คอลัมน์ : ขอดเกล็ดการเมือง
นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศ ฯพณฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ผ่านกระบวนการเลือกสรรตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย จากการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 จึงเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีที่มาโดยชอบตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยแล้ว
นายกรัฐมนตรีคนที่แล้วคือ ฯพณฯ สมัคร สุนทรเวช มีเหตุต้องออกจากตำแหน่งเพราะไปกระทำการที่กฎหมายหวงห้ามไว้ไม่ให้กระทำ ในขณะดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยของบรรดานักกฎหมายที่ฉงนกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เอาเหตุเพียงเล็กน้อยในการจัดรายการ “ชิมไปบ่นไป” ไปฉุดกระชาก “นายกรัฐมนตรีเมืองไทย” หลุดจากตำแหน่ง
ทั้งๆ ที่ในทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ดี การรุกเร้าจากฝ่าย “กบฏพันธมิตร” ก็ดี ล้วนไม่สามารถทำลายนายกรัฐมนตรีท่านนี้ได้ แต่ ฯพณฯ สมัคร สุนทรเวช ต้องถูกคนนอกวงการการเมือง ที่เรียกว่า “ตุลาการภิวัตน์” ดึงท่านออกไปจากตำแหน่ง สร้างความขบขันแก่ชาวโลกผู้ที่มีอารยะว่า เพียงแค่จัดรายการทำอาหาร นายกฯ ก็ไปเสียแล้ว
การได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตอนแรกสังคมยังมีข้อกังขากับท่าน เพราะท่านเกี่ยวพันเป็นน้องเขยของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร พอภาพลักษณ์ “อ่อนน้อมถ่อมตน” ของท่านปรากฏต่อสังคม ทำให้สังคมเกิดอารมณ์ “ต้อนรับ” ท่าน แบกฉีกปลายปากกาของนักเขียน และนักการเมืองทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล
โพลสำรวจความคิดเห็นหลายสำนักถามความเห็นประชาชน โดยร้อยละ 71.5 จะให้การสนับสนุน ฯพณฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมืองไทย ทั้งๆ ที่ท่านยังไม่ได้ทำงานอะไรเลย นี่เขาเรียกว่า “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ”
การได้รับความเชื่อถือจากประชาชนทุกวงการเป็นสิ่งที่ดี เพราะปัญหาของการเมืองไทยมีมากมายเหลือเกิน ปัญหาความขัดแย้งหลักก็คือ ความขัดแย้งของกลุ่มกบฏพันธมิตรฯ ที่มีต่อรัฐบาลประชาธิปไตย ไม่ว่าใครจะไปจะมา ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีหมายจับแห่งทำเนียบไม่ยอมรับทั้งสิ้น
จึงขอให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ปัญหาต่อมาที่ท่านต้องปวดสมองก็คือ การฟอร์มคณะรัฐมนตรีของท่านเอง
ท่านนายกฯ สมชาย ไม่ใช่คนไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้ การเป็นผู้พิพากษาผ่านงานวินิจฉัยคดีมามากมายอย่างโชกโชน คงเป็นทุนรอนในการที่ท่านจะตัดสินใจเลือกใครมาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของท่าน ผมกำลังพูดถึงความเด็ดขาดของท่าน ภาพท่านดูอ่อนโยน แต่ในความอ่อนโยนผมเชื่อว่าท่านมีจุดแข็ง มีลูกเด็ดขาด เมื่อจะตัดสินคดีอะไร หากว่าความเห็นของท่านว่าถูกต้องแล้ว จะต้องยืนยันไปตามนั้น
ผ่านการฟอร์ม ครม. แล้ว การร่างนโยบายพรรคร่วมรัฐบาลคงไม่คัดค้านอะไร มีแต่จะสนับสนุนให้รัฐบาลนี้อยู่ไปอย่างยาวนาน
จะมี ครม. ดีเด่นอย่างไร จะมีนายกรัฐมนตรีที่ผู้คนให้การสนับสนุนมากเพียงใด จะมี ส.ส. ในพรรคการเมืองให้การสนับสนุนอย่างล้นเหลือก็ตาม สิ่งที่ผมเป็นห่วงก็คือ กฎกติกาของบ้านเมืองที่ คมช. ผ่าน สสร. และ สนช. ที่ได้นำเอารัฐธรรมนูญ “เผด็จการ” 2550 มาใช้บังคับอยู่ในขณะนี้ รัฐธรรมนูญนี้จะแผลงฤทธิ์ออกดอกออกผล ออกมากำจัดคนที่ประชาธิปไตยส่งมา ให้ตายไปทีละราย ทีละคน
กฎกติกายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ใครก็หลีกหนีไม่พ้น บ่วงเวรที่เผด็จการได้ผูกไว้หนีไม่รอดแน่ บ่วงบาศก์นี้ยิ่งดิ้นมันยิ่งรัด จนในที่สุดก็ต้องตายไปด้วยกันทุกคน
ผมเป็นห่วงคดียุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งเชื่อขนมกินได้ว่า ถูกยุบแน่นอน กรรมการบริหารพรรคก็ต้องถูกตัดสิทธิในทางการเมืองอย่างแน่นอน อย่าหวังลมๆ แล้งๆ ว่ากรรมการบริหารจะหลุดพ้น “มันฆ่าเราแน่” เมื่อพรรคถูกยุบ กรรมการบริหารถูกตัดสิทธิ ยังจะมีอะไรหลงเหลืออีกเล่า
รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยต้องแก้ไขโดยด่วน ไม่เช่นนั้นท่านนายกฯ สมชาย จะพาเพื่อนเข้าสู่หลักประหาร เป็นการสังหารหมู่โดยพวกเผด็จการที่จ้องทำลายพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่พวกเขาเกลียด
มีทางเดียวที่นายกฯ คนใหม่จะต้องทำคือ ต้องทำลายกติกาใยแมงมุมเผด็จการ ที่พวก คมช. ได้ก่อกรรมทำเข็ญแก่ประชาธิปไตยเอาไว้
ต้องรีบแก้ รธน. โดยเร็ว ก่อนที่ท่านจะไม่มีเวลาแก้
เมื่อถึงเวลานั้น ใครก็ไม่ช่วยใครอยู่แล้วครับ
“ขุนพลกล้า ครองเมืองจึ่งเฮืองฮุ่ง
ขุนขี้ฮ้าน แปลงบ้านบ่เฮือง”
คนอีสานเขาคิดอย่างนั้นจริงๆ ครับ
อดิศร เพียงเกษ