะทำสนามรบให้เป็นสนามการค้า หมายความว่า พล.อ.ชาติชาย มองเห็นว่าประเทศต้องกลับเข้าสู่ทุนนิยม ไม่ใช่มัวแต่รบอยู่ ซึ่งถ้าทำแล้วจะเกิดความพัฒนาในบ้านเมือง ทีนี้พวกอำมาตยาธิปไตยเขาทนไม่ได้ที่จะเห็นบ้านเมืองเจริญ เกิดความรักใคร่มากขึ้น เขาต้องตัดตอนโดยการยึดอำนาจ
จากนั้นมาจนถึงยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านมีแนวคิดที่จะบริหารประเทศให้ทัดเทียมนานาประเทศ ที่มีแนวคิดพัฒนาประเทศ เราต้องยอมรับว่าท่านนำพาประเทศไปได้ดี มีความพออยู่พอกิน โครงการปลดหนี้สิน โครงการที่แก้ไขปัญหาความยากจน คนไทยที่ไม่มีที่พึ่งมีสวัสดิการ คนหันเหไปรักรัฐบาล เมื่อก่อนได้รัฐบาลนี้เหมือนได้รัฐบาลนู้น ได้รัฐบาลนู้นเหมือนได้รัฐบาลนี้ ย่ำเท้าอยู่อย่างเก่า เหมือนเดิม แต่พอมาได้คิดใหม่ทำใหม่ เกิดการพัฒนาด้วยโครงการต่างๆ นโยบายต่างๆ เริ่มจับต้องได้ ประชาชนรู้สึกว่ารัฐบาลสามารถทำได้ เกิดความปลูกฝังและรักการเมืองที่มีนโยบายทำได้จริงมากยิ่งขึ้น

สิ่งเหล่านี้ระบอบอำมาตยาธิปไตยเขาอยากปกครองแต่ไม่อยากเลือกตั้ง เพราะไม่ใช่ของที่ทำกันง่ายๆ แต่ถ้าให้อยู่เฉยๆ แล้วกินดีอยู่ดีเขาเอา เขากลัวว่าการเมืองในระบอบประชาธิปไตยจะทำให้ประชาชนเกิดความรักความหวงแหน เขาจึงต้องทำลาย ให้มันอยู่ในระบบไม่ดีเท่าที่ควร หรือให้ประชาชนเกิดความเบื่อหน่ายกับการเลือกตั้ง เราได้เห็นจากการเขียนรัฐธรรมนูญ ที่เขียนให้การเมืองอ่อนแอ

เช่นเดียวกับกรณีของ นายสมัคร สุนทรเวช ใครจะไปคิดว่าแค่ทำรายการผัดกับข้าวในรายการชิมไปบ่นไป จะบอกว่าท่านผัดกับข้าวในวันนี้จะทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหาย มันไม่ใช่ นี่คืออีกเรื่องหนึ่ง เป็นการเอาเรื่องที่ไม่เสียหายมาตัดสินให้เสียหาย บ้านเมืองเราว่างจากการมีนายกรัฐมนตรี ทำให้บ้านเมืองเสียหาย กับการทำกับข้าว กับการที่ให้นายกฯ พ้นจากหน้าที่ อันไหนเสียหายกว่ากัน ตอนนี้มีนายกฯ รักษาการ ทีนี้การที่จะไปทำสัญญาตกลงอะไรที่เราอาจจะมีผลประโยชน์มันชะงักงันไปหมด

** ปัญหาที่มันเป็นอย่างนี้ควรแก้ไขอย่างไร
ผมมองว่า...ทุกวันนี้เราจะแก้ไขโดยการใช้พระราชกำหนดปราบพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาลมันไม่สิ้นสุด เขายังเรียกร้องต่อ และภาคของรัฐธรรมนูญที่เป็นตะปูเรือใบและให้นักการเมืองเดินเข้าไปมันเกิดจากรัฐธรรมนูญ ที่เรารู้กันอยู่ว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ประชาชนไม่ได้เขียน แต่เป็นคนกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาเขียน โดยมุ่งเน้นเขียนทำลายการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง นี่เราเห็นแล้ว นายกฯ สมัคร...ไปแล้ว ต่อมาอาจเป็นหมอเลี้ยบ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รักษาการรองนายกฯ รมว.คลัง คดีหวยบนดิน และต่อมาพรรคอาจถูกยุบ ลักษณะอย่างนี้เป็นการทำลายล้าง ดังนั้นผมคิดว่าที่ต้องทำการแก้ไขคือต้องยกเลิกรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ซึ่งเป็นเงื่อนปมต่างๆ ที่นำไปสู่วิกฤติ ไม่ได้วิกฤติเพราะคน แต่วิกฤติเพราะเงื่อนไข

ตอนนี้กระบวนการยุติธรรมเราหวังพึ่งไม่ได้ เราดูง่ายๆ บางพรรคมีการแจกเงินแจกทองนับล้านบาท จับได้คาหนังคาเขา มีเบอร์ มีเงินเป็นล้านบาท แต่ได้แค่ใบเหลือง แต่บางพรรค เช่น พรรคพลังประชาชน แจกเงิน 100-200 บาท ได้ใบแดงกันทั้งพวง สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้เกิดจากกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตัวบทกฎหมายใช้ได้หากใช้กับคนอย่างเท่าเทียมกัน แต่ ณ วันนี้ต้องยอมรับว่าคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมเราไม่มั่นใจในการวินิจฉัยบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งเราฟังมา พรรคหนึ่งทำเหมือนกัน อีกพรรคทำเหมือนๆ กัน ถูกกล่าวหามาในลักษณะเดียวกัน แต่พรรคหนึ่งไม่เป็นไร อีกพรรคหนึ่งถูกยุบ เป็นผลที่ประชาชนเขารู้อยู่

แต่สุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นกับการกระทำของคน ประชาชนจะทนไม่ไหว ประชาชนถึงที่สุด แล้ววันนั้นเองท่านที่ทำบาปไว้ หรือคนที่เอาเปรียบเขาไว้ต้องรับกรรม

** การแก้รัฐธรรมนูญจะมีแนวโน้มอย่างไร เพราะตอนนี้กำลังจะมีรัฐบาลใหม่ขึ้น
การแก้รัฐธรรมนูญนั้นยอมรับว่า...ทำยาก ต้องอาศัยความกล้าหาญของรัฐบาลว่าจะมีหรือไม่ เราไม่ได้ตำหนิรัฐบาล แต่ที่ผ่านมาเอาบ้างไม่เอาบ้าง ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญมันทำได้ 3 ทาง 1.โดยคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ 2.โดยสมาชิกสภาเป็นผู้เสนอตามขั้นตอน 3.โดยภาคประชาชน ซึ่งเราเคยเห็นทางรัฐบาลทำการเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเหมือนกัน แม้แต่ทาง ส.ส.- ส.ว. มีการลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่พอเห็นกลุ่มพันธมิตรฯ กลับถอยหลังออกมาอีก ตอนนี้เหลือภาคประชาชนที่จะดำเนินการทำต่อ

** จะผลักดันอย่างไรเมื่อมีรัฐบาลใหม่
ตอนนี้ต้องอาศัยทางภาคประชาชนกับทางรัฐสภา เพราะ ส.ส. ถอยหลังไปแล้ว ถ้ามีรัฐบาลใหม่มาเราต้องเข้าไปพูดกับรัฐบาลว่าให้กล้าๆ หน่อย ไอ้เงื่อนปมอยู่ที่รัฐธรรมนูญ ถ้าไม่แก้ให้เป็นประชาธิปไตย เอาปี 2540 เข้ามาปรับปรุง แม้ไม่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ส่วนใหญ่...ใช้ได้ ส่วนรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ส่วนใหญ่มันเป็นกากเดนของเผด็จการ เราเอาออก เราต้องคุยกับรัฐบาล

** คิดว่าอีกกี่เดือน หลังจากมีรัฐบาลใหม่แล้ว
คงไม่กี่เดือนหรอก เพราะหลังจากที่รัฐบาลได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แถลงนโยบายแล้ว เราคงดำเนินการผลักดันเพื่อหารือกับรัฐบาลว่า กฎกติกาเกิดจากรัฐธรรมนูญ เราต้องการตรงนี้ แก้ไขตรงนี้ เอาสิ่งที่เป็นประชาธิปไตย อย่างมาตรา 190 ที่เขียนไว้อย่างไรไม่พ้นวิกฤติ ในการทำสัญญามีการเขียนครอบคลุมเหมือนกับคนไปดักสัตว์ออกทางไหนไม่ได้ อย่างไรก็ต้องเจอ เพราะเขียนครอบจักรวาล มันไม่รัดกุม ทำให้กระบวนการยุติธรรมมีการวินิจฉัยไปตามรัฐธรรมนูญ มีหลายแง่มุม ไม่อยู่ในกรอบที่ชัดเจน อย่างนี้ต้องแก้ไข เอาไว้ไม่ได้

** กลุ่มพันธมิตรฯ อาจโจมตี และหากรัฐบาลชุด นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้ามาแน่นอนว่าอาจจะมีท่าทีอ่อนตามพันธมิตรฯ แล้วจะทำอย่างไร
เราแก้โดยประชาชน แต่เราต้องให้รัฐบาลสนับสนุน เพราะรัฐบาลมี ส.ส. ที่ต้องสนับสนุน เพราะอย่างไรเสียต้องแก้โดยสภา มันไม่ได้แก้ที่เรา 5 หมื่นคน กลุ่มพันธมิตรฯ จะออกมาพูดคงไม่มีน้ำหนักว่าจะแก้เพื่อคนนั้นคนนี้ ถึงอย่างไรสภาเป็นผู้พิจารณา ถ้าสภาไม่เห็นด้วยเราคงไม่ดึงดัน เราคงจะไม่แก้ มันไม่ใช่เรื่องของเรา เราเป็นเพียงผู้เสนอร่างรัฐธรรมนูญเพื่อขอแก้ไข เมื่อสภาจะแก้ พันธมิตรฯ ค้านไม่ได้ เพราะพันธมิตรฯ ไม่ใช่สภา เมื่อเรามอบหมายให้ตัวแทน ส.ส. – ส.ว. ทำหน้าที่ พันธมิตรฯ ก็เรียกร้องอะไรไม่ได้ พันธมิตรฯ เป็นเพียงกบฏ เป็นมาเฟียแผ่นดินเท่านั้น ไม่มีอะไรมาก

** ที่พันธมิตรฯ เรียกร้องให้มีการทำรัฐประหารอยู่เนืองๆ แล้วปัญหาต่างๆ จะจบได้อย่างไร
มองทหารที่ทำการรัฐประหารมา ที่เชื้อสายยังไม่หมด และต้นตอยังอยู่ ผมมองว่าคงจะไม่ลากรถถังมาแล้ว เพราะว่าทั้งกฎหมาย ทั้งรัฐธรรมนูญ เป็นการยึดอำนาจเงียบ องค์กรอิสระต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. กกต. หรืออะไรต่างๆ มันเป็นเชื้อสายของการปฏิวัติอยู่แล้ว ไม่ต้องรัฐประหารนายกฯ สมัคร พ้นหน้าที่ได้ กฎหมายนี่แหละเป็นการคุมอำนาจเงียบ เขาทำตรงนี้ดีกว่า ดีกว่าจะลากรถถังมาให้ชาวโลกมองด้วยสายตาที่ไม่ดี และเขาก็รู้ว่ามีกฎหมายที่ควบคุมนักการเมืองอยู่ มันเป็นการรัฐประหารเงียบอยู่แล้ว

** พันธมิตรฯ เสนอการเมืองใหม่ มองเรื่องนี้อย่างไร
นักวิชาการที่อยู่ข้างพันธมิตรฯ แต่ยังไม่ตอบรับ เพราะอาจจะอายไม่กล้าพูด เพราะว่าไอ้เรื่อง 30 :70 เป็นการยึดอำนาจ รัฐประหารเงียบ เหมือนกัน การควบคุมอำนาจ 70 เปอร์เซ็นต์ โดยคุมคน 30 เปอร์เซ็นต์ทั้งประเทศ เป็นการยึดอำนาจโดยไม่ต้องใช้รถถัง ใน 70 เปอร์เซ็นต์ นี่อย่าคิดว่ามีเท่านี้ ไอ้ 30 เปอร์เซ็นต์ อาจมีส่วนของคน 70 เปอร์เซ็นต์ไปเลือกตั้ง เผลอๆ ได้มามากกว่าประชาชน ดูจาก ส.ว. ที่มาจากสายสรรหา แต่มาลงเลือกตั้งมีไหม ฉะนั้นอย่าดีใจว่าเราเหลือ 30 เราอาจเหลือแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ ฉะนั้น...นี่คือการยึดอำนาจโดยไม่ต้องใช้ปืน ถ้าหากว่านำไปสู่การเมืองใหม่ที่ผมเชื่อว่าไม่ใช่กลุ่มพันธมิตรฯ เป็นผู้คิดแล้วเสนอ แต่พวกอำมาตยาธิปไตยเป็นคนคิด พันธมิตรฯ เป็นเพียงแนวหน้าในการกวนน้ำให้ขุ่นเท่านั้นเอง จริงๆ แล้วมีคนที่อยู่ข้างหลัง มันชัดเจนครับ 70 : 30 ส่วน 70 เขาตั้งกันมา สมมติว่าสภามี ส.ส. 500 ... 30 เปอร์เซ็นต์คือมี 150 คน อีก 350 คนเป็นพวกแต่งตั้งมา ฉะนั้นถ้าเรายอม 70 เปอร์เซ็นต้องเป็นฝ่ายควบคุม แล้ว 30 เปอร์เซ็นต์เป็นฝ่ายค้านที่ไร้คุณภาพ ฉะนั้นเขาไม่ต้องเลือกตั้งให้ลำบาก เป็นรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากในสภาอยู่แล้ว

** ล่าสุดพันธมิตรฯ บอกว่าไม่เอาการเมืองใหม่ แต่จะเอารัฐบาลประชาภิวัตน์-สภาประชาภิวัตน์ โดยไม่ให้นักการเมืองมายุ่ง
ไม่ให้นักการเมืองเข้ามายุ่ง อำมาตยาธิปไตยชัดๆ นักการเมืองคือพวกที่เลือกตั้ง ฉะนั้น รัฐบาลประชาภิวัตน์...ชัดเจนว่าจะเอาพวกอำมาตย์เข้ามาเป็น นี่หนักกว่า 70 : 30 เสียอีก นี่...หางโผล่ ให้เห็นแล้วว่าเขาไม่เอาระบอบประชาธิปไตย เอาระบอบอำมาตย์มาทำการปกครองบ้านเมืองอย่างชัดเจน แล้วที่บอกว่านักการเมืองเลวทั้งหมด เอาตัวอะไรมาวัดว่าดีหรือไม่ดี คุณดูถูกคนทั้งประเทศหรือ คนทั้งประเทศเขาเลือกคนเลวหรือ แม้บ้านเมืองเรามันจะไม่เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ แต่นักการเมืองเขาพยายามรักษาบ้านเมืองไว้ให้ได้นะครับ ถึงทุกวันนี้มันเลวอย่างที่พันธมิตรฯ คิด มันล้มเหลวแล้ว

ผมคิดว่าคิดได้แต่ทำไม่ได้ เพราะประชาชนคนส่วนใหญ่เขาไม่เอาด้วยอยู่แล้ว ไม่มีพลังใดเท่ากับพลังมหาประชาชนที่เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่

ทุกวันนี้ก็ไม่ใช่ว่าพันธมิตรฯ จะชนะนะ มันแพ้มาตลอด ทุกวันนี้ที่ดิ้นมากกว่าเก่าคือแพ้มาตลอด ครั้งแรกเองยังแลดูดีกว่าครั้งนี้ ก็ยังถือว่าเขาแพ้ไม่มาก แต่วันนี้เป็นวันที่แพ้มาก จึงดิ้นมาก มันดิ้นจนต้องไปทนคัน ทนแฉะ ทนเชื้อโรค ไม่รู้จะทำอย่างไร มีไม้เดียว คือลงไปอยู่ในทำเนียบรัฐบาล

** ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วง 2 ปี ที่มีการสนับสนุนรัฐประหาร พันธมิตรฯ และให้มีนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 ล่าสุดมาหนุนเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ ส่วนตัวมองประวัติศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์อย่างไร
พรรคประชาธิปัตย์เราต้องพูดความจริงกันว่าเขาไม่ได้เป็นพรรคเพื่อประชาธิปไตย แต่เป็นเพื่อ พรรคอำมาตยาธิปไตย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2489 ที่ตั้งพรรคกันมา ซึ่งพวกอำมาตย์เป็นพวกตั้ง จะพูดได้ว่าพรรรคนี้เป็นพรรคพวกอำมาตยาธิปไตย พอมีการเลือกตั้ง ส่งตัวแทนไป จับพลัดจับผลูมีคนเลือกเขามาก เข้ามาเป็นตัวแทนของฝ่ายอำมาตย์ เราไม่ว่ากัน แต่มาทุกวันนี้เขาต้องคงสายเลือดความเป็นอำมาตย์ คือเขาต้องเป็นตัวแทนของพวกนี้ตลอดเวลา แน่นอนที่ต้องเห็นด้วยกับ 70 : 30 หรือรัฐบาลประชาภิวัตน์อะไรนั่น เพราะเขาอยู่ในซีกนั้นอยู่แล้ว เพราะคนเขาอยู่ซีกนั้น คล้ายๆ ว่าพรรคการเมืองเกิดมาเป็นระบอบประชาธิปไตย แต่คนอยู่ในระบอบอำมาตยาธิปไตยจะเคลื่อนไหวต่อเมื่อคนพวกนี้ขยับ

ฉะนั้นคนพรรคประชาธิปัตย์เขามีเลือดเนื้อเชื้อไขของอำมาตยาธิปไตย เขาไม่ใช่ประชาธิปไตย วันนี้ชัดเจนที่เขาเป็นห่วงเป็นใยพันธมิตรฯ เหลือเกิน เพราะพันธมิตรฯ เป็นลูกน้องของพวกอำมาตย์ เขาเป็นฐานการเมืองของพวกอำมาตย์ ต้องห่วงกันเป็นธรรมดา โดนอะไรเขี่ยนิดหน่อยลงไปดูแลแล้ว

ทุกวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้พูดถึงประชาชน ตั้งแต่เขาเป็นฝ่ายค้านมาตั้งแต่ปี 2544 พรรคไทยรักไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน เป็นมาจนถึงทุกวันนี้ ถามว่าตั้ง 7 ปีมาแล้วที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นผู้บริหาร เมื่อไม่ได้เป็นควรจะรวมกันนั่งคิดว่าจะทำอะไรให้ประชาชนเมื่อได้เป็นผู้บริหาร แต่นี่...เปล่าครับ 7 ปีทิ้งไปเฉยๆ เขาคิดเพียงอย่างเดียวว่าจะล้มล้างรัฐบาลอื่นได้อย่างไร นี่...เขาไม่ได้คิดเพื่อประชาชน เขาคิดเพื่อตัวเขาเองทั้งนั้น ว่าต้องล้มรัฐบาลอื่นอย่างไรที่ไม่ใช่ซีกของเรา จะได้มาอย่างไรก็ช่าง ขอให้ได้เป็นรัฐบาลแล้วกัน นี่คือพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ที่ผมมองและวิเคราะห์ได้

** พรรคพลังประชาชนที่เกิดมีปัญหาเรื่องการหาตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้น มองว่าอย่างไร
เออ...ผมมองว่าพรรคพลังประชาชนเป็นเหตุผลของเขาเหมือนกัน เราเองไม่อยากไปซ้ำเติมในขณะที่เขายังวุ่นวายในขณะนี้ เหตุผลซึ่งผมได้ยินมาว่า เสียงกลุ่มอีสานที่ออกไปไม่ใช่ออกไปเพราะไปขายตัวขายเสียงอะไร เป็นแต่เพียงว่าเกิดเหตุผลแต่คนละมุมมอง เพราะพรรคพลังประชาชนมีตัวเก็งที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหลายคน บางกลุ่มเขาคิดว่าถ้านายกฯ สมัคร กลับมาเป็นอีก อาจทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย หรือมีการต่อต้านสูงเหมือนเดิม อาจต้องลดดีกรีตรงนี้บ้าง บางคนอาจมองว่าอดีตนายกฯ สมัคร มีคดีหมิ่นประมาทติดตัวอยู่ อาจไม่จบ จึงมีความคิดเห็นที่ต่างกัน

แต่ผมอยากให้ความคิดเห็นนิดหนึ่งว่า ไม่ว่าใครอย่าว่าแต่คนในพรรคพลังประชาชน ให้พรรคร่วมรัฐบาลอีก 5 พรรคมาเป็นนายกรัฐมนตรี ให้ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย นายเสนาะ เทียนทอง ผู้สนับสนุนพรรคประชาราช ล้วนแต่มีปัญหาอย่างนี้ทั้งนั้น เพราะกลุ่ม พันธมิตรฯ ประกาศชัดเจนแล้วว่าถ้ากลุ่มในซีกของพรรครัฐบาล จะมีใครก็ตามมาเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องไล่เหมือนกัน

นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวว่า ไม่ได้สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ หรือนายชวน แต่ถ้าหากว่า 2 คนนี้ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีต้องดีกว่าคนอื่นทั้งหมด เพราะเขาพูดอย่างนี้ แสดงว่าจะเป็นคนไหนก็มีปัญหา ไม่เฉพาะนายกฯ สมัคร ถ้าไม่ใช่ซีกที่ถูกใจ ซีกที่ต้องการ ซีกที่ไม่ได้เป็นอำมาตย์

** ภาคประชาชนจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป
ในภาคประชาชน นอกจากที่เราต้องติดตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เรายื่นรายชื่อไปแล้ว และต้องดำเนินการต่อนะครับ เราก็ต้องแสดงออกถึงการไม่รับ ไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเมืองใหม่ 30 : 70 หรือรัฐบาลแห่งชาติที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หรือรัฐบาลประชาภิวัตน์ที่มันนอกกรอบประชาธิปไตย ถึงคราวจำเป็นที่เราต้องออกมาชุมนุมเราก็ต้องออก ซึ่งหมายถึงชุมนุมโดยสงบของพวกเรา ซึ่งในต่างจังหวัดมีการประสานงานกันว่าจังหวัดไหนที่เขาจะจัดชุมนุมกันเราจะสนับสนุน ซึ่งขณะนี้มี จ.เชียงใหม่ ที่จัดการชุมนุมทุกวัน ผมคิดว่าจะไปร่วมกับเขาสักวันหนึ่ง เมื่อวันก่อนนี้ทาง จ.เชียงใหม่ โทร.มาให้ร่วมชุมนุม ไปไม่ได้ เพราะอยู่ไทรโยค ติดส่งศพ คุณณรงศักดิ์ กรอบไธสง ถ้าว่างจะไป

ในภาคประชาชนจริงๆ ในกรุงเทพฯ เราจะยึดท้องสนามหลวงมาชุมนุม ถ้าหากกลุ่มพันธมิตรฯ หรือพรรคประชาธิปัตย์ยังออกมาเคลื่อนไหวให้มีการเมืองใหม่ ถ้าไม่ได้อยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราจะแสดงจุดยืนว่าไม่เอาด้วย ไม่เห็นด้วย เราจะใช้สนามหลวงเป็นเวทีปักหลัก แต่จะยืดเยื้อหรือไม่อยู่ที่สถานการณ์ แต่วันที่ 19 กันยายน 2551 มีการชุมนุมที่สนามหลวง เพื่อระลึกถึง 2 ปีที่มีการทำรัฐประหาร มีการปราศรัยที่แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับระบอบใดที่ไม่เป็นไปเพื่อประชาธิปไตย ที่นานาอารยประเทศเขาได้ทำการปกครองอยู่

** ในชีวิตนี้เคยเห็นว่ามีประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน อย่างแท้จริงไหม

คือ...อยากฝากกับประชาชนทั่วไปว่า บางคนเขาห่อเหี่ยวต่อการบ้านการเมือง อยากให้กำลังใจว่า หนังเรื่องนี้ใกล้จะจบแล้ว สุดท้ายผู้ร้ายติดคุก เพราะเดินมาครึ่งเรื่องแล้ว ในชีวิตของพวกเราคงได้เห็นการเมืองที่เป็นอำนาจของประชาชนจริงๆ

วันนี้ที่ติดขัดกันคือว่าพวกที่ยังมีความคิดเก่าๆ การเมืองที่ถอยหลังแบบเก่า 70 : 30 เราไม่อาจหมุนโลกไปเป็นแบบเก่าได้ มันฝืนธรรมชาติ ในโลกนี้มันไม่มีแล้วที่จะถอยหลังไปอยู่อย่างเก่า ดังนั้นคนที่หวังจะหมุนโลก หมุนกงจักรไปอย่างเก่า มันไม่มีทางชนะ เราจะได้เห็นการเมืองที่เป็นรูปแบบในไม่ช้านี้ครับ...