WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, November 2, 2009

ฮุน เซน-ทักษิณ: เพื่อนบ้านไร้พรมแดน

ที่มา ประชาไท

การทำหน้าที่ของสมเด็จฯ ฮุน เซน ในฐานะเพื่อนบ้านไร้พรมแดน คือ การสร้างภาพ “ผู้ลี้ภัย” ให้ ทักษิณ ชินวัตร เป็นบวกกับสื่อมวลชน ไม่ใช่ลบต่อนานาประเทศ ซึ่งคำพูดของสมเด็จฯ ฮุน เซน ในเวทีอาเซียนเป็นการสะท้อนภาพได้อย่างดีโดยฐานะของประเทศเพื่อนบ้านของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีพรมแดนของประเทศใกล้ชิดติดกับไทย โดยสมเด็จฯ ฮุน เซน ก็สร้างบ้านให้ทักษิณในฐานะเพื่อน อันเป็นผลงานสถาปัตยกรรมสำหรับที่อยู่พักอาศัยพักผ่อน ท่ามกลางสถานการณ์ของความขัดแย้งเรื่องปราสาทเขาพระวิหารที่มีปัญหาเรื่องพรมแดนไทยกับกัมพูชา และอย่าลืมว่าสมเด็จฯ ฮุนเซน ก็มีกองทัพของกัมพูชาอยู่ตามแนวชายแดนของปราสาทเขาพระวิหาร อันเป็นพรมแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ฉะนั้น ความเป็นเพื่อนไร้พรมแดน คือ จุดเริ่มต้นของสันติภาพ ไม่ใช่ความเป็นศัตรู นำไปสู่สงคราม ทำลายความมั่นคงของชาติหมดสิ้นไป
สมเด็จฯ ฮุน เซน กับข่าวสารสื่อด้านบวกให้ทักษิณ เป็นเพื่อน
การเคลื่อนไหวของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ด้วยการเดินทางไปพบผู้นำกัมพูชา แม้จะมี "คำตอบ" 3 ข้อ หลังการเดินทางกลับ แต่เป็น "คำตอบ" ที่ซ่อนคมเขี้ยวที่ฝ่ายตรงข้ามรู้เท่าทัน โดยเหตุเพราะชวลิตเปิดหน้าแล้วว่าจะยืนอยู่ข้างพรรคเพื่อไทย และทักษิณ เพราะฉะนั้น "คำตอบ" ใน 2 ข้อแรก คือ หนึ่ง ปัญหาข้อขัดแย้งบริเวณตามแนวชายแดนไทยกัมพูชากรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งทางการกัมพูชาต้องการให้ลดการเผชิญหน้า และสอง สิทธิในการค้นหาขุดค้นบ่อน้ำมัน หรือก๊าซในทะเล ยังคงเป็นข้อตกลงระหว่างไทยกับกัมพูชา จึงมีคำสร้อยต่อท้ายว่า "รัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ ยังคงเพิกเฉย ไม่ดำเนินการใดๆ..."
หากแต่การเคลื่อนของชวลิต คงไม่ใช่อยู่ที่ 2 คำตอบแรก แต่น่าจะอยู่ที่คำตอบที่สาม คือชะตากรรมของ ทักษิณ ที่ต้องเป็นคนไม่มีแผ่นดินอยู่มากกว่า ก็คือ "ภริยาของสมเด็จฯฮุน เซน เล่าให้ฟังถึงกับร้องไห้ เขามีความจำเป็นที่จะต้องประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ว่า ตัวเขาเองกับ พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นเพื่อนกันตลอดกาล กัมพูชาพร้อมให้ พ.ต.ท.ทักษิณมาพำนักอาศัย วันนี้เขาได้จัดบ้านพักอย่างดี สวยงามด้วย ไว้พร้อมต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างมีเกียรติในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง" (1)
กรณี “ฮุน เซน” นายกฯ กัมพูชา มาไทยเพื่อร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน แต่กลับมาให้สัมภาษณ์ โดยคำพูดที่ออกมาจากปากสมเด็จฯ ฮุน เซน นอกจากจะแสดงความเห็นใจทักษิณอย่างออกนอกหน้าแล้ว ยังส่อก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรมของไทยด้วย “ในฐานะเพื่อน ผมรู้สึกว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการเมือง ประสบเคราะห์กรรม แต่ผมกับทักษิณยังเป็นเพื่อนกัน ในฐานะที่ทำประโยชน์ให้ประเทศมานาน แต่ทำไมวันนี้ถึงไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ผมมีความรู้สึกเจ็บปวดในเรื่องนี้ ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนไทย...ภรรยาผมถึงกับร้องไห้ และมีความเห็นที่จะสร้างบ้านให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาอยู่ในกรุงพนมเปญ ในฐานะเพื่อนอย่างมีเกียรติ”
สมเด็จฯ ฮุน เซน ยังอ้างด้วยว่า คำพูดและท่าทีของตนที่มีต่อทักษิณ ไม่ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย พร้อมยกย่องเชิดชูทักษิณให้เทียบเท่ากับอองซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้านของพม่า “นี่ไม่ใช่การแทรกแซงกิจการภายในของไทย แต่เป็นสิทธิและอำนาจอธิปไตยของกัมพูชา...สิ่งที่ผมทำคือการให้การสนับสนุน ทางด้านจิตใจของผมต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ คนไทยเสื้อแดงนับล้านสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วทำไมผมในฐานะมิตรจากแดนไกลจะไม่สามารถสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณได้ ถ้าไม่มีการปฏิวัติเมื่อปี 2549 เรื่องแบบนี้ก็ไม่เกิดขึ้น คนพูดถึงซูจี ในพม่า แล้วทำไมฮุน เซน จึงจะพูดถึงทักษิณไม่ได้ อย่ามาตำหนิผม”(2)
จากข่าวสารที่ปรากฏให้เห็นดังกล่าว เมื่อเพื่อนบ้านไร้พรมแดนอย่างสมเด็จฯ ฮุน เซน ที่ยังเห็นผู้ลี้ภัยเป็นด้าน “บวก” เหมือนกัน และพยายามที่จะให้คนไทย และกัมพูชา ได้เห็นทุกแง่มุมของของ "ผู้ลี้ภัย" ให้เป็นในเชิง “บวก” และวิธีที่จะทำให้คนไทย และคนกัมพูชา เข้าใจตรงกันก็คือ “การทำสื่อ” เท่านั้นยังไม่พอ มันยังเป็นการพูดของสมเด็จฯ ฮุน เซน โดยทำการยกระดับเรื่องให้ทักษิณเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของกัมพูชา ซึ่งมันทำให้ภาพบวกของทักษิณ ต่อมาก็คือ การสร้างบ้านให้อยู่ที่กัมพูชา สะท้อนว่าสมเด็จฯฮุน เซน ทำการยกระดับประเทศเพื่อนบ้าน เท่ากับเป็นเพื่อนบ้านของทักษิณ นั่นเอง
จากเพื่อนบ้านไร้พรมแดน สู่การทำให้ผู้นำประเทศเป็นเพื่อนบ้าน
เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ระบุสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สร้างบ้านไว้ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม ว่า คงไม่มีอะไร และไม่ใช่เรื่องที่ต้องแปลกใจอะไร เป็นเรื่องปกติ ตอนที่ตนไปเจอสมเด็จฮุนเซน ท่านก็พูดคุยกับตนอย่างนี้
“ท่านบอกผมมาเองว่า ไม่ต้องกังวลใจเรื่องกรณีคุณทักษิณ ท่านแยกแยะได้ว่าเรื่องความเป็นเพื่อนก็เป็นเพื่อนกันอยู่ ท่านบอกว่าคนเป็นเพื่อนก็คบกันเป็นเพื่อน และท่านยืนยันกับผมมาเหมือนกันว่า คุณทักษิณเป็นเพื่อนท่าน แต่เรื่องภาระหน้าที่ของบ้านเมืองในการเป็นหัวหน้ารัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องแยกกัน ตอนนั้นท่านพูดกับผมอย่างนั้น เพราะฉะนั้นจึงไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้น” นายสุเทพ กล่าวไว้ (3)
แหล่งข่าวใกล้ชิดทหารกลุ่มเขมรแดง เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" ว่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาสื่อมวลชนหลายแขนง โดยเฉพาะโทรทัศน์และวิทยุของกัมพูชาได้เสนอข่าวอย่างคึกโครมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย จะบินมาร่วมงานแข่งเรือประจำปีและงานลอยกระทงที่กรุงพนมเปญ และประชาชนกัมพูชาต่างตื่นเต้นฮือฮากับข่าวนี้มาก
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะอยู่นานแค่ไหนและจะเข้าพักอาศัยบ้านที่นายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้สร้างไว้รองรับหรือไม่ แหล่งข่าวกล่าวว่า เรื่องพักบ้านดังกล่าวหรือไม่รู้แน่นอน แต่คงมาอยู่ช่วงสั้นๆ เป็นการตอบแทนที่นายกฯ ฮุนเซนได้ประกาศแสดงน้ำใจ..(4)
แม้นภดล ปัทมะ จะออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว แต่กระแสข่าวที่เกิดขึ้นก็สะท้อนสถานะของประเทศเพื่อนบ้านของฮุน เซน ผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน กับการสร้างบ้านให้เพื่อน อันเป็นผลงานสถาปัตยกรรมสำหรับที่พักอาศัยพักผ่อน มันทำให้ทักษิณเป็นเพื่อนบ้านในฐานะความสัมพันธ์ส่วนตัว มากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ส่วนร่วมทำประวัติศาสตร์ของการจัดเวทีอาเซียน โดยประเด็นต่อมา คนนอกในเวทีอาเซียนของพรรคการเมืองใหม่ ที่ยังไม่มีส่วนร่วมเป็นรัฐบาล แต่ว่าก็ทำการปิดความสัมพันธ์ของไทยกับกัมพูชา โดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุ่มเสื้อเหลือง ที่เกี่ยวพันกับสื่อผู้จัดการ แล้วมาเป็นกลุ่มทางการเมือง คือ พรรคการเมืองใหม่ ก็ไม่มีอะไรใหม่จริงในเวทีอาเซียน
อย่างไรก็ตาม ภาพการยกระดับของพรรคการเมืองใหม่ ก็ไม่ก้าวข้ามพ้นว่า ภาพพรรคการเมืองใหม่เป็นชาตินิยม ในสถานการณ์ทางการเมือง “ประเด็นปราสาทเขาพระวิหาร” (5) อันเป็นอุดมการณ์ของกระแสชาตินิยม ต่อมาจนถึงในเรื่องพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นอคติต่อพรมแดนไทยกับกัมพูชา ในเวทีอาเซียน สะท้อนออกมาเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองของไทยกับกัมพูชาดังกล่าว ซึ่งหากเทียบกับกระแสข่าวทักษิณไปงานแข่งเรือและงานลอยกระทง ซึ่งมันเป็นวันพักผ่อนหย่อนใจของประชาชนกัมพูชา โดยผูกโยงเรื่องวัฒนธรรมประเพณีของกัมพูชาด้วย จึงเปรียบเหมือนว่า แข่งพายแข่งได้ แต่ว่าพรรคการเมืองใหม่ ไม่มีประเด็นอะไรแข่งขันเพิ่มคะแนนเสียงของประชาชนกับพรรคเพื่อไทย ที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใหม่ๆ ที่ทำให้เป็นเพื่อน เป็นพันธมิตร เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่อาจสู้แข่งขันช่วงชิงชัยชนะกับทักษิณ-ฮุน เซน ในความมั่นคงของความเป็นเพื่อนบ้านไร้พรมแดน
อ้างอิง
(1) อากัปกิริยา"ฮุน เซน" อากัปกิริยา"บิ๊กจิ๋ว" ส่งผลต่อปฏิกิริยา รบ.มาร์ค, มติชนรายวัน, 23 ต.ค. 52
(2) รายงานพิเศษ : ฮุน เซน... “มิตรแท้” หรือ “จอมตลบตะแลง”?, ASTV ผู้จัดการออนไลน์
(3) สุเทพเผยคุยฮุนเซ็นแล้ว ย้ำแก้ปัญหาประเทศเพื่อนบ้านด้วยสันติวิธีและการเจรจา, ประชาไท, 28 ต.ค. 52 http://www.prachatai.com/journal/2009/10/26368
(4) สื่อเขมรตีข่าวทักษิณจะมาลอยกระทงพนมเปญ2พ.ย.: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์, 29 ต.ค. 52
วันที่ 29 ตุลาคม 2552 17:50
(5) อรรคพล สาตุ้ม: ปรัชญา ปวศ. ศิลปะแบบชาตินิยม 'ปราสาทพระวิหาร-อนุสาวรีย์ชัยฯ'