ยิ่งนายอภิสิทธิ์ ด้วยแล้ว การที่มีมือหนุนหลัง ผนวกกับภาพลักษณ์ของออกซ์ฟอร์ด สไตล์ ยิ่งทำให้ในวันนี้ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาแล้ว แม้แต่คนในพรรคเดียวกันเอง ต่อให้ระดับอาวุโสอย่างนายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หรือแม้แต่กระทั่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งสู้อุตส่าห์ทำตัวเป็นข้ารับใช้ในทุกเรื่องอย่างเต็มที่ยังถูกนายอภิสิทธิ์ข้ามหน้าข้ามตาหลายต่อหลายครั้งแล้วขนาดคนในพรรคเดียวกันยังถูกเหยียดหยามขนาดนี้ แล้วพรรคร่วมรัฐบาลจะเหลืออะไร
เล่นเกมให้เป็น ต้องเล่นให้ได้ประโยชน์ทุกครั้ง และเล่นเกมทุกครั้งต้องไม่ให้เพลี่ยงพล้ำ!!!นักการเมืองหลายคน โดยเฉพาะบรรดาคนในพรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในบ้านเมืองนี้ ดูจะคุ้นเคยเป็นอย่างมากไม่ว่าคู่ปรับทางการเมืองจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน เจอการเล่นเกมสไตล์ประชาธิปัตย์ขนานแท้ หากไม่ทันเกมก็เสียท่าให้พรรคประชาธิปัตย์มาแล้วทั้งนั้น จากอดีตมาจนถึงปัจจุบันก็ขนาดคนในพรรคเดียวกันเอง ยังเล่นเกมจนระเห็ดระเหเร่ร่อน กระดอนกระเด็นออกจากพรรคประชาธิปัตย์กันให้เห็นไม่รู้จักเท่าไหร่แล้วกรณีการประท้วงของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย(สร.รฟท.) ที่ขณะนี้ตึงเครียดมากขึ้น จากวิธีการแก้ปัญหาของนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่เลือกเล่นไม้แข็งกับหัวโจก สร.ร.ฟ.ท.ภายใต้การอมยิ้มตุ่ยนั่งดูเกมนี้อย่างสนุกสนานจากพรรคแกนนำรัฐบาล และจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีแบบนี้จะไม่ให้มองว่าเป็นเกมการเมืองได้อย่างไรเพราะในขณะที่นายโสภณเล่นไม้แข็ง เชือด เชือด เชือด และเชือดแต่พรรคประชาธิปัตย์กลับเหนือเมฆ ทั้งส่งนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ไปเล่นบทปลอบใจถึงสงขลาในขณะที่นายอภิสิทธิ์นั่งตีขิมอยู่บนกำแพง รอคอยให้แกนนำ สร.ร.ฟ.ท. วิ่งเข้าหา???ทั้งหมดล้วนเป็นข้อสงสัย และเป็นสิ่งที่นายโสภณ และพรรคภูมิใจไทยจับตามองดูอยู่อย่างไม่กระพริบเพราะดูเหมือนว่านับวันพรรคประชาธิปัตย์จะเล่นเกมกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะกับพรรคภูมิใจไทย และยิ่งเฉพาะลงไปอีก คือกับก๊วนเพื่อนเนวินมากเกินไปแล้วหรือไม่???คำพูดของนายโสภณ สะท้อนอารมณ์ชัดเจนที่ระบุว่าจะทำให้เห็นว่าตัวตนที่แท้จริงของร.ฟ.ท.ว่าเป็นอย่างไร เป้าหมายการดำเนินการในเรื่องนี้ก็คือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับร.ฟ.ท. ถือเป็นการทำสิ่งที่ดีมีประโยชน์ทั้งต่อร.ฟ.ท.และประเทศชาติประชาชนโดยพัฒนา ร.ฟ.ท.ให้มีความเจริญมากขึ้น “ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครไม่อยากให้องค์กรตัวเองพัฒนา จึงอยากขอความร่วมมือ การดำเนินการจะต้องยึดหลักระเบียบกฎหมายที่มีอยู่ หากผู้ว่ากระทำนอกเหนือกฎหมายผู้ว่าก็จะต้องรับผิดชอบไม่มีการกลั่นแกล้งกัน” นายโสภณ กล่าวแถมนายโสภณยังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้องค์กรรถไฟถือว่าเป็นคนป่วยที่เข้าขั้นโคม่าและปัญหาต่าง ๆ ก็สุกงอมแล้ว หมอจะต้องให้ยาแรงและให้ยาที่ตรงกับโรค หากมีการวินิจฉัยผิดก็จะต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวว่าใครจะโดนออกหรือไม่โดนออก อยู่ที่คนในองค์กรจะต้องเคารพกฎเกณฑ์ซึ่งกันและกัน
ใครถูกลงโทษก็ต้องถือว่า แล้วแต่กรรมที่ใครทำอะไรกันไว้ แต่ประโยคที่ซ่อนนัยทางการเมือง พร้อมกับสะท้อนระดับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคภูมิใจไทย กลุ่มเพื่อนเนวิน กับพรรคประชาธิปัตย์ ก็คือ“ผมก็อยากถามเหมือนกันว่าทำไมภาคอื่นไม่เห็นมีปัญหา แล้วทำไมมามีปัญหาที่ภาคใต้ภาคเดียว ก็ไม่เข้าใจ และยืนยันว่านายถาวรไม่ได้มาหารือกับผมก่อน รู้ ๆ ก็คือ ไปคุยกันเสร็จแล้ว ทั้งๆ ที่กระทรวงคมนาคมก็แก้ไขปัญหาเรื่องนี้อยู่ เพราะหากแก้ไขปัญหาด้วยการไปรับปากอย่างที่สหภาพต้องการเรื่องดังกล่าวก็จบไปนานแล้ว แต่ที่ล่าช้าเพราะทางกระทรวงจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ผมไม่อยากให้ทำเป็นมวยล้มต้มคนดู ต้องทำให้ถูกต้อง” นายโสภณระบายความรู้สึกออกมาเป็นชุดแม้ว่านายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะออกมาไกล่เกลี่ยทำนองว่า ที่นายถาวร ไปเจรจากับแกนนำสร.รฟท. ภาคใต้ คงมีเจตนาดีที่จะเข้าไปช่วยแก้ปัญหา แต่อาจขาดการติดต่อสื่อสารกับนายโสภณก่อน“แม้มหาดไทยจะดูแลปัญหาของประชาชนทุกจังหวัด แต่การเข้าไปแก้ไขปัญหารถไฟ ควรให้กระทรวงคมนาคมเป็นหลัก นายถาวรน่าจะพูดคุยกับนายโสภณก่อนที่จะไปหารือกับสหภาพฯ แต่นายถาวรคงเจตนาดี และไม่ได้รับปากกับสหภาพฯ ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร”นายชวรัตน์ กล่าวอย่างไรก็ตาม นายชวรัตน์ ยอมรับว่า ลิ้นกับฟันอยู่ใกล้กันก็ต้องกระทบกันบ้าง แต่ถ้าทุกคนเข้าใจ เชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไร ขณะนี้การทำงานของสองพรรคยังเป็นไปด้วยดี ส่วนตัวยังรับได้แต่เกมนี้อย่าเพิ่งคิดว่า ประชาธิปัตย์จะเหนือเมฆกับภูมิใจไทยและก๊วนเพื่อนเนวินได้ง่ายๆเพราะนอกจากนายโสภณจะรู้ทัน รวมทั้งมีการออกหมัดตอบโต้แล้วบรรดาส.ส.พรรคภูมิใจไทยยังมีการขาดประชุม ให้วิปรัฐบาลหวาดเสียวเล่นเอาดื้อๆ ในภาวะที่รัฐบาลต้องเผชิญหน้ากับพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย การที่เสียงส.ส.ที่สนับสนุนรัฐบาลหายไปหลายเสียงนั้นไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ แต่ที่น่าห่วงก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ที่เล่นเกมนี้อย่างประเจิดประเจ้อ เพราะเชื่อมั่นว่ามีอำนาจทหาร รวมทั้งผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนค้ำชูให้เป็นรัฐบาลอย่างเหนียวแน่น ก็เลยความเชื่อมั่นขึ้นสูงระดับปรอทแตก
ยิ่งนายอภิสิทธิ์ ด้วยแล้ว การที่มีมือหนุนหลัง ผนวกกับภาพลักษณ์ของออกซ์ฟอร์ด สไตล์ ยิ่งทำให้ในวันนี้ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาแล้ว แม้แต่คนในพรรคเดียวกันเอง ต่อให้ระดับอาวุโสอย่างนายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หรือแม้แต่กระทั่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งสู้อุตส่าห์ทำตัวเป็นข้ารับใช้ในทุกเรื่องอย่างเต็มที่ยังถูกนายอภิสิทธิ์ข้ามหน้าข้ามตาหลายต่อหลายครั้งแล้วขนาดคนในพรรคเดียวกันยังถูกเหยียดหยามขนาดนี้ แล้วพรรคร่วมรัฐบาลจะเหลืออะไรการวางท่าทีและเดินเกมอย่างอหังการในอำนาจเช่นนี้ งานก็เลยย้อนกลับมาเข้าพรรคประชาธิปัตย์อย่างช่วยไม่ได้เหมือนกันเพราะพรรคร่วมที่พยายามวางตัวเป็นกลางอย่างพรรคชาติไทยพัฒนายังอดรนทนดูไม่ได้ ต้องออกมากระแอมกระไอว่า พรรคสนับสนุนให้ใช้วิธีการทางกฎหมายหรือข้อบังคับที่มีอยู่ ดำเนินการแก้ไขไปตามเหตุและผล ที่สำคัญหากมีกลุ่มการเมืองหรือพรรคการเมืองใดที่อยู่เบื้องหลังความเดือดร้อนของคนทั้งประเทศ ขอให้ยุติการเคลื่อนไหวด้วยวิธีการนี้ เพราะไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากจะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน... นี่คือ จุดยืนของชาติไทยพัฒนาเช่นกันกับพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งถูกมองว่าสนิทชิดเชื้ออย่างมากกับบรรดาสหภาพรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะกับ สร.ร.ฟ.ท. เนื่องจากนายสาวิทย์ แก้วหวาน ถือเป็นศิษย์คนโปรดของนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯแห่งพรรคการเมืองใหม่นั่นเองเกมนี้แรงไม่แรง ก็ขนาดที่ว่านายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ นอกจากจะออกมาแก้ต่างว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลัง หรือสนับสนุนให้ สร.ร.ฟ.ท.ประท้วงแต่อย่างใดแล้วยังสวนกลับด้วยว่า ให้ประชาธิปัตย์ถามตัวเองให้ดีว่า คิดจะเป็นศัตรูทางการเมืองกับพรรคการเมืองใหม่หรือไม่?... แสบไปถึงทรวงนายอภิสิทธิ์เลยทีเดียวร้ายกว่านั้นคือ การตอกหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตรงๆ ว่า คำสั่งไล่ออกสร.ร.ฟ.ท. ครั้งนี้หวังฉวยโอกาสลักไก่เดินหน้าแผนการขายกิจการรถไฟเพื่อหาเงินเลือกตั้ง คณะรัฐมนตรีชุดนี้โดยการผลักดันของกระทรวงคมนาคม ได้ออกแบบและคุยกับเอกชนบางกลุ่มไว้แล้ว แผนดังกล่าวมีปัญหาและกำลังจะเปิดช่องให้มีการคอรัปชั่นอย่างใหญ่โต
เป็นการสมรู้ร่วมคิดกันของคนในพรรคประชาธิปัตย์บางกลุ่มกับคนในพรรคภูมิใจไทย ที่หวังทั้งผลประโยชน์และคะแนนเสียงทางการเมือง แล้วมาใส่ไคร้บิดเบือนว่าพรรคการเมืองใหม่เกี่ยวข้อง และอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของสร.ร.ฟ.ท. “ถ้าคนในรัฐบาลเล่นเกมสกปรกแบบนี้และบีบเรามากเกินไป พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคการเมืองใหม่ก็อาจจะปรึกษาหารือกับสร.ร.ฟ.ท. อาจไม่มีทางเลือกหากจำเป็นต้องเคลื่อนไหวใหญ่”พร้อมกับย้ำว่าฝ่ายการเมืองต้องทบทวนมติไล่สร.ร.ฟ.ท.ออก!!!งานเข้าเต็มอกประชาธิปัตย์ไปเลย เมื่อเจอผู้มีบุญคุณขู่ฟ่อๆแถมกลุ่มสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ยังลงมาเล่นเกมนี้ด้วยแล้วว่า การที่รัฐมนตรีคมนาคม และผู้บริหาร ร.ฟ.ท. ประกาศปลดแกนนำ 6 คน ของสร.ร.ฟ.ท. และยื่นฟ้องเอาผิดกรรมการ สร.ร.ฟ.ท. 7 คน พร้อมเรียกค่าเสียหาย 70 ล้านบาท จากการหยุดวิ่งรถไฟ ถือเป็นคำสั่งและการใช้อำนาจไม่เป็นธรรม เป็นการจงใจทำลายระบบการตรวจสอบของ สร.ร.ฟ.ท.และเบี่ยงเบนประเด็น ความไม่โปร่งใส ไร้ประสิทธิภาพในการบริหารกิจการรถไฟจึงได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อนายอภิสิทธิ์ 6 ข้อคือ 1. ยกเลิกคำสั่งไล่ออกและถอนฟ้องกรรมการ สร.ร.ฟ.ท. 2. ปลด นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม และ นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท. เนื่องจากบริหารงานไร้ประสิทธิภาพ 3. เปิดเวทีสาธารณะ เพื่อรับฟังความเห็นประชาชนประเด็นความปลอดภัย 4. จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อปรับปรุงพัฒนา ร.ฟ.ท. 5. ให้สื่อของรัฐเสนอข้อเท็จจริงกรณีปัญหาร.ฟ.ท.ให้รอบด้าน และ 6. ยุตินโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจทุกรูปแบบดังนั้น งานนี้นายอภิสิทธิ์ ซึ่งสนุกสนานกับการเล่นเกมสารพัดเรื่อง เพราะเป็นโลกทัศน์การเมืองที่เด็กอย่างนายอภิสิทธิ์ไม่เคยสัมผัสมาก่อนวันนี้จึงรับเผือกร้อนไปเต็มๆนัดหมายที่ว่าจะเชิญ ตัวแทนทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นสหภาพการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้บริหาร ร.ฟ.ท. มาพูดคุยกันเพื่อคลี่คลายปัญหาอาจจะไม่ทันกับการเปลืองตัวก็ได้งานนี้
6 ข้อขีดเส้นตายขึงพืด‘มาร์ค’
เกมประท้วง สร.ร.ฟ.ท.บานปลายหนักขึ้นเรื่อยๆ พรรคร่วมรัฐบาลและพรรคการเมืองใหม่ กดดันทั้งนายกฯอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์อย่างรุนแรง ความสามัคคีไม่เหลือซาก