ที่มา ประชาทรรศน์
คอลัมน์ : ละครชีวิต
โดย ลวดหนาม
จากแนวคิดของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่จะปฏิรูปรูปแบบของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ให้กลับมาเป็น “สถานีสาธารณะ” แต่จะมีการเพิ่มพื้นที่ให้รัฐบาลชี้แจงการทำงาน
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ยืนยันจะไม่ใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง รวมถึงจะมีการจัดสรรเวลาให้ฝ่ายค้านชี้แจงการทำงานตรวจสอบรัฐบาลด้วย แต่ต้องไม่ใช่การตอบโต้ทางการเมือง
แม้แนวคิดของนายอภิสิทธิ์ จะออกมาในแนวทางนี้ก็ตาม แต่หลายฝ่ายให้คอยจับตาดูว่า เอ็นบีทีจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
เพราะสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีกำลังเป็นที่ต้องการของใครหลายคน โดยเฉพาะ “สื่อผู้ยิ่งใหญ่” ที่โค่นรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เตรียมจะเข้ามารับ “โบนัส” บริหารงานในสื่อช่องนี้ด้วยเช่นกัน
บางคนอาจคิดว่า ประชาธิปัตย์ ไม่น่าจะกล้า แต่หากย้อนไปดู ครม. ที่มีมติแต่งตั้งคนที่เคยขึ้นเวทีปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีแล้วก็ต้องเปลี่ยนใจ
ประชาธิปัตย์กล้าแต่งตั้ง นายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ แม้ว่าประชาชนจะรู้กันว่าคนคนนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยึดทำเนียบรัฐบาล สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ
ในเมื่อกล้าขนาดนั้นแล้ว ทำไมประชาธิปัตย์จึงจะไม่กล้าแต่งตั้ง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ มาดูแลสื่อสาธารณะ
วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาระบุว่า นโยบายการปฏิรูปสื่อภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดนี้ มีแนวคิดจะปรับเปลี่ยน "กรมประชาสัมพันธ์" ซึ่งมักจะถูกการเมืองแทรกแซงการทำงานทุกครั้งที่มีการปรับเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ให้เป็น "องค์การมหาชน" ตาม พ.ร.บ.องค์การมหาชน
ทั้งนี้ ก็เพื่อให้การทำงานเป็นอิสระ ปลอดจากการแทรกแซงของการเมือง โดยให้ทำหน้าที่สื่อสารข้อมูลระหว่างรัฐกับประชาชน และสื่อสารระหว่างประชาชนกับประชาชน ที่สมบูรณ์แบบ
คำพูดที่สวยหรูของนักการเมือง อย่างนายสาทิตย์นั้น หลายคนคงเดาได้ไม่ยากว่าต้องการอะไร เพราะที่ผ่านมาก็พยายามจะปิดสถานีวิทยุชุมชนมาแล้ว
แต่ที่ยังไม่ดำเนินการ เพราะหวั่นพลังเสื้อแดงที่อาจสร้างความรุนแรงขึ้นได้
ก่อนจะปิดวิทยุชุมชนนั้น ขอให้พรรคประชาธิปัตย์สำนึกไว้ด้วยว่า “วิทยุชุมชน” เป็นสื่อท้องถิ่นที่ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็น หรือเข้ามาบริหารจัดการเองได้ ชาวบ้านล้วนมีความผูกพันกับวิทยุชุมชนเป็นอย่างมาก
ดังนั้นควรใช้สติไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะดำเนินการทำอะไรลงไป
“สื่อรัฐ” เป็นสมบัติของชาติ มาจากภาษีของประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ควรจะทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ และต้องใช้เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนอย่างแท้จริง!