WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, November 5, 2009

บทความ: ทักษิณให้ทุน อภิสิทธิ์ให้ทาน(ที่แสบกว่านั้นคือกู้มาให้ ต้องใช้คืนในอนาคตด้วยซิ)

ที่มา Thai E-News

โดย เม็ดหินสีน้ำเงิน
ที่มา พันทิป
5 พฤศจิกายน 2552

ท่ามกลางกระแสแห่งโลกทุนนิยม ที่พัดโหมกระหน่ำสู่ทุกพื้นที่ของโลกใบนี้ ทำให้ทุกประเทศต้องปรับตัวรับกับเศรษฐกิจรูปแบบนี้ แม้ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ขนาดประเทศที่ปกครองแบบคอมมิวนิสต์เช่น จีน ยังต้องปรับระบบเศรษฐกิจเพื่อรองรับกับระบบทุนนิยม ที่พัดโหมเข้ามา แม้ว่าประเทศจีนจะยิ่งใหญ่ ทั้งขนาดพื้นที่ จำนวนประชากร กองทัพทหาร อันเกรียงไกร แต่ก็ไม่อาจฝืนกระแสระบบทุนนิยมได้

ประเทศไทยก็เฉกเช่นเดียวกัน การที่ระบบทุนนิยมเข้ามา ก็ได้ก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองการปกครอง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัจจัยที่ทำให้อยู่รอดและประสบผลสำเร็จในระบบทุนนิยม นั่นก็คือ คุณต้องมีทุน

ทักษิณเห็นในจุดนี้ จุดที่เขาสั่งสมประสบการณ์ล้มลุกคลุกคลานจนกระทั่งผงาดถึงจุดที่สูงในภาคธุรกิจ ทักษิณตระหนักดีว่า การอยู่รอดและประสบผลสำเร็จจำเป็นอย่างยิ่งต้องใช้ทุน แต่ทำอย่างไรให้ชาวบ้านได้เข้าถึงแหล่งทุนได้ล่ะ ทักษิณตอบโจทย์นี้แบบระยะยาวคือการให้การศึกษาและข้อมูล และขณะเดียวกันก็ได้ตอบโจทย์นี้แบบระยะสั้นเห็นผลได้รวดเร็วคือ "กองทุนหมู่บ้าน"

เมื่อได้เข้ามาบริหารประเทศ ทักษิณก็ได้ดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงไว้อย่างจริงจัง นั่นคือ นโยบายกองทุนหมู่บ้าน โครงการธนาคารประชาชน 1 อำเภอ 1 ทุนเรียนนอก OTOP ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ประชาชนได้สัมผัสจากภาคการเมืองที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเมืองไทย นั่นก็คือ การที่พรรคการเมืองหนึ่งได้รักษาสัญญาที่ได้ให้ไว้ตอนหาเสียงและปฏิบัติเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนตอนเป็นรัฐบาล และก็เป็นสิ่งที่ทำให้ ทักษิณ โดดเด่นและแตกต่างจากนายกในอดีตของประเทศไทย คือการรักษาคำมั่นสัญญา

แม้ว่านโยบายกองทุนหมู่บ้าน จะถูกคัดค้าน ประนามจากบรรดานักวิชาการ สื่อสารมวลชน นักการเมืองฝ่ายค้าน หรือไม่เว้นแม้กระทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองในเวลานั้น ต่างก็ออกมาคัดค้าน มาแสดงความ "รู้ทัน" แสดงความไม่เห็นด้วย ต่างก็ วิจารณ์ โจมตี ว่าจะทำให้ชาวบ้านผิดวินัยการเงินไม่รู้คุณค่าของเงิน นำเงินไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ซื้อมือถือ ซื้อมอเตอร์ไซด์ ว่าจะทำให้ชาวบ้านเป็นหนี้เป็นสินเพิ่มขึ้น ว่าจะก่อเกิดหนี้สูญมหาศาล เป็นเรื่องที่ทำให้ชาวบ้านนิสัยเสียด้านวินัยการเงิน ฯลฯ

แต่วันเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า วิสัยทัศน์และกระบวนการแก้ปัญหาของนายกทักษิณ เยี่ยมยอดเพียงใด การที่ทักษิณเปิดโอกาสให้ชาวบ้านเข้าถึงแหล่งทุนอย่างมีระบบ ให้มีการบริหารและจัดการกันเองภายในหมู่บ้าน ด้วยการกำหนดให้มีคณะกรรมการกองทุน 15 คนและอย่างน้อยครึ่งหนึ่งต้องเป็นผู้หญิง เนื่องจากเป็นเพศที่ละเอียดอ่อน ดูแลและจัดการด้านการเงินได้ดีกว่าเพศชาย ทำให้การปล่อยสินเชื่อเป็นไปอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากคณะกรรมการในหมู่บ้าน ย่อมรู้จัก นิสัยใจคอ พื้นเพ การประกอบอาชีพของลูกบ้านเป็นอย่างดี ทำให้เกิดหนี้เสียจากโครงการนี้น้อยมากๆ และที่สำคัญ มันได้เปลี่ยนชาวบ้านจากสภาพก้มหน้าก้มตา เป็นลืมตาอ้าปาก เดินยืดอกได้เต็มหน้าได้ในระยะเวลาอันสั้น

หันกลับมามองรัฐบาลชุดนี้ เริ่มต้นก็เริ่ม แจกแบบไม่มีเงื่อนไข ไม่มีแบบแผนรองรับ ไม่มีจุดหมายว่าต้องการอะไร เพียงแค่เชื่อเด็กสองคนว่า จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้แน่นอน อันเป็นที่มาของโครงการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำที่มีชื่อว่า "เช็คช่วยชาติ" ผลของโครงการก็อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ มันเหมือนเอาน้ำไปสาดกลางทะเลทรายแล้วหวังว่าจะเป็นบ่อน้ำ แต่สาดโครมวูบหาย พร้อมๆ ไปกับการหายตัวไปอย่างลี้ลับของเด็กที่ดูด้านการคลัง ทราบข่าวอีกทีก็รู้ว่ากำลังเดินสายให้สัมภาษณ์ชีวิตครอบครัวแก่บรรดานิตยสารต่างๆ ยังไม่ว่างทำหน้าที่รมต.คลัง

ท่ามกลางการทำงานแบบไปคนละทิศ มีชีวิตคนละสไตล์ ของรัฐบาลวิ่งราว ประชาชนตาขาวๆ ดำๆ ได้แต่ทำตาปริบๆ ดูรมต.ต่างประเทศ ทำหน้าที่ตำรวจสากล ดู รมต.พานิชย์ทำหน้าที่เป็นหลงจู๊โรงรับจำนำ ดูรมต.คลังทำหน้าที่ สวัสดิการและครอบครัว เห็นคนทำงานแต่ละตัว ก็ปวดหัวเวียน Head

และที่สำคัญ ต้องทนนั่งดูคนที่

"ความสามารถต่ำ คะแนนนิยมตก เป็นได้แค่นายกฯโพเดี้ยม"

บริหารบ้านเมืองด้วยปาก สร้างศัตรูรอบทิศ คิดแล้วมันน่าอนาถใจไทยแลนด์เสียจริงๆ