WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, January 14, 2009

“เกียร์ว่าง”

ที่มา ประชาทรรศน์

คอลัมน์ : ตะแกรงข่าว

โดย ณัฐณิชา


หลังปรากฏการณ์ปาไข่ ตีนตบของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ตามราวี จองล้างจองผลาญคณะรัฐมนตรี และสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรสังกัดพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่โดนหนักกว่าเพื่อน ไม่เว้นแม้กระทั่ง นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค ดีกรีระดับอดีตนายกรัฐมนตรี ผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรค ที่โดนปาไข่ใส่เข้าเต็มๆที่ใบหน้า

แม้นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์จะพยายามสร้างภาพให้ดูเหมือนว่า ไม่โกรธ ไม่อาฆาต ไม่เอาเรื่องกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมออกมาแก้เกี้ยวว่าเป็นมวลชนจัดตั้งมา ไม่ถือสาหาความใดๆทั้งสิ้น

แต่การออกมากระตือรือร้น กุลีกุจอ ออกรับแทนของนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยการกระทรวงมหาดไทย และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่ออกมาตำหนิ ติเตียนข้าราชการประจำว่า

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพราะข้าราชการใส่เกียร์ว่าง และพร้อมจะจัดการอย่างเด็ดขาด กับข้าราชการประจำทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่ดำเนินการใดๆ กับกลุ่มคนเสื้อแดง ประหนึ่งว่าเรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ”

และยิ่งมาตอกย้ำด้วยท่าทีของนาย“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี ประมุขฝ่ายบริหาร ที่ออกมาย้ำว่า “ต้องมีการดำเนินการเอาผิดกับคนกระทำ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องการเมือง”

การออกมาพูดในเชิงตำหนิ ติเตียนดังกล่าวของฝ่ายบริหารนั้น ทำให้ข้าราชการประจำ ต้องรีบลนลานไล่บี้เอาผิดกับกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ก็ยิ่งเหมือนทำตัวเป็นศัตรูกับชาวบ้านที่แสดงออกทางการเมือง

เพราะในสายตาของชาวบ้านที่ไปแสดงออกด้วยการกระทำเช่นนั้น พวกเขาเหล่านั้นมั่นใจว่านี่คือเรื่องการเมือง ดังนั้นพวกเขาจึงยังเชื่อในคำพูดของพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ว่า“การเมือง ต้องแก้ด้วยการเมือง”

การออกมาพูดในเชิงตำหนิ ติเตียนดังกล่าวของฝ่ายบริหารนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่อย่างใด? และถือว่าถูกต้องเสียด้วยซ้ำไป ในแง่ของกฏหมายในแง่ของนิติศาสตร์

เพียงแต่ว่า ในสังคมไทยที่อุดมไปด้วยความแตกแยกทางความคิดทางการเมืองในขณะนี้ เหมาะหรือไม่? ที่ฝ่ายบริหารที่เป็นข้าราชการการเมือง จะนำประเด็นนี้มาเป็นเครื่องมือในการเช็คบิลข้าราชการประจำ ที่ไม่ใช่พวกของตนเอง

เพราะเรื่องนี้ถ้ามองกันให้ดี จะเห็นเจตนาได้ชัดว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนที่27 ของประเทศไทย ต้องการอะไร?

เนื่องด้วย ถ้าเป็นเจตนาดีที่จะพิทักษ์รักษากฏกติกาของบ้านเมืองจริง เหตุไฉน? ตอนที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(ที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรสังกัดพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ และยังมีสมาชิกพรรคคนอื่นๆร่วมขบวนการ) ทำการย่ำยีกฏหมาย ฉีกกติกาครรลองของบ้านเมือง ตามโห่ไล่ ขว้างปาสิ่งของใส่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่25 หรือกระทำพฤติกรรมดังกล่าวลามเรื่องมาจนสมัยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่26

ไม่เห็นมีใคร?ในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นนายถาวร เสนเนียม , นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือหัวหน้าพรรควัยละอ่อนอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือแม้กระทั่งตัวนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคเองก็ตาม ออกมาจี้ให้รัฐบาลในขณะนั้น ดำเนินการเอาผิดกับพฤติกรรมการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว

และนอกจากจะไม่ออกมาจี้รัฐบาลในขณะนั้นให้ดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวแล้ว ยังมีพฤติกรรมแอบช่วยเหลือ สนับสนุนการกระทำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเสียด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะตัวนายถาวร เสนเนียมเอง ที่มีภาพปรากฏทางสื่ออยู่เนืองๆ ว่า ไปร่วมดำเนินกิจกรรมกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวอยู่อย่างมิได้ขาด

ดังนั้น การที่เพิ่งออกมาไล่บี้เอาผิดกับการกระทำในลักษณะนี้ของนักการฝ่ายบริหาร ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ดี,รองนายกรัฐมนตรีก็ดี หรือแม้กระทั่งเป็นแค่รัฐมนตรีช่วยกระทรวงใด?ก็ตาม การสวมหัวโขนฝ่ายบริหาร หรือการนั่งทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่สิ่งที่แบ่งแยกสมองให้ไม่รู้ว่า สิ่งใด?ถูก สิ่งใด?ผิด

ไม่ใช่ว่าพอตัวเองเป็นฝ่ายค้าน การกระทำในลักษณะเช่นนี้(โห่ไล่ ขว้างปาสิ่งของใส่ฝ่ายที่ตนเองไม่ต้องการ)เป็นสิ่งถูกต้อง ถึงขนาดต้องเข้าไปสนับสนุนช่วยเหลือ ปกป้องการกระทำดังกล่าว

แต่พอตนเองพลิกขั้วกลับมาเป็นฝ่ายบริหารรัฐบาล การกระทำในลักษณะเดียวกันนี้ กลับกลายมาเป็นสิ่งผิดไม่ใช่เรื่องการเมือง พอข้าราชการประจำไม่ดำเนินการใดๆ(อาจจะเพราะกลัวพิษการเมือง)ถึงกับเต้นผาง ต้องออกมากระตุ้นใส่เกียร์กันเป็นการใหญ่

ไม่ได้บอกว่าการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดง เป็นสิ่งถูกต้องทำได้ตามสิทธิ์เสรี แต่ที่อยากจะชี้ให้เห็นคือ พฤติกรรมอันน่าขยะแขยงของนักการเมืองบางประเภท ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองบางคน ทะลึ่งออกมาการันตีหลอกชาวบ้านว่าเป็นคนดี

เห็นชัดๆ ถ้าพวกตัวเองทำ(ที่ต้องย้ำว่าพวกตัวเอง เพราะนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คือสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์) เป็นสิ่งถูกต้อง ทำได้ตามสิทธิ์ เพราะเป็นสิทธิ์ส่วนตัว

แต่พอถูกกระทำกับตนเอง ไหงจะเป็นจะตาย ขึ้นมาในทันที การออกมาไล่บี้ข้าราชการประจำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ , นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือแม้กระทั่งม๊อบ 7 ตุลาฯปิดสภาฯ อย่างนายถาวร เสนเนียม เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือในการสร้างภาพว่าไม่เอาเรื่อง ไม่เอาความ ไม่ติดใจเอาผิด เอาความของนายชวน หลีกภัย โดยสิ้นเชิง

เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไปกระทำพฤติกรรมดังกล่าว ก็เลียนแบบมาจากการกระทำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ , นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือนายถาวร เสนเนียม เคยการันตีว่าสามารถทำได้ตามสิทธิส่วนบุคคล

และถ้าจะพูดเรื่องเกียร์ว่างแล้ว ข้าราชการประจำก็ฝากย้อนถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ , นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือนายถาวร เสนเนียม เช่นกันว่าทำไม? ไม่เห็นให้นโยบายให้เร่งดำเนินการเอาผิดกับการยึดทำเนียบรัฐบาล , การยึดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ หรือแม้แต่การเอาผิดกับบุคคลที่ยิงอาวุธปืนใส่กลุ่มบุคคลผู้ต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ หน้าถนนวิภาวดีรังสิตซอย3 ที่มีผู้บาดเจ็ยสาหัสหลายราย และมีภาพข่าวปรากฏเป็นหลักฐานชัดเจน หรือแม้กระทั่งตำรวจเองก็เถอะ ไม่เห็นมีใคร?ไปไล่บี้เอาผิดกับกลุ่มบุคคลที่ใช้ด้ามปืนแทงเจ้าหน้าที่ตำรวจปางตาย หรือขับรถพุ่งชนแล้วถอยกลับมาเหยียบซ้ำ เจตนาฆ่าชัดเจน ทำไม?

หรือสติปัญญา วิสัยทัศน์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี , นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงหรือนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เห็นว่าการ“โห่ฮา ปาไข่” เป็นเรื่องใหญ่กว่าการบุกยึดทำเนียบรัฐบาล และเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนกว่าการดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มก่อการร้ายที่บุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ จนไม่เพียงแค่ทำให้คนไทยเท่านั้นที่เดือดร้อน แต่นานาชาติก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย
ถ้าสมองของผู้บริหารรัฐบาล“เทพประทาน” มีเพียงแค่นี้ก็เอวังล่ะกันประเทศไทย

ไม่ต้องไปไล่บี้เอาผิดกับข้าราชการประจำว่าเขาใส่เกียร์ว่างหรอก พวกท่านนั่นแหละที่นอกจากจะใส่เกียร์ว่างแล้ว ยังเพี้ยนถึงขนาดมองไม่ออกว่าเรื่องใด?ควรไปไล่บี้กว่ากัน