ที่มา ไทยรัฐ
ปังๆๆๆ......เสียงดังเป็นชุดๆ บนขุนเขาบริเวณ ตำบลดาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา อันเป็นแนวตะเข็บ ชายแดนไทยมาเลเซีย ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการของ สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) ซึ่งก่อตัวเป็นกลุ่มมาตั้งแต่ปี 2473
ต่อมา...ในปี 2519 ยิ่งทวีความรุนแรง และ พื้นที่แห่งนี้ได้สร้างเป็นอุโมงค์ ขนาดกว้าง 50-60 ฟุต ยาวลึกถึง 1 กิโลเมตร ที่บรรจุกำลังพลได้เป็นกองพัน เพื่อใช้เป็นห้องบัญชาการรบ หลบภัยทางอากาศ แหล่งเก็บเสบียงอาหารและสะสมอาวุธ...ยามนั้น เสียงดังของอาวุธถี่ยิ่งขึ้น
ถึงยามนี้ล่วงเลยมา 30 กว่าปี แม้ว่าเหตุการณ์ ต่างๆจะสงบลงแล้ว เสียงดังก็ยังระเบิดต่อเนื่อง...แต่ไม่ใช่
เสียงของอาวุธ มัน เป็นเสียงของผู้ประสบโชคดี...!!!
OOO
เมื่อวันวานทีมงาน เหนือฟ้า ใต้บาดาล เดินทางเข้าไปที่ หมู่บ้านปิยะมิตร 1 อันเป็นพิกัดของ อุโมงค์ ประวัติศาสตร์ ขณะที่ โตหอง แซ่หลี่ Capt. AH JIN (มัคคุเทศก์พิเศษ อดีตนายทหารแห่ง พคม.) พาเดินไปครึ่งทางก่อนถึงปากอุโมงค์ พลันก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นติดๆกันถึง 3 ชุด
ขณะนั้นหลายคนต่างพากันตกใจอกสั่นขวัญแขวนกัน ด้วยอารมณ์กำลังเคลิ้มไปกับบรรยากาศ กิเลน ประลองเชิง ผู้มีประสบการณ์หลบภัยในอดีตถึงกับเอี้ยวตัวแนบก้อนหิน
โตหอง บอกไม่ต้องตกใจ เสียงที่ดังมาเป็นชุดนั้นเป็นของประทัด ซึ่งชาวมาเลเซียจุดแก้บน กับศาลเจ้า นาโต๊ะกง ใกล้ๆกับปากทางเข้าอุโมงค์ เนื่องจากประสบความสำร็จตามที่ขอไว้....หลายคนจึงถึงบางอ้อ...!!!
แล้ว....ไม่นานก็เห็น ชาวมาเลเซีย กลุ่มหนึ่ง (ที่เดินทางแก้บน) เดินสวนทางลงมา และก็ไม่นานอีกเช่นกันก็ถึง บริเวณศาลเจ้านาโต๊ะกง
OOO
ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่บนก้อนหิน มีสะพานเชื่อมจากทางเดินเข้าไปในศาล และ หน้าเป็นระเบียงกว้าง สามารถมองลงมาเห็นยอดต้นไม้ด้านล่าง
โตหอง เล่าให้ฟังว่า...เมื่อตอนที่อาศัยอยู่ในอุโมงค์ เห็นหินก้อนนี้มีลักษณะแปลกดี คือ เป็นหินก้อนใหญ่แล้วมีต้นไม้โผล่ขึ้นตรงกลาง จึงได้ไปอัญเชิญนาโต๊ะกงจากประเทศมาเลเซียให้ประทับ ณ ตรงนี้ เพื่อปกปักรักษาเหล่าสมาชิก พคม. ...ซึ่งก็ได้รับการปกป้องคุ้มภัยให้รอดจากอาวุธศัตรู
ต่อมาเมื่อ เหตุการณ์ต่างๆสงบลง กระแสแห่งพลังความศักดิ์สิทธิ์ได้แผ่ข้ามไปถึงมาเลเซีย ผู้คนมาสักการบูชามากจึงได้สร้างเป็นศาลใหญ่ขึ้น โดยมี อาเฉียง AH QIANG ผู้รักษาอุโมงค์ ช่วยดูแลด้วย
OOO
นาโต๊ะกง...เป็น เทพเจ้าแห่งการปกป้องรักษาป่าและสัตว์ทั้งปวง ชาวจีนมาเลเซียเลื่อมใสศรัทธากันมาก เนื่องจาก เป็นผู้มีเมตตาแผ่บารมีคุ้มครองให้สรรพ สิ่งอาศัยซึ่งกันและกันอย่างสันติสุข
ด้วยเมตตา บารมีนาโต๊ะกงจึงหน้าตาอิ่ม เอิบด้วยรอยยิ้ม เป็นเทพเจ้าที่ไม่ถืออาวุธใดๆ เพียงแต่มือขวาเลยถือไม้เท้า ตามรูปแบบของคนชราภาพที่มีใจดีจึงอายุยืน ส่วนมือซ้ายถือกาน้ำ
เทพเจ้านาโต๊ะกง สถิตอยู่กลางป่ามะละกา ในการอัญเชิญต้องเดินทางเข้าไปในป่า ทำพิธีกรรมเชิญขึ้นสถิตบนแท่นหิน (ก้อนหิน) แล้วแบกจากมะละกามาที่อุโมงค์ปิยะมิตร
OOO
โตหอง...บอกให้ฟังว่าหินก้อนนั้นตามปกติก่อนทำพิธีอัญเชิญนาโต๊ะกง ต้องใช้ 2 คนยกจึงจะขึ้น หลังจากทำพิธีและพร้อมที่จะมาสถิตที่เบตงมีความรู้สึกว่าเบากว่าเดิม ซึ่งสามารถแบกมาคนเดียวได้ โดยโตหอง เป็นคนแบกเอง
เมื่อมาถึงศาลสถิตแล้ว หินก้อนนั้นก็ยังไม่ทิ้ง เอาไว้เพื่อเป็นที่ประทับสำรองของนาโต๊ะกง
ในอดีตการแก้บนนาโต๊ะกงจะใช้ดอกไม้หรือพวงมาลัยเท่านั้น แต่พอมา อยู่ใกล้สมรภูมิ บางครั้งก็หาลำบากจึงบนด้วยเสียงดัง ต่อมาผู้ที่ได้รับความสำเร็จจึงจุดประทัด...จากนั้นก็เลยถือเป็นประเพณี ทั้งๆที่นาโต๊ะกงเป็นผู้มีเมตตาไม่ใช่นักรบ
OOO
ปัจจุบันผู้มาขอพรจากนาโต๊ะกงจะเน้นเรื่องของโชคลาภมากกว่าอย่างอื่น ก็รู้สึกว่าจะสมประสงค์กันแทบทุกราย จึงมีการจุดประทัดแทบทุกวัน
อาเฉียง AH QIANG จะจัดบริเวณให้สำหรับจุดโดยเฉพาะ โดยทำ เป็นราวตามแนวระเบียง เพื่อแขวนประทัด เมื่อจุดแล้วก็จะเอาป้ายกระดาษเขียนชื่อเสียงเรียงนามไว้ ว่าได้มาจุดแก้บนแล้ว
ผู้ที่มาแก้บนทีหลังก็ต้องหาจุดอื่น ป้ายแก้บนจะติดไว้อย่างนั้น ปล่อยให้โดนแดดโดนฝนร่วงไปเองตามกาลเวลา พอจุดตรงนั้นว่างผู้อื่นก็มีสิทธิที่จะมาใช้จุดประทัดแก้บนเป็นรายต่อไป
OOO
ศาลเจ้านาโต๊ะกง จึงเป็น สถานที่แห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวขึ้นไปเยือน นอกจากจะชม อุโมงค์ปิยะมิตร ซึ่งอาจจะมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน
สำหรับ อุโมงค์นั้นเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ แต่ เทพเจ้านาโต๊ะกงนั้นเพื่อโชคลาภ ก็อย่างว่าในการเสี่ยงโชคของมาเลเซีย อันเป็นหวย ABC นั้นมีโอกาสมากกว่า จึงได้โชคกันทุกงวด ส่วนบ้านเรา 100 ประตูมีพียง 1 เดียว...
...พลังแห่งศรัทธาจะ ขลังหรือไม่...น่าลอง...!!!
“ก้อง กังฟู”