ที่มา เดลินิวส์
หลังลากรถถังยึดอำนาจ 19 ก.ย. 2549 นอกจากประเทศไทย แตกแยกเป็นภาค ระหว่าง เหนือ-อีสาน กับใต้แล้ว ยังแตกเป็นสี สีเหลือง ผูกขาดความรักสถาบัน กับ สีแดง ที่ถูกโยนเป็นฝ่ายตรงข้าม
ที่สำคัญ ฝ่ายหนึ่งรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ฝ่าย ระบอบทักษิณ นี่ละที่รู้สึกแบบนั้น เพราะมีการประกาศโจ่งแจ้ง ว่า ต้องล้างให้สิ้นซาก !?!
เริ่มจากบันได 4 ขั้นของ คมช.ขั้นสุดท้ายคือเปลี่ยนขั้วให้ ประชาธิ ปัตย์ เป็นรัฐบาล (ตอนนี้ก็สมใจแล้ว)
การออกมาพูดเรื่องความยุติธรรมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจึงน่าสนใจมาก
นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยอมรับเป็นครั้งแรกว่า การ ตัดสินยุบ 3 พรรค สั่นคลอนศาลรัฐธรรม นูญมาก จนมีบางคน (หมายเหตุ...นักนิติ ศาสตร์) เสนอให้ยุบศาลรัฐธรรมนูญไปเลย
ทำไมเป็นเช่นนั้น ???
มาคิดดู ครั้งนี้ไม่ใช่ยุบพรรคครั้งแรก (ครั้งแรกไทยรักไทย) เพียงแต่ครั้งนี้ ยุบทีเดียว 3 พรรค นอกจาก พลังประชาชน (ร่างใหม่ไทยรักไทย) ก็มี ชาติไทย กับ มัชฌิมาธิปไตย โดนร่างแหด้วย
พูดกันว่า หาก 2 พรรคนี้ ไม่ไปจับขั้วกับพลังประชาชน ก็คงไม่มีชะตากรรมเช่นนี้ ???
การยุบพรรคเที่ยวนี้ มีกลุ่มเสื้อแดงบุกไปล้อม จนต้องเปลี่ยนที่ไปศาลปกครอง ท่ามกลางทหารป่าหวาย อาวุธครบมือ ทั้งปืนเอ็ม 16 ลูกระเบิด และปืนพก มาคุ้มกัน ดูแล้วน่ากลัวมาก
แต่ยึดทำเนียบ ยึดสนามบินถึง 2 แห่ง กลับไม่มีทหาร ตำรวจ ไปดูแลเลยแม้แต่คนเดียว !!!
หลังคำพิพากษา บรรหาร ศิลปอาชา พาลูกพรรคปลาไหล แต่งดำประท้วง พร้อมป้ายคลุมพรรคสีดำซ้ำ ทำใจไม่ได้ที่พรรค 34 ปี ถูกยุบ ซึ่งก็น่าเห็นใจ เพราะมันมีข้อเปรียบเทียบ
อย่างที่รู้ กรณี วิฑูรย์ นามบุตร กก.บริหารพรรค ปชป. พร้อมลูกทีม 3 คน แจกตั๋วหนัง ผิดกฎหมาย ทั้งที่ทำผิด ในกรรมเดียวกัน วาระเดียวกันแท้ ๆ แต่คำตัดสิน กกต.ไปคนละทาง
ลูกวิฑูรย์กับ ส.ส.อีกคน ได้ใบเหลือง ลูกเจ้าของโรงหนังซึ่งสอบตกอยู่แล้ว ได้ใบแดง ขณะที่ วิฑูรย์ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญ ได้ใบขาว ทำให้ ปชป.รอดถูกยุบพรรคทันที !!!
ยังมีกรณีเปรียบเทียบเช่น ทำกับข้าวถูกปลด (ศาลรัฐธรรมนูญ อ้าง พจนานุกรม ทำให้ นายสมัคร สุนทรเวช ตกเก้าอี้ทันที) แต่ เป็นกบฏ (ยึดสถานที่ราชการ) ถูกปล่อย เป็นต้น
ก็เพราะอย่างนี้ ฝ่ายระบอบทักษิณ (มีคนหลงผิดเลือกระบอบนี้ตั้ง 13-14 ล้านคน) จึงเกิดความรู้สึก ว่าไม่ได้รับความยุติธรรม แต่ถูกตามล้างตามเช็ดไม่สิ้นสุด
เมื่อคนรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรม (ถูกต้อนยิ่งกว่าหมาจนตรอก) เมื่อนั้น ย่อมมีการต่อสู้ !!!
เห็นด้วยเลยที่นายจรัญบอกว่า ศาลต้องระมัดระวังไม่ให้คนเคลือบแคลงหวาดระแวงสงสัย ซึ่งเป็นโจทย์ที่ยาก แต่ถ้าทำสำเร็จ ก็จะสร้างองค์กรศาลให้กับสังคม แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ ก็ต้องม้วนเสื่อกลับบ้าน
ถ้าคนไม่เชื่อศาลซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายแล้ว สังคมคงสงบสุขยาก ก็ขออย่าให้ ตุลาการภิวัฒน์ เป็นตุลาการวิบัติ อย่างที่หลายคนเป็นห่วงเลย.
ดาวประกายพรึก