ที่มา บางกอกทูเดย์
โลกทั้งใบมิใช่คิดว่าตัวเองเก่ง...ตัวเองดีเสียทีเดียว!หากคิดทบทวนกันให้ลึกๆ มาตรการตอบโต้“ทางการทูต” ของประเทศไทยที่มีต่อ “กัมพูชา” ใครกันที่จะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์?แม้นายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ได้ออกมายืนยันว่า...การลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาจะเป็นเรื่องที่ “ไม่บานปลาย”ซึ่งเป็นการดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และอยู่ที่กัมพูชาจะดำเนินอย่างไรต่อไปโดย นายกฯ กล่าวว่า...ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากไทย แต่เพื่อเป็นการปกป้องผลประโยชน์และกระบวนการยุติธรรมของไทยขณะที่ รมว. ต่างประเทศ “กษิต ภิรมย์” เตรียมเสนอยกเลิก MOU ปี 2544 เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลอ่าวไทย เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเจรจาด้าน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ได้ออกมาแถลงเรื่องการประณาม ระบอบทักษิณ และออกตัวสนับสนุนรัฐบาลในการปรับระดับความสัมพันธ์กับกัมพูชาคงต้องถามนายกรัฐมนตรีไทย “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”ว่าอะไรคือการปกป้องผลประโยชน์...และอะไรคือกระบวนการยุติธรรมของไทยปี 2551 ไทยได้ดุลการค้ากับกัมพูชา 44,000 ล้าน...แล้วต่อไปประเทศไทยต้อง “ขาดรายได้”จำนวน
มหาศาลเพื่อรักษาเกียรติยศและศักดิ์ศรีใน “กระบวนการยุติธรรม” โดยเฉพาะการนำตัวอดีตนายกรัฐมนตรี“ทักษิณ ชินวัตร” มาดำเนินคดีในไทยในฐานะผู้ร้ายการเมือง ด้วยเหตุปฏิวัติ 19 กันยา 49 เพียงข้ออ้างเดียวกระนั้นหรือ?ประเทศไทยมีแต่เสียกับเสีย!ที่ผ่านมา...รัฐบาลนำโดยการบริหารประเทศของ“ประชาธิปัตย์” ได้ใช้เงินแผ่นดิน “ฉีกธนบัตรทิ้ง”ซึ่งเป็น ภาษีของประชาชนโดยจุดประสงค์มุ่งมาดอาฆาตเพื่อกำจัด ทักษิณชินวัตร เป็นจำนวนเงินไปแล้วเท่าใดแต่พวกท่านยังคิด “ทุบหม้อข้าว” อู่ข่าวอู้นํ้าในเรื่องของการค้าระหว่างประเทศ ด้วยการเอาเนื้อหาประเด็นนี้มา กำจัดความเจริญเติบโต ของประชาชนคนไทยทั้งประเทศมันคุ้มค่ามากมายถึงขนาด “ผู้มีอำนาจ” ในบ้านเมืองหน้ามืดตามัวทำอะไรไปโดยไม่รู้ถูกผิด...อะไรคือ“ความได้เปรียบ” ที่เรามีวันนี้ประชาชนจะ “อดตาย” ผิดกับพวกท่านที่ยัง “สุขสบาย” นั่งรถราคาแพง มีรถนำขบวน จิบไวน์ตีกอล์ฟ ด้วยคุณภาพชีวิตที่สุขขีอย่าต้องใส่ร้ายป้ายสีกันอีกเลย...บ้านเมืองและประชาชนเดือดร้อน ข้าวยาก หมากแพง เพราะนักการเมืองแตกแยกความคิด แบ่งฝ่าย แยกพวกรบรา ฆ่ากันเองเป็นที่น่าเวทนาแก่ประชาคมโลกยิ่งนัก!บุคคลเหล่านั้น...ไม่มีใครอยากให้ประเทศไทยเราดีไปกว่าบ้านเมืองเขาหรอกยิ่งเราแย่ และ ตกตํ่าลงเท่าไหร่ คนหมู่นั้น...มักยิ่งจะตีปีกเริงร่าใจเพราะว่า “สยามวิบัติแล้ว”น่าเป็นห่วงจริงๆ...แล้วเมื่อไหร่บ้านเมืองจะมีทางออก?