WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, January 14, 2009

บางระจันเมล็ดพันธุ์แห่งความหาญกล้า

ที่มา thaifreenews

บทความ โดย ปูนนก

ปี พ.ศ. 2308 กองทัพพม่ายกทัพใหญ่มาโจมตีไทยโดยแบ่งทัพออกเป็น 2 สายคือ ทางเหนือโดยแม่ทัพเนเมียวสีหบดี และทางตะวันตกและใต้โดยมังมหานรธา กองทัพอันยิ่งใหญ่ของพม่าในเวลานั้นเข้ามาโจมตีไทยท่ามกลางความแตกแยกของคนในชาติ และความอ่อนแอของการบริหารประเทศโดยผู้ปกครองในเวลานั้น กองทัพของเนเมียวสีหบดีบุกยึดเมืองต่าง ๆ รายทางจากภาคเหนือมาตลอดจนกระทั่งถึง เขตแดนบ้านบางระจัน จ. สิงหบุรี ก็ได้พบกับการต่อต้านของชาวบ้านกลุ่่มหนึ่งที่รวมตัวกันต่อสู้กับพม่าข้าศึกอย่างไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ซึ่งต่อมาได้เรียกชื่อตามหมู่บ้านว่า ชาวบ้านบางระจัน

แม้จะเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ๆ........

แม้จะมีเพียงจำนวนน้อยกว่าอย่างเทียบไม่ได้..........

แม้จะมีอาวุธที่ด้อยประสิทธิภาพกว่า.........

แม้ไม่มีผุ้ใดให้การสนับสนุน..........

แต่ชาวบ้านบางระจันผู้เป็นชาวบ้านธรรมดาก็มิได้ย่นระย่อ ต่อกองทัพอันยิ่งใหญ่น่าสะพึงกลัวของพม่าข้าศึก พวกเขากลับจับอาวุธเท่าที่พึงมี และพึงหาได้เข้าโรมรันต่อสู้กับกองทัพอันยิ่งใหญ่ของศัตรู..... ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นและศรัทธาในความรักการเป็นอิสระของตนเอง ไม่ยอมตกเป็นข้าให้พม่าข้าศึกเข้ามากดขี่...... ยอมตายเสียดีกว่าที่จะอยู่อย่างเป็นข้าเขา

ชาวบางระจันรบกับกองทัพพม่า และได้ัขัยชนะมาถึง 7 ครั้ง จนเป็นที่ครัึ่นคร้าม และในที่สุดเนเมียวสีหบดีต้องให้แม่ทัพใหญ่ชาวมอญคือ สุกี้พระนายกอง ยกทัพใหญ่ตั้งค่ายประชิดพร้อมด้วยปืนใหญ่เข้ามาเพื่อโจมตีทำลายค่ายบางระจันให้สิ้นทราก.......

ในขณะที่บางระจันไม่มีปืนใหญ่ต่อสู้กับพม่าที่ยิงกระหน่ำเข้ามา....

ในขณะที่บางระจันได้สูญเสียผู้นำและไพร่พลไปทุก ๆ วันจากการต่อสู้....

ในขณะที่บางระจันถูกกองทัพอันยิ่งใหญ่นับแสนของพม่าข้าศึกรายล้อมเข้ามาทุกทิศทาง...

ในขณะที่บางระจันไม่มีกองทัพจากกรุงศรีอยุธยาหรือจากที่ใด ๆ เข้ามาช่วยเหลือ.......

แต่พวกเขาก็มิได้ทิ้งอาวุธยอมแพ้.....พวกเขามิได้ถอยหนีเพื่อรักษาชีวิตรอด.....พวกเขากลับปลุกปลอบใจซึ่งกันและกัน....พวกเขาสร้างขวัญกำลังใจให้แก่กันและกัน....พวกเขากอดเกี่ยวกันเป็นใจเดียวกันยืนหยัดสู้ต่อข้าศึกศัตรู

ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสู้ไม่ได้......

ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสู้แล้วต้องตาย.......

ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสู้แล้วก็จะต้องสูญเสียทุกอย่าง.......

และเมื่อการรบครั้งสุดท้ายมาถึงชาวบ้านบางระจันกำลังยืนมองพม่าข้าศึกนับแสนที่ดาหน้ากันเข้ามาพร้อมช้าง, ม้า, และปืนใหญ่ โดยที่พวกเขายืนประจันอยู่หน้าค่ายและมีเพียงดาบ, หอก, ธนู และไพร่พลจำนวนน้อยนิด...... แต่ชาวบางระจันทุกคนก็มิได้มีความหวาดหวั่นต่ออำนาจมหึมานั้น.... จะมีก็แต่เพียงไฟแค้นที่สุมทรวง และอัดแน่นอยู่ในอกที่ระเบิดออกมาเป็นแรงหาญกล้าที่จะเข้าต่อกรกับศัตรูจนตัวตายเท่านั้น........

ชาวบ้านบางระจันผู้มิได้มียศฐาบรรดาศักดิ์ เป็นแต่เพียงชาวบ้านธรรมดากลับหาญกล้า... ที่จะต่อกรกับอำนาจอันยิ่งใหญ่อย่างเทียบกันไม่ได้ของพม่าข้าศึกอย่างทระนง และสมศักดิ์ศรีของความเป็นคนไทย....... แม้จะต้องตายหมดทั้งค่ายก็ตาม.......

ชาวบางระจันเป็นคนโง่ใช่หรือเปล่า ? ที่ยอมตายอย่างไร้ประโยชน์เช่นนั้น........

ชาวบางระจันเป็นคนบ้าใช่หรือเปล่า ? เพราะในที่สุดก็ป้องกันกรุงศรีฯ ไม่ได้อยู่ดี......

ชาวบางระจันถูกผู้นำหลอกลวงใช่หรือเปล่า ? เพราะเอาชีวิตไปทิ้งอย่างไร้ค่าเช่นนั้น......

ชาวบางระจันถูกล้างสมองใช่หรือเปล่า ? เพราะพวกเขารักษาแผ่นดินเอาไว้ใ้ห้กับคนอื่น....

ไม่ว่าจะมีคำถามอย่างไร...คำตอบก็คือชาวบางระจัน รักและหวงแหน ความมีอิสระ และเสรีภาพที่จะไม่ยอมให้ใครมากดขี่ข่มเหงเอาไปได้ พวกเขา รักและหวงแหน อิสระนี้ยิ่งชีวิต แม้ตัวของพวกเขาจะตายไปแล้วกว่า 200 ปี แต่ชื่อและวีรกรรมของพวกเขา ก็ไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำของคนไทย และตราบเท่าที่จะมีประเทศไทยอยู่ วีรกรรมนี้ก็จะยังคงอยู่ตลอดไป.......

และด้่วยวีรกรรมนี้ได้จุดประกายให้กับคนไทยผู้รักชาติและรักความเป็นอิสระ ได้ลุกขึ้นต่อสู้ขับไล่พม่าข้าศึกออกไปจนพ้นประเทศไทย ภายในระยะเวลาเพียงไม่ถึง 6 เดือนหลัีงจากเสียกรุงฯ.....................

วันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมาการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. พรรคประชาธิปัตย์ได้รับชัยชนะ.....ผลการเลือกตั้งซ่อม สส. จำนวน 29 คนเพื่อทดแทนคนที่ขาดหายไปซึ่งสรุปออกมาว่าพรรคประชาฺธิปัตย์และพรรคร่วมได้รับคะแนนเสียงเพิ่มไปในการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเพียงพอในการเป็นเสียข้างมาก........ ชนิดที่เรียกว่า ช๊อคความรู้สึกของผู้รักประชาธิปไตย ทั้งมวล ผลก็คือ........

พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยหลายคนถอดใจยอมแพ้......

พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยหลายคนหลบมุมบอกไม่เอาแล้วสู้ไปก็ไม่ชนะ........

พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยหลายคนยุติบทบาทบอกว่าไม่ใช่วัีนของเรา.....

พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยหลายคนเปลี่ยนข้างดีกว่าอย่าไปหวังอะไรกับประเทศนี้......

ฯลฯ

พี่น้องชาวประชาธิปไตยทุกท่านครับ....ชาวบางระจันทั้งชายทั้งหญิงไม่เคยวางดาบยอมแพ้

ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสู้ไม่ไ่ด้.....

ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสู้ไปก็ตาย.....

ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสู้ไปก็มีแต่สูญเสีย.....

แต่พวกเขาก็ยังคงสู้เท่าที่พวกเขาสู้ได้.....

พวกเขาสู้ด้วยกำลังใจ และจิตวิญญาณแห่งนักรบแห่งกรุงศรีฯ ........

พวกเขาสู้ด้วยจิตใจที่ฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น......

พวกเขาสู้ที่นี่........พวกเขาสู้ตรงนี้......พวกเขาสู้จนคนสุดท้าย........

แต่พวกเขา.....ไม่....ยอม....แพ้........

พี่น้องชาวประชาธิปไตยทุกท่านที่เข้ามาอ่านพบบทความนี้ พวกท่านคือนักรบไซเบอร์ที่หาญกล้า.......พวกท่านคือชาวบางระจันในโลกไซเบอร์.......พวกท่านคือเมล็ดพันธุ์แห่งประชาธิปไตยที่จะหว่านลงไปด้วยเลือด, หยาดเหงื่อ, และคราบน้ำตา........

ขอให้ทุกท่านคิดถึง บางระจัน

ขอให้ทุกท่านคิดถึง ความหาญกล้าของพวกเขา

ขอให้ทุกท่านคิดถึง ประชาธิปไำตยที่ท่านรักและหวงแหน

ขอให้ทุกท่านคิดถึง ลูกหลานของท่านที่จะต้องคงอยู่ต่อไปในแผ่นดินนี้

แล้วขอให้ทุกท่าน จับมือกัน เกี่ยวร้อยดวงใจเข้าไว้ด้วยกัน เพราะเรา ไม่มีใครอีกแล้วนอกจากกันและกัน เท่านั้น จากนั้นให้เราเดินไปด้วยกันอย่าท้อถอยสู้ในส่วนที่ท่านสู้ได้.....ทำในสิ่งที่ท่านทำได้.....

แม้เราอาจจะต้องทุกข์ยาก.....

แม้เราอาจจะต้องถูกข่มเหง.......

แม้เราอาจจะไม่ได้รัีบความเป็นธรรม.....

แม้เราอาจจะต้องสูญเสียทุกอย่าง........

แต่เราผู้รักประชาธิปไตยทุกคนจะจับมือร่วมกันยืนขี้น มองดูกองทัพอันมหึมาของศัตรู และร้องตะโกนอย่างเต็มกำลังว่า เข้ามาเลยกูไม่กลัวมึง

ปูนนก