WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, November 7, 2009

ลืมทักษิณได้แล้ว ‘นิธิ’ แนะประเด็น ‘อภิสิทธิ์’ ฮุนเซนตั้งที่ปรึกษา เรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวรัฐไทย

ที่มา ประชาไท





"นิธิ" ติงรัฐบาล ลืมทักษิณได้แล้ว ไม่เห็นด้วยเรียกทูตกลับแรงเกิน แนะมองเขมรเท่าจีน-สหรัฐ และไม่ใช่เรื่องที่ฮุนเซนจะต้องฟังอภิสิทธิ์ อย่าเหมาว่า คนไทยไม่พอใจกรณีตั้งที่ปรึกษา เพราะรัฐบาลไม่ใช่ตัวแทนความรู้สึกของคนไทยทั้งหมด


เว็บไซต์มติชนรายงานการให้สัมภาษณ์ของ ศ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ถ.ราชดำเนิน เมื่อวันที่ 6 พ.ย. โดยกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลไทยเรียกเอกอัคราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศว่า เป็นมาตรการที่แรงเกินและไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ ตนเชื่อว่า ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาจะทำให้อีกหลายประเทศดีใจ เพราะหากดูจากคำแถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศของไทย สิ่งที่รัฐบาลไทยจะทักท้วงกัมพูชาได้ คือเรื่องที่ ฮุนเซน ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกตัดสินด้วยเหตุผลทางการเมือง ซึ่งเท่ากับเป็นการละเมิดว่าศาลไทยเชื่อถือไม่ได้ ประเด็นนี้สามารถประท้วงได้ แต่ต้องเลือกวิธีที่เหมาะสม เช่น การเรียกทูตกัมพูชามารับหนังสือชี้แจงหรือการส่งคำประท้วงโดยตรง ทำแค่นี้ก็พอแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องทำถึงขั้นเรียกทูตกลับประเทศ


นายนิธิ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยถือว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้นำกัมพูชา ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐไทย เพราะสิ่งที่รัฐไทยไม่พอใจ คือเรื่องที่กัมพูชาดูถูกว่าระบบยุติธรรมของไทยใช้ไม่ได้ เพราะหากจะเอาคนไทยที่พอใจจากการที่กัมพูชารับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่แน่ว่า อาจจะมากกว่าคนที่ไม่พอใจก็ได้ รัฐบาลจะมาบอกว่า เป็นตัวแทนความรู้สึกของคนไทยทั้งหมดไม่ได้


เมื่อถามว่า รัฐบาลไทยได้ระบุว่า ก่อนหน้านี้เคยคุยกับสมเด็จฮุนเซนแล้ว นายนิธิกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ ถ้าสมเด็จฮุนเซนจะบอกว่า ไม่รู้เรื่อง หรือมีสิทธิที่จะไม่เห็นด้วย เพราะไม่ได้เป็นลูกน้องหรือวอลเปเปอร์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่จะต้องฟังนายอภิสิทธิ์ทุกเรื่อง


เมื่อถามว่า นายกฯกัมพูชากำลังเห็นความสัมพันธ์ส่วนตัวสำคัญกว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใช่หรือไม่ นายนิธี กล่าวว่า ถ้อยคำดังกล่าวเป็นคำพูดของนายอภิสิทธิ์ แต่ตนคิดว่าไม่ใช่แบบนั้น เพราะอย่าลืมว่ากัมพูชาเป็นประเทศเล็กๆ จึงต้องการอำนาจต่อรองที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย เพราะทั้ง 2 ประเทศต่างก็เห็นว่าสงครามไม่ใช่คำตอบกัมพูชาต้องการนำเรื่องขึ้นสู่โต๊ะเจรจา จึงสร้างอำนาจต่อรองให้ตัวเองเพื่อผลประโยชน์ของเขาและประเทศกัมพูชา


“ผมเกรงว่า เราเรียกทูตกลับมาด้วยความคิดว่า เรื่องมันจะค่อยๆ คลี่คลาย หากเป็นแบบนั้นถือว่าไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่คลี่คลายก็แปลว่าทั้ง 2 ฝ่ายต้องยกระดับความขัดแย้งให้มันแรงขึ้นๆ ตรงนี้น่ากลัว เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะมีการยกระดับความรุนแรงถึงขั้นไหน ทั้งนี้ กัมพูชาไม่จำเป็นต้องยอมหรือเห็นด้วยกับข้อเสนอของประเทศไทยในทุกเรื่อง เพราะเขาเป็นคนละประเทศกับเรา ดังนั้น อยากให้รัฐไทยมองกัมพูชาในระดับที่เท่ากับเรามองสหรัฐ หรือจีนได้หรือไม่ ไม่ควรมองว่าเป็นลูกน้องที่จะต้องยอมเราตลอด เพราะถ้าเรามองตามความจริงแบบนี้จะทำให้เรากลับมาคิดว่าเราจะต้องวางแผนอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น และต้องทำอย่างไรจึงจะไม่เสียเปรียบกัมพูชา เพราะหากรัฐไทยยังมองกัมพูชาด้วยทัศคติเช่นนี้ ก็ไม่แน่ใจว่ารัฐไทยจะสามารถรักษาผลประโยชน์ของรัฐได้หรือไม่” นายนิธิ กล่าวว่า


เมื่อถามถึงความได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องข้อพิพาทชายแดนไทย -กัมพูชา นายนิธิ กล่าวว่า สมเด็จฮุนเซน ได้ฝากบอก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯว่า กัมพูชาเห็นว่า ควรจะเจรจาในลักษณะทวิภาคีซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยต้องการอยู่แล้วใช่หรือไม่ เพราะไทยไม่ต้องการให้กัมพูชานำประเด็นดังกล่าวไปสู่เวทีนานาชาติ เพราะในการเจรจาแบบ 2 ฝ่าย รัฐไทยจะได้มีอำนาจต่อรองมากกว่าใช่หรือไม่ ส่วนเรื่องข้อพิพาททางทะเล ทางกัมพูชาได้ขอให้เป็นเรื่องการเจรจาร่วมกันของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมทาง บกไทย-กัมพูชา ที่จะต้องทำการตกลงกัน ซึ่งถ้าไทยเป็นกัมพูชาที่ถูกแบ่งผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนในสัดส่วนประมาณ 70 ต่อ 30 โดยกัมพูชาได้ 30% เขาก็ต้องไม่พอใจอยู่แล้ว เพราะถ้าเป็นประเทศไทยก็คงยอมรับไม่ได้ แต่ไทยก็คิดว่า การแบบนี้ถือว่ายุติธรรมแล้วเพราะพื้นที่ทับซ้อนที่มีทรัพยากรอยู่ในฝั่งไทยมากกว่าฝั่งกัมพูชา ไทยก็ควรได้ส่วนแบ่งมากกว่า ปัญหาคือ จะทำให้กัมพูชายอมรับข้อตกลงตรงนี้ได้อย่างไร เพราะถ้ามีการใช้กำลัง แม้ว่ารัฐไทยจะชนะ แต่ถามว่าไทยพร้อมทำสงครามระยะยาวหรือไม่ ไหวหรือเปล่า


นายนิธิ กล่าวด้วยว่า อยากเสนอรัฐบาลว่า ลืม พ.ต.ท.ทักษิณ ไปเสีย เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ จบชีวิตทางการเมืองไปแล้ว อย่าไปห่วง พ.ต.ท.ทักษิณ เลย อย่างไรก็ตาม คนที่มีเงินและได้รับความนิยมสูงสามารถสร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศได้ แต่ตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าไม่มีความหมายแล้ว ดังนั้นอย่าไปสนใจคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ เลย





.......................................................

ที่มา : เว็บไซต์มติชนออนไลน์