ที่มา ประชาทรรศน์
* นักวิชาการชี้คนอีสานลำบาก-อยู่ไกลพึ่งไม่ได้
“นักวิชาการ” วิเคราะห์ผลเลือกตั้งซ่อม ชี้ชัดถึงยุคเสื่อมของ “ทักษิณ ชินวัตร” จนทำให้เพื่อไทยได้ ส.ส.กลับมาแค่ไม่กี่ที่นั่ง ระบุประชาชนรากหญ้าโดยเฉพาะคนอีสานกำลังเดือดร้อนหนัก ทำมาหากินลำบากรอความช่วยเหลืออยู่ ยุทธศาสตร์ชูอดีตนายกฯ เป็นจุดขายใช้ไม่ได้ผลอีกแล้ว ที่สำคัญอยู่ไกลจนรู้สึกว่าพึ่งพาไม่ได้ แถมพรรคเพื่อไทยยังไม่มีใครเป็นหลักให้มีความหวัง รวมทั้งการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงก็ทำให้ประชาชนบางส่วนเบื่อหน่ายจนเทคะแนนกลับไปให้ ปชป. แนะรัฐบาลต้องรีบพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ถึงจะลอกนโยบายก็ทำให้ดีที่สุด
* ชี้คนเสื้อแดงเคลื่อนไหวยิ่งทำ‘ทักษิณ’เสื่อม
จากผลการเลือกตั้งซ่อมเมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่าพรรคร่วมรัฐบาลได้ไป 20 เสียง และฝ่ายค้านได้ไปเพียง 9 เสียง โดยเฉพาะภาคอีสานที่พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นว่าจะได้หลายที่นั่ง และปรามาสว่า ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน จะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากคนอีสาน แต่จากผลการเลือกตั้งที่ออกมาในทางตรงกันข้าม ทำให้เกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าคะแนนนิยมในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เริ่มเสื่อมถอยลงแล้วหรือไม่
คนเสื้อแดงทำคะแนนนิยมลด
ดร.อรัสธรรม พรหมมะ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ทำให้มองได้ว่าประชาชนเปิดโอกาสให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ทำงาน เนื่องจากส่วนใหญ่มองเห็นว่าบ้านเมืองบอบช้ำมามากแล้ว วันนี้ประเทศชาติต้องเดินหน้า หากมัวแต่ทะเลาะกันคงไปไม่ถึงไหน
สำหรับพื้นที่ของพรรคพลังประชาชนเดิม ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ส่งผู้สมัครลงไปชิงพื้นที่ แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้งนั้น ดร.อรัสธรรม กล่าวว่า เป็นเพราะภาพลักษณ์ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไปก่อความวุ่นวายในช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้ายการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมทำให้ประชาชนที่เป็นพลังเงียบเปลี่ยนไปเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากในช่วงเวลานั้นประชาชนต้องการความสุข ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ผิดพลาดอย่างยิ่งของกลุ่มคนเสื้อแดง
ชี้ชัดระบอบทักษิณเริ่มแผ่ว
“ผลการเลือกตั้งซ่อม ชี้ให้เห็นว่าระบอบทักษิณเริ่มแผ่วลงไปเรื่อยๆ เพราะช่วงหลังๆ การเคลื่อนไหวต่างๆ ของคนเสื้อแดงเริ่มไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน แกนนำต่างๆ ก่อความวุ่นวายส่อให้เห็นถึงการทำเพื่อคนคนเดียว ซึ่งในการเคลื่อนไหวทางการเมืองจะต้องมีเป้าหมายเพื่อสังคมส่วนรวมจะทำให้ได้รับความนิยม”
นอกจากนี้ ดร.อรัสธรรม กล่าวด้วยว่า คนจนในชนบทเริ่มมีความเครียดมากขึ้น ทั้งจากการเมือง และสภาวะเศรษฐกิจที่ทำมาหากินลำบาก จึงทำให้มองข้ามในเรื่องของตัวบุคคล ดังนั้นหากพรรคเพื่อไทยชู พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นมาเพียงอย่างเดียวก็จะไม่ได้รับความนิยม
ประชาชนรอทักษิณไม่ไหว
ผศ.ดร. วิบูลย์พงษ์ พูนประสิทธิ์ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งออกมาแบบนี้ตนมองว่าเกิดจากพลังเงียบจำนวนมากที่ให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์ทำงาน รวมทั้งพรรคเพื่อไทยตอนนี้ก็ขาดผู้นำที่ชัดเจน จนทำให้ประชาชนเริ่มไม่มั่นใจว่าหากเลือกพรรคเพื่อไทยจะทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างไร
ส่วนปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้ความนิยมในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เริ่มอ่อนแรงลงไป เพราะตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ต่างประเทศ ไม่ได้มาบัญชาการด้วยตัวเอง ซึ่งเวลานี้ประชาชนกำลังลำบาก เศรษฐกิจไม่ดี คนจนหาเช้ากินค่ำ คนเหล่านี้ไม่มีเวลามากพอที่จะรอคอยการช่วยเหลือจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะทุกคนมีภาระหนักรออยู่ข้างหน้า
ปชป.ต้องพลิกวิกฤติเป็นโอกาส
“ตอนนี้เศรษฐกิจแย่ ชาวไร่ชาวนา กำลังลำบาก ค้าขายไม่ได้ พวกเขามีเวลาน้อย หรือบางคนแทบไม่มีเวลาเลย ดังนั้นผมมองว่าหากพรรคประชาธิปัตย์เร่งทำผลงานให้ออกมาเยอะๆ เช่น โครงการประชานิยม ผมมองว่าไม่ได้เสียหายอะไร แม้จะโดนวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อมวลชนว่าลอกมาจากระบอบทักษิณ แต่หากประชาชนได้ประโยชน์ก็ต้องทำให้ดีที่สุด”
ผศ.ดร. วิบูลย์พงษ์ กล่าวด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้รับโอกาสจากประชาชนแล้ว ซึ่งหากมองในแง่ดีพรรคประชาธิปัตย์ต้องขยันทำผลงานให้ดียิ่งขึ้น ต้องทำงานให้หนักมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า เพราะประชาชนจะเปรียบเทียบผลงานระหว่างรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
เพื่อนเนวินพอใจได้คืน4ที่นั่ง
ด้าน นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กล่าวถึง กรณีที่ฝ่ายรัฐบาล ได้รับเลือกตั้งซ่อมเข้ามามากขึ้นและบางพื้นที่เป็นพื้นที่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยว่า ผลการเลือกตั้ง คือ คำพิพากษาของประชาชน กระทรวงมหาดไทย ไม่เคยสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ดำเนินการใด ๆ เพื่อให้ฝ่ายรัฐบาล ชนะการเลือกตั้ง แต่ กระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนการเลือกตั้งให้เรียบร้อย และรณรงค์ให้ประชาชน ออกมาใช้สิทธิไม่มีอำนาจบังคับ หรือ สั่งการเป็นกรณีพิเศษ
ส่วนที่ ส.ส. กลุ่มเพื่อนเนวินได้กลับมาประมาณ 4 คน โดยส่วนหนึ่งส่งไปลงในนามพรรคประชาราช เขต 2 บุรีรัมย์-เขต 1 ศรีสะเกษ และเพื่อแผ่นดิน เขต 4 บุรีรัมย์ ซึ่งผลเลือกตั้งมีความชัดเจนเรื่องจำนวนส.ส.ในซีกพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อถามว่า พลังของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในภาคอีสานเบาลงแล้วหรือไม่ นายบุญจง กล่าวว่า ตนไม่ขอวิจารณ์ในเรื่องนี้ เพราะเป็นการตัดสินใจของประชาชน
เพื่อไทยยอมรับขาดความพร้อม
ทางด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. แทนตำแหน่งที่ว่าง ที่พรรคเพื่อไทยได้ส.ส.เพิ่ม 5 ที่นั่ง จากที่ส่งผู้สมัครลงทั้งหมด 19 คน ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นพรรคการเมืองใหม่จึงขาดความพร้อม และผู้สมัครติดขัดเรื่องคุณสมบัติในการสังกัดพรรคการเมืองครบ 90 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด รวมถึงแกนนำคนสำคัญก็ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเต็มที่
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พร้อมจะเปิดทางให้มีการสรรหาหัวหน้าพรรคคนใหม่ เพื่อมาทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพราะตนเองไม่มีความถนัดทางด้านการเมือง
ไม่เกี่ยวกระแสทักษิณตก
ส่วนสาเหตุที่พรรคได้จำนวน ส.ส.ในสัดส่วนน้อยไม่เป็นไปตามเป้า เป็นเพราะพรรคไม่มีความพร้อม ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกระแสนิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกมองว่าลดลง นอกจากนี้ พรรคยังขาดขุนพลที่มีประสบการณ์ที่จะเข้ามาช่วยหาเสียงเลือกตั้ง อันเนื่องมาจากมีการยุบพรรคถึง 2 ครั้ง แล้วถูกตัดสิทธิทางการเมือง ทำให้บุคลากรสำคัญลดลง อีกทั้งตนเองไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจำนวน ส.ส.จะมากหรือน้อยนั้นไม่มีผลต่อการยื่นตรวจสอบรัฐบาล
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวด้วยว่า แม้พรรคจะตกอยู่ในภาวะขาดผู้นำ แต่พรรคไม่หวั่นไหวหรือย่อท้อแต่อย่างใด
ท้าปชป.ยุบสภาเลือกตั้งใหม่
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ท้าให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน หากคิดว่ากระแสของ พ.ต.ท.ทักษิณ ลดลง ซึ่งหากผลการเลือกตั้งปรากฏว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนให้เป็นรัฐบาล ทางกลุ่มก็พร้อมยุติการเคลื่อนไหว และพรรคเพื่อไทยก็จะยอมรับการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
ส่วนผลการเลือกตั้งซ่อมที่พรรคเพื่อไทยได้จำนวน ส.ส.ในสัดส่วนที่น้อย เป็นเพราะมีอำนาจรัฐและอำนาจเงินเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ จ.ลำพูน และ จ.สมุทรปราการ
“มาร์ค”ชี้ปชช.เบื่อความขัดแย้ง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ที่ฝ่ายค้านจะตั้งกระทู้ถามรัฐบาลเกี่ยวกับน้องสาวส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลมีเงินโอนเข้าบัญชีตนนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่เป็นสิทธิในการตรวจสอบ ส่วน การเปลี่ยนแปลงการเลือกตั้งภาคเหนือและอีสานสะท้อนอะไรหรือไม่นั้น ตนคิดว่าอย่าเพิ่งสรุปอะไรเร็วเกินไป เพราะเป็นเพียงการเลือกตั้งซ่อม แต่คิดว่าโดยรวมทุกภาคทั่วประเทศ ได้ส่งสัญญาณให้ทุกฝ่ายพยายามก้าวให้พ้นความขัดแย้ง และต้องการให้มีการเมืองมาแก้ปัญหา ซึ่งการแก้ปัญหาตรงนี้เป็นการเปิดโอกาสให้รัฐบาลทำงาน